โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เที่ยวญี่ปุ่น แสดงบทความทั้งหมด

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1"

ไปทัวร์ญี่ปุ่น

1. สวนไดโนเสาร์ ซากุระจิมะ
ที่ตั้ง : เมืองคะโงะชิมะ จังหวัดคะโงะชิมะ
การเดินทาง : โดยเรือเฟอรี่ซากุระจิมะ จากท่าเรือคะโงะชิมะฮงโค (ใกล้สถานีรถไฟ JR คะโงะชิมะ) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : เป็นสวนสาธารณะบนภูเขาไฟ "ซากุระจิมะ" ซึ่งลอยอยู่ในอ่าว "คิงโค" ห่างจากฝั่งตัวเมือง คะโงะชิมะ 4 กิโลเมตร "ซากุระจิมะ" เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ปัจจุบันยังคงมีควันลอยออกมาจากปล่องอยู่ เมื่อต้นซากุระจำนวน 3,000 ต้นของที่นี่ผลิดอก ผู้คนจำนวนมาก จะเดินทางมาเพื่อนั่งชมดอกซากุระ บนสนามหญ้าของสวนสาธารณะแห่งนี้ นอกจากนั้นภายในสวนยังมีหุ่นจำลองไดโนเสาร์ 7 ชนิด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่เด็กๆ ต่างชื่นชอบ

2. บริเวณรอบๆปราสาท คุมะโมะโตะ
ที่ตั้ง : เมืองคุมะโมะโตะ จังหวัดคุมะโมะโตะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจําทางจาก สถานีรถไฟ JR คุมะโมะโตะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ปราสาทคุมะโมะโตะ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งในสามปราสาท ที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี หากได้เดินชมตัวปราสาทที่อาบแสงไฟ และดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว จะได้รับรู้ถึงกับความสุขกับบรรยากาศแสนโรแมนติก 

3. สะพานคินไตเคียว
ที่ตั้ง : เมืองอิวะกุนิจังหวัดยะมะงุจิ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิวะกุนิ หรือสถานีรถไฟ JR ชินอิวะกุนิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สะพานคินไตเคียวเป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่างจากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อเริ่มต้นเข้าเดือนเมษายนบริเวณรอบๆ สะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพานคินไตเคียวจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงฤดูชมดอกซากุระยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟด้วย กิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับที่นี่คือ การล่องเรือชมสะพานคินไตเคียวและดอกซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง 

4. สวนสาธารณะ ทสุรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทสุยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาททสุยะมะปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของประเทศ แนะนำไปทัวร์ญี่ปุ่นดีกว่าค่ะ

5. สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองมะทสุยะมะ จังหวัดเอะฮิเมะ 
การเดินทาง : ลงรถไฟสาย อิโยะเท็ตสึโด ที่สถานีไคโคโต แล้วต่อรถกระเช้าขึ้นไปอีก 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: นอกจากจังหวัดเอะฮิมะจะเป็นที่รู้จักในเรื่อง บ่อน้ำพุร้อนโดโงะ ดอกซากุระของปราสาทมะทสุยะมะมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามด้วย ในงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของมะทสุยะมะนอกจากจะได้ชมดอกซากุระแล้ว ยังจะได้ชมการจำลองจัดขบวนทัพของเหล่านักรบ ที่มีชื่อว่าไดเมียวเกียวเร็ตทจึและการแข่งขันเล่นยาคิวเค็งระดับประเทศด้วย

6. ปราสาท ฮิเมะจิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR ฮิเมจิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดโฮริวหยิที่นาราและปราสาทฮิเมะจิแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1993 ภายในตัวปราสาทนอกจากจะมีทรัพย์ สมบัติของชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าเก็บรักษาอยู่แล้ว 


7. โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเทมมาบาชิ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน (เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงหนึ่งสัปดาห์)
ข้อมูลน่ารู้ : เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาในโรงกษาปณ์ เพื่อชื่นชมความงามของดอกซากุระตามทางเดินริมน้ำ ที่มีชื่อว่าซากุระโนะโทโอรินุเคะได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีเท่านั้น จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาถึงปีละล้านกว่าคน ที่พลาดไม่ได้คือ การเดินผ่านถนนที่มีดอกซากุระปกคลุมอยู่ด้านบนเต็มไปหมด คล้ายกับกำลังเดินผ่านอุโมงค์ดอกซากุระ ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างงดงามสามารถเข้าชมได้จนถึงเวลา 3 ทุ่ม

8. สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน ทานิมาจิยนโจเมะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของปราสาทโอซาก้า ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ภายในสวนมีซากุระกว่า 600 ต้น เมื่อเข้าสู่ฤดูชมดอกซากุระ ที่นี่จะคับคั่งไปด้วยบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่พาครอบครัวมาเที่ยว เฉพาะในช่วงฤดูชมซากุระเท่านั้น ที่จะมีการประดับโคมไฟกระดาษกว่า 200 อัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมปราสาทโอซาก้า และดอกซากุระในยามค่ำคืนได้


9. วัดคิโยมิสึ
ที่ตั้ง : เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR เกียวโต ลงที่ป้าย คิโยมิสึ แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดคิโยมิสึเป็นสัญลักษณ์ของเกียวโตเมืองหลวงเก่าของการไปเที่ยวญี่ปุ่น วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีก่อนปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในฤดูชมซากุระกลีบดอกจากต้นซากุระที่มีอยู่กว่า 1,000 ต้น ในวัดแห่งนี้จะโปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม ในช่วงที่ดอกซากุระบานทางวัดจะประดับไฟยามค่ำคืนเป็นเวลา 1 เดือน ท่านสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงาม ของลานคิโยมิสึบุโด และหอ 3 ชั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกซากุระ 


10. ภูเขา โยชิโนะ
ที่ตั้ง : โยชิโนะ – โจ จังหวัดนารา 
การเดินทาง: ใกล้สถานีรถไฟ โยชิโนะ (รถไฟคินเท็ตสึ สายโยชิโนะ)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นซากุระอยู่ถึง 30,000 ต้น มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังมีซากุระมากถึง 200 สายพันธุ์ ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระ ได้ตลอดเดือนเมษายน พื้นที่บนภูเขานั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วน จะมีช่วงที่ดอกซากุระบานไม่พร้อมกัน ของฝากที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ขนมที่มีส่วนผสมของดอกและใบซากุระ.....

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้...ท่านที่สนใจเดินทางทัวร์ญี่ปุ่นสามารถติดตามอันดับที่เหลือได้ในคราวหน้าค่ะ


ติดตามแฟนเพจของเราได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ Twitter wonderfulweb

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

โยโกฮาม่าเมืองอุตสหกรรมและศูนย์กลางขนส่งทางทะเลของญี่ปุ่น เราได้ยินและคุ้นเคยกับเมืองโยโกฮาม่าของญี่ปุ่นเมืองนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเอง หรือคนไทยบ้านเราก็อยากที่จะเข้าไปทำงานและอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้หลายหมื่นคน

เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียวในเขตจังหวัดคากานาว่า (Kaganawa ken) โดยมีเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือเมืองคาวาซากิ (Kawasaki) คามาคุระ (Kamakura) รวมถึงฮาโกเน่ (Hakone)

โยโกฮาม่า เป็นเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า อุตสาหกรรม แฟชั่นและการคมนาคมไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ

คาวาซากิ เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนัก ที่รู้จักกันดีคืออุตสาหกรรมโรงงานผลิตรถยี่ห้อ Kawasaki โรงงานผลิตรถไฟชินคังเซ็นที่วิ่งไปทั่วญี่ปุ่นก็มีฐานการผลิตอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้เห็นปล่องควันจากโรงงานต่างๆมากมายอยู่ตลอดเส้นทางที่จะต้องผ่านไปยังเมืองโยโกฮาม่านั่นเองค่ะ

ยังมีทัวร์ญี่ปุ่นที่น่าสนใจอยู่อีกมากมายติดตามได้ที่นี่เลยจ้า....

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

เที่ยวญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางที่สะดวกง่ายดายที่สุดจากกรุงโตเกียว(ญี่ปุ่น) ไปยังเมืองแห่งความสงบเมืองนิคโก้มี 2แบบดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1
1.เดินทางโดยวิธีนั่งรถไฟสายโทบุ (Tobu Nikko Line)
ขึ้นจากสถานีโทบุ อาซากุสะ (Tobu Asakusa) นั่งไปยังสถานีนิคโก้ (Tobu Nikko) มีให้เลือกย่อยออกไปอีก2แบบด้วยกันคือขบวน Rapid ใช้เวลาเดินทาง 130 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 1,320 เยน และขบวน Limited Express ใช้เวลาเดินทาง 110 นาทีค่าโดยสารอยู่ที่ 2,620 เยน(ต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Omiya)

2.เดินทางโดยรถไฟ JR
ขึ้นจากสถานีโตเกียว หรือ อุเอโนะ (Ueno) นั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen มาลงที่สถานี Utsunomiya (50 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 4,600 เยน) แล้วจากนั้นต่อไปสาย JR Nikko ลงสถานี JR Nikko (40 นาที ค่าโดยสาร 740 เยน) ทั้งนี้สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ

วิธีที่ 2
นั่งโดยรถไฟร่วมระหว่าง Tobu กับ JR
จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) หรืออิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) นั่งขบวน Direct Shinjuku-Nikko Limited Express ผ่านสถานี Omiya มาลงที่สถานี Tobu Nikko ใช้เวลาเดินทาง 120 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 3,900 เยน (ไม่สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ)

เพื่ออำนวยความสะดวกและให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้เซฟค่าใช้จ่ายกันได้บ้าง จึงมีการออกตั๋วโปรโมชั่นให้เลือกหลายแบบ ดังต่อไปนี้
1.ตั๋ว All Nikko Pass ราคาผู้ใหญ่ 4,400 เยน เด็ก 2,210 เยน ใช้เดินทางไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa ถึงสถานี Tobu Nikko รวมทั้งใช้โดยสารรถไฟของ Tobu และรถบัสในเมืองนิคโก้รวมถึงบริเวณรอบนอกได้แบบไม่จำกัด ตั๋วมีอายุ 4 วัน โดยใช้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆได้
2.ตั๋ว World Heritage Pass ราคาผู้ใหญ่ 3,600 เยน เด็ก 1,700 เยนใช้โดยสารรถไฟไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa แล้วใช้โดยสารรไฟของ Tobu ในเมืองนิคโก้ได้ทุกสถานี แต่ใช้โดยสารรถบัสได้ระหว่างสถานีโทบุ นิคโก้ กับบริเวณแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) เท่านั้น ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยตั๋วมีอายุ 2 วัน 
*ขอแนะนำแบบนี้ค่ะ เพราะสามารถใช้เข้าชมโบราณสถานในบริเวณ World Heritage Site ได้

3.ตั๋ว Kinugawa Themepark Pass เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวญี่ปุ่นชมสวนสนุกทั้งสองแห่งคือ Edo Wonderland และ Tobu World Square ใช้เดินทางไป-กลับระหว่างสถานี Tobu Asakusa กับ Nikko รถไฟในเมืองนิคโก้และรถบัสรับส่งระหว่างสวนสนุกกับสถานีรถไฟเท่านั้น จึงไม่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ หรือแม้แต่คณะมากับทัวร์ญี่ปุ่นด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งควรที่จะไปเที่ยวชมแหล่งมรดกโลกและความงดงามของธรรมชาติมากกว่า หรือถ้ามีตั๋วทั้ง2แบบข้างต้นแล้วอยากที่จะไปเที่ยวชมสวนสนุกจริงๆ ค่อยซื้อตั๋วเข้าชมเป็นแห่งๆไป จะเหมาะกว่านะคะ

ตั๋วทุกแบบนั้นสามารถหาซื้อกันได้ที่สำนักงาน Tobu Sightseeing Service Center หรือ Tobu Travel ในสถานีรถไฟ Tobu Asakusa (ริมแม่น้ำซูมิดะ ใกล้ๆวัดอาซากุสะ) หรือสำนักงาน Tobu Travel ในสถานีรถไฟใหญ่ๆในกรุงโตเกียวค่ะ

*สำหรับผู้ที่มีตั๋ว JR Rail Pass แล้วควรใช้บัตรใบนี้ให้คุ้มค่าดีกว่าค่ะ

สุดยอด7สถานที่ในนิคโก้-ญี่ปุ่น

สุดยอด7สถานที่ในนิคโก้-ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

เมืองนิคโก้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีก ที่บริเวณทะเลสาปซูเซ็นจิอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งถ้ามีเวลาควรหาโอกาสไปเที่ยวชม โดยเริ่มต้นนั่งรถเมล์ได้ที่หน้าสถานีรถไฟโทบุดังนี้

1.ทะเลสาปซูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) เป็นที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น โดยเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1,200 เมตร มองเห็นภูเขานันไต (Nantaisan) ได้อย่างชัดเจน มีทิวทัศน์ที่สวยงามในทุกฤดู
ทะเลสาปซูเซ็นจิ

2.น้ำตกเคง่อน (Kegon Waterfall) ความสูงของสายน้ำตก 99 เมตร สายน้ำไหลหล่นมาจากหน้าผาของแม่น้ำโอจิริ (Ojiri)
น้ำตกเคง่อน

3.วัดซูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) เป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมพันกรที่แกะสลักขึ้นจากไม้สนซีด้าร์ ที่มีปลูกขึ้นมากมายในบริเวณนี้
วัดซูเซ็นจิ

4.บ่อน้ำพุร้อนซูเซ็นจิ (Chuzenji Hot Springs) มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมและเรียวกังที่ให้บริการบ่อน้ำร้อนออนเซ็น เหมาะสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่ไปเป็นหมู่คณะ
ออนเซ็นซูเซ็นจิ

5.ยูโมะโตะออนเซ็น (Yumoto-onsen) โรงแรมแบบญี่ปุ่นให้บริการบ่อน้ำร้อน ท่ามกลางธรรมชาติขุนเขาและทะเลสาป
ออนเซ็น

6.เมืองจำลอง Tobu World Square จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วโลกรวบรวมไว้ที่แห่งนี้ โดยค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็ก 1,200 เยน เปิดให้บริการทุกวัน 09.00-17.00 น.
Tobu World Square

7.สวนสนุก Edo Wonderland เมืองนินจา ภายในตกแต่งอาคารและถนนหนทางให้เหมือนสมัยเอโดะ มีการแสดงโชว์นินจา ขบวนพาเหรดย้อนยุคในชุดพื้นเมืองและกิโมโน
Edo Wonderland

ติดตามแฟนเพจ facebook.com/wonderfulfanpage
และ https://twitter.com/wonderfulweb

บ้านไม้อายุกว่า 200 ปี บ้านตระกูลดาเตะที่เซ็นได

"บ้านไม้อายุกว่า 200 ปี บ้านตระกูลดาเตะที่เซ็นได"

ทัวร์ญี่ปุ่น



บ้านตระกูลดาเตะ (Date clan’shouse)
แม้ปัจจุบันบ้านไม้อายุกว่า 200 ปีหลังนี้จะไม่ได้ตั้งอยู่บนสถานที่เดิมแล้ว เนื่องจากได้มีการโยกย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบัน แต่ก็ยังคงใช้วัสดุอุปกรณ์ของบ้านหลังเดิมเกือบทั้งหมดและแม้บ้านหลังดังกล่าวจะผันมาเปิดเป็นร้านอาหาร แต่ก็ยังคงอนุรักษ์และรักษาสภาพของการเป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลสำคัญของเมืองไว้เป็นอย่างดี โดยเป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นล่างเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศเพียบพร้อมด้วยอาหารชุดสุดหรู ปรุงแต่งอย่างปราณีต ส่วนชั้นบนยังคงเก็บรักษาสภาพของห้องทำงาน ห้องเก็บหนังสือ ห้องสมุด และห้องลับของเจ้าของบ้านซึ่งหลังจากชมห้องด้านบนแล้ว พนักงานประจำร้านยังพาเดินลงบันไดมายังห้องด้านล่างที่แบ่งทางเดินเป็น 2 ระดับ โดยระดับที่สูงกว่าเป็นทางเดินเฉพาะของเจ้าของบ้านส่วนทางเดินที่ต่ำลงมาเป็นทางดินของคนรับใช้และข้าทาสบริวาร

บ้านไม้หลังใหญ่นี้ยังมีสวนแบบญี่ปุ่นสวยๆที่จัดวางโต๊ะสำหรับพิธีชงชาไว้ด้านนอก ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของบ้านแบบญี่ปุ่นได้อย่างเข้าถึงและอิ่มเอม


ท่านสามรถดูโปรแกรมท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ที่ "ทัวร์ญี่ปุ่น" ค่ะ

ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น

ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

ชมความงามของโบราณสถานมรดกโลกเสร็จแล้ว จะกลับมาขึ้นรถเมล์ตรงป้ายเดิมเพื่อจะได้ลงจากเขา หรือถ้าจะเดินไปทางซ้ายมือจากซุ้มขายตั๋วตรงปากทางเข้าวัดรินโนจิก็ได้ เที่ยวญี่ปุ่นต่อโดยลงเขาไปประมาณ10นาที ก็จะถึงสะพานชินเคียวที่ไม่ควรพลาดชม
เที่ยวญี่ปุ่น
สะพานโค้งสีแดงทอดข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ตรงเชิงเขาปากทางขึ้นสู่แหล่งมรดกโลกที่เพิ่งไปชมมานี้มีชื่อว่าสะพานชินเคียว หรือสะพานอสรพิษคู่มีความยาว 28เมตร กว้าง7เมตร อยู่สูงจากระดับน้ำราวๆ10เมตร สร้างจากไม้โดยมีเสาหินรองรับน้ำหนัก ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของบรรดาสะพานไม้โบราณในการเดินทางไปทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ และสะพานแห่งนี้ก็จะทาด้วยสีแดงสด
ทัวร์ญี่ปุ่น

หากอยากเดินทางข้ามสะพานเพื่อเข้าไปชมความงดงามใกล้ๆต้องเสียค่าเข้าชม โดยผู้ใหญ่ 500 เยน เยาวชน 300 เยนและเด็ก 200 เยน แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเพียงแค่ยืนชมจากสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวขนานกันกับสะพานนี้ ก็สามารถชมความสวยงามของสะพานชินเคียวได้แบบชัดเจนพอๆกัน
ทัวร์ญี่ปุ่น

ใกล้ๆกันนั้นมีป้ายรถเมล์ชินเคียว สามารถเดินทางขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นอื่นๆต่อ หรือจะกลับไปยังสถานีรถไฟเจอาร์และสถานีรถไฟโทบุ ค่าโดยสาร 250 เยน ถ้าใครที่ต้องการจะชมเมืองจากจุดนี้ใช้เวลาประมาณ20นาทีก็จะเดินถึงสถานีรถไฟเจอาร์นิคโก้ เดินสบายค่ะ เพราะจะเป็นทางลาดค่อยๆลงเนินอย่างที่ได้บอกไปในตอนแรกค่ะ


แฟนเพจ : facebook.com/wonderfulfanpage

ประตูยาชาม่อน Yashamon ทัวร์ญี่ปุ่น

ประตูยาชาม่อน Yashamon ทัวร์ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

ประตูยาชาม่อน หรือ Yashamon  Gate ทั้งสี่ทิศของซุ้มประตูนั้นมีรูปปั้นปีศาจเฝ้าอยู่ 4 ตน โดยแต่ละตนนั้นจะมีสีที่ไม่เหมือนกัน พาไปทัวร์ญี่ปุ่นก็จะเห็นเป็นสีแดง เขียว น้ำเงินและสีขาว ลวดลายที่แกะสลักไว้บนซุ้มนั้นเป็นลายดอกโบตั๋น จึงเรียกชื่อประตูนี้อีกอย่างนึงว่า "ประตูดอกโบตั๋น (Peony Gate)" เพื่อลดความน่ากลัวลง

ก่อนที่จะไปถึงศาลาใหญ่นั้น ยังมีอีกหนึ่งประตูเล็กที่มีความสวยงามไม่แพ้กัน คือประตูคาราม่อน (Karamon Gate) ผ่านตรงนี้เข้าไปจะเป็นศาลา Sanctuary ตกแต่งด้วยสีดำ แดง น้ำเงินและสีทองที่ดูเคร่งขรึม ถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้สีน้ำเงินดำ จนถึงศาลาหลังสุดอาคารหลักของสุสานแห่งนี้ตกแต่งด้วยสีทองเหลืองอร่าม ดูสวยงามและภูมิฐาน สมเป็นที่ประดิษฐานพระอนุสาวรีย์ของโชกุนอิเอะมิตสุ โทกุกาว่า (Iemitsu Tokugawa) ซึ่งเป็นโชกุนรุ่นที่ 3 หลานชายของโชกุนอิเอะยาสุ โทกุกาว่านั่นเอง ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตบรรจงเช่นเดียวกัน

ก่อนออกมายังมีอีกหนึ่งประตูทางด้านข้างที่สวยงามเช่นกันนั่นคือ ประตูโกกะม่อน (Kokamon Gate) ที่ใช้ศิลปะแบบจีนสมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) ที่มีเสาโครงทำด้วยสำริดสีเขียวสลับทองตั้งประดับอยู่ทั้งสองด้านถ้าท่านสนในที่อยากจะไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็สามารถมาด้วยกันกับเราที่ Wonderfulpackage.com ค่ะ

ท่านสามารถรับชมวีดีโอ http://youtu.be/riTaj1z--yE

วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอินที่ญี่ปุ่น

วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอินที่ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
วัดในญี่ปุ่น


วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน (Iemitsu Taiyuin Temple)
จากศาลเจ้าฟูตาราซัน มีทางเดินเชื่อมไปยังวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอินตั้งอยู่ใกล้ๆกัน โดยสิ่งแรกที่จะได้เห็นคือศาลาหลังใหญ่ 2 หลัง มีรูปทรงและขนาดเท่ากัน แต่ศาลาหลังแรกเรียกชื่อว่า Jyogyo-do มีการตกแต่งภายในตามศิลปะแบบญี่ปุ่น ส่วนอีกหลังคาหนึ่งชื่อว่า Hokke-do จะมีการตกแต่งแบบจีน อาคารทั้งสองจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างนึงว่า "วัดแฝด" (Two Temples)

ถัดจากศาลานี้จะเป็นประตูนิโอมง (Nio-mon Gate) ซึ่งเป็นประตูทางเข้าสู่สุสานของวัดรินโนจิแห่งเมืองนิคโก้ (Nikko Mausoleum Rinnoji Taiyuin) ถัดจากนี้ด้านขวามือจะมีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ทั้งดื่ม ป้วนปากล้างมือ เพื่อเป็นการชำระจิตใจร่างกายให้สะอาดก่อนเข้าสู่บริเวณวัด

ด้านซ้ายมือมีซุ้มประตูขนาดใหญ่ มีความอลังการไม่แพ้ซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ ประตูนี้มีชื่อว่าประตูนิเท็นม่อน (Nitenmon Gate) หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "คามินาริม่อน" (Kaminarimon Gate) ประตูสายฟ้า เหมือนกับชื่อประตูใหญ่ของวัดอาซากุสะในโตเกียวเลยสองข้างประตูนั้นมีรูปปั้นของเทพเจ้าสายฟ้า (God of Thunder) และเทพเจ้าแห่งสายลม (God of Wind) ตั้งอยู่ด้วย

ความสนุกจากทัวร์ญี่ปุ่นยังมีอีกมากมายที่ Wonderfulpackage.com

https://www.facebook.com/wonderfulfanpage

เยือนญี่ปุ่นศาลเจ้าฟูตาระซัน

เยือนญี่ปุ่นศาลเจ้าฟูตาระซัน

เที่ยวญี่ปุ่น
ศาลเจ้าญี่ปุ่นฟูตาระซัน

หลังจากที่ห่างหายกันไปนานตอนที่ไปทัวร์ญี่ปุ่นกลับออกมาจากบริเวณศาลเจ้าโทโชกุ เมื่อเดินเลี้ยวขวาไปตามทางเดินที่มีความร่มรื่นประมาณ 200เมตร จะถึงประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าฟูตาระซัน (Futarasan Jinja) สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2162 

โดยโชกุนฮิเดะทาดะ (Shogun Hidetada) ศาลเจ้าแห่งนี้คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นที่สถิตของเทพ 3 องค์คือ โอคุนินุชิ โนะ มิกิโตะ ,ทาโงริฮิเมะ โนะ มิกิโตะ และอาจิสุคิตากะฮิโกเนะ โนะ มิกิโตะ โดยทั้งสามองค์เป็นเทพในครอบครัวเดียวกัน มีความสำคัญคือเป็นเทพที่นำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ญี่ปุ่น

หน้าอาคารศาลเจ้าอย่าลืมแวะชมโคมปีศาจ (Phantom Lantern) ล้อมกรอบมุงหลังคาไว้อย่างดีด้วยรั้วสีแดง โดยมีเรื่องเล่ากล่าวไว้ว่า ครั้งหนุ่งโคมอันนี้ได้กลายร่างเป็นปีศาจไล่อาละวาดชาวบ้านจึงถูกซามูไรฟันด้วยดาบ ถ้าสังเกตุให้ดีจะมีรอยดาบให้เห็นบนโคมใบนี้และล้อมกรอบไว้ไม่ให้ออกไปทำร้ายใครได้อีกในครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น ณ ที่แห่งใดกันต่อคอยติดตามกันด้วยนะคะ

โปรแกรมท่องเที่ยวมากมายที่ https://www.facebook.com/wonderfulfanpage

เยือนสุสานของโชกุนที่ญี่ปุ่น

เยือนสุสานของโชกุนที่ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
สุสานโชกุนอิเอยาสุ โทกุกาว่า

จากภาพแกะสลักแมวหลับ มีบันไดเดินขึ้นสู่สุสานที่ฝังร่างของโชกุนอิเอยาสุ โทกุกาว่า ผู็ก่อตั้งเมืองเอโดะให้เป็นเมืองหลวงใหม่ (ทัวร์โตเกียว) จริงๆแล้วท่านโชกุนนั้นเกิดในเขตคันไซ อยู๋ทางตอนกลางของญี่ปุ่น และสาเหตุที่โชกุนเลือกสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ที่เมืองนิคโก้ก็เพราะว่าต้องการให้ศาลแห่งนี้ช่วยปกป้องเมืองเอโดะให้แคล้วคลาดจากสิ่งชั่วร้าย (สมัยก่อนคนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า ทิศเหนือเป็นทิศที่ไม่ดี ภูติผีปีศาจจะมากันทางทิศเหนือ เมืองนิคโก้อยู่ด้านเหนือของเอโดะ จึงถูกเลือกให้สร้างศาลเจ้าไว้ที่นี่)

ทางเดินสลับกับบันไดราวๆ 200 ขั้นนั้นบางช่วงเป็นเนินลาด บางช่วงสูงชัน ทำเอาเหนื่อยหอบได้เหมือนกัน ผูที่สุขภาพไม่ค่อยดีไม่ต้องขึ้นไปก็ได้ค่ะ ขนาดวัยรุ่นบางคนยังเกือบขึ้นไปไม่ไหวเลยค่ะ

ยังมีโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นหลากหลายเส้นทางดูได้ที่ Wonderfulpackage.com

ภาพแกะสลักแมวหลับที่ศาลเจ้าโทโชกุญี่ปุ่น

ภาพแกะสลักแมวหลับที่ศาลเจ้าโทโชกุญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
ภาพแกะสลักแมวหลับ

ภาพแกะสลักแมวหลับที่ศาลเจ้าโทโชกุญี่ปุ่น

เมื่อได้มาสัมผัสถึงบบรยากาศและความร่มรื่นเงียบสงบของศาลเจ้าแล้ว ต่อไปจะพากไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันต่อเลยค่ะ ทางด้านขวามือของประตูใหญ่ เป็นทางเข้าชมงานปฏิมากรรมภาพแกะสลักแมวหลับ (Sleeping Cat) ที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังไม่แพ้ลิงสามตัวเช่นกัน เป็นผลงานของศิลปิน "ฮิโดริ จินโกโร่" หาได้ไม่ยากเพราะอยู่บนขื่อซุ้มประตูทางขึ้นสู่สุสานท่านอิเอยาสุ ซึ่งหากจะเข้าไปชมนั้นจะต้องเสียค่าผ่านประตูอีกคนละ 520 เยนค่ะ

ลักษณะของแมวตัวนี้มีสีขาวเทา นอนหลับอยู่ด้วยอาการที่สงบ มีความหมายว่าเป็นตัวแทนของความสงบร่มเย็นในบ้านเมือง

ทางด้านขวาของศาลาหลังนี้มีถังที่ไว้หมักเหล้าสาเกอยู่ เพราะเชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มอันเป็นที่โปรดปรานของเทพเจ้า ที่จะต้องมีอยู่ในทุกๆศาลเจ้า จะมีมากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่กับความใหญ่โตของศาลเจ้า แต่สำหรับที่ศาลเจ้าโทโชกุแห่งนี้แล้ว ต้องบอกได้ว่ามีเยอะเลยทีเดียวค่ะ

หากอยากไปทัวร์ญี่ปุ่นกับเราด้วยกันที่ Wonderfukpackage.com

ประตูคุณธรรมโยเมมง-ญี่ปุ่น

ประตูคุณธรรมโยเมมง-ญี่ปุ่น


ประตูโยเมมง (Yomeimon Gate)

เที่ยวญี่ปุ่น
ประตูโยเมมง

   ประตูโยเมมง เป็นประตูใหญ่อยู่ทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ อลังการด้วยผลงานศิลปะเกี่ยวกับการแกะสลักไม้อันวิจิตรและหลากหลายประดับไว้บนซุ้มประตูแทบทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งรูปสัตว์ อาทิ ไก่ฟ้า นกน้ำ เป็ดป่า ช้าง เต่า กระต่าย มังกร เสือ สิงโตเป็นต้นฯ และรูปแกะสลักอย่างอื่นก็มีเช่น ต้นไผ่ ต้นสน ต้นโบตั๋น ก้อนเมฆ และรูปเด็ก โดยมีเสาที่รองรับน้ำหนักหลังคาที่ดูหนักอึ้งนี้จำนวน 12 ต้น กำแพงด้านข้างของประตูทั้งสองก็มีผลงานการแกะสลักที่วิจิตรอลังการไม่แพ้กัน

ประตูคารามง (Karamon Gate, Chinese Gate)

เที่ยวญี่ปุ่น
ประตูจีน

   ประตูเล็กถัดจากประตูโยเมมงเข้าไปก็คือ ประตูคารามง เป็นประตูชั้นในก่อนถึงอาคารศาลเจ้าโทโชกุภาพแกะสลักและภาพวาดสีขาวสลับอยู่บนซุ้มประตูนั้น เป็นศิลปะแบบจีน ซึ่งมีทั้งมังกร ต้นไผ่ ต้นบ๊วยจึงทำให้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ประตูจีน" ประตูบานเล็กๆนั้นมีขนาดที่เล็กเกินกว่าที่จะมุดเข้าไปได้ครั้งละมากๆ (ใครที่มาทัวร์ญี่ปุ่นแล้วมายังที่ศาลเจ้าโทโชกุแห่งนี้ก็อย่าเผลอไปมุดพร้อมๆกันนะคะเดี๋ยวจะออกไม่ได้) จึงต้องมีการทำทางอ้อมไปเข้าประตูด้านขวาแทน และจะต้องฝากรองเท้าไว้ที่ตู้ล็อคเกอร์ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดไว้ให้นะคะ

   ภายในศาลาสำหรับประกอบพิธีและศาสนาของศาลเจ้าโทโชกุนั้น จะไม่อนุญาตให้มีการถ่ายหรือบันทึกภาพใดๆทั้งสิ้น (ถ้าอยากรู็ว่าภายในเป็นอย่างไรนั้นคงจะต้องมาพิสูจน์มาท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้วหล่ะค่ะ)

ติดตามทัวร์ญี่ปุ่นได้ที่ Wonderfulpackage.com และ facebook.com/wonderfulfanpage

Nikko National Park แหล่งมรดกโลกที่ญี่ปุ่น

Nikko National Park แหล่งมรดกโลกที่ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
Nikko National Park

ที่ Omototesando ที่อยู่เชิงเขาปากทางเข้าสู่วัดรินโนจิและศาลเจ้าโทโชกุมีซุ๋มขายตั๋วอยู่ทางด้านขวามือ มีให้เลือกมากมายทั้งแบบเหมาจ่ายหรือจะเลือกชมเฉพาะแห่งก็ได้ ไหนๆก็มาถึงญี่ปุ่นกันแล้ว แนะนำว่าให้เลือกแบบเหมาจ่ายในราคา 1,300 เยนค่ะ ที่สามารถเข้าชมได้ทั้งวัดรินโนจิ ศาลเจ้าโทโชกุ ศาลเจ้าฟูตาระซัน แถมยังสามารถเข้าชมสวนญี่ปุ่นและสถานที่อื่นๆได้อีก 3-4 แห่งในบริเวณเดียวกันนี้ ยกเว้นเสียแต่ภาพแกะสลักแมวหลับกับสุสานอิเอยาสุ ที่จะต้องจ่ายเพิ่มอีกนิดนึงตรงข้ามทางเข้าชมค่ะ ซึ่งโดยรวมแล้วคุ้มกว่าแยกซื้อ โดยมีหางตั๋วแยกส่วนเข้าชมอย่างชัดเจน

แวะชมสวนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมก่อน
ที่สวน Shoyo-en ตั้งอยู่เยื้องซ้ายขายตั๋วข้างหน้า ตรงข้ามศาลาหลังใหญ่ของวัดรินโนจิ ตกแต่งด้วยหิน เสาหิน บ่อน้ำตามแบบอย่างของสวนญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ ออกแบบโดย Issai Sato ภายในบรรยากาศร่มรื่นด้วยมวลแมกไม้ มีต้นซากุระให้พอเห็นบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองส้มและแดง ดูสวยไปอีกแบบ ถ้าใครได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วก็อย่าพลาดที่จะมาที่นิคโก้กันนะคะ

เที่ยวญี่ปุ่น
โช-เอ็น ญี่ปุ่น

ค่าเข้าชม World Heritage Site
- ผู้ใหญ่/นักศึกษาระดับอุดมศึกษา ราคา 1,300 เยน
- นักเรียนมัธยมปลาย ราคา 900 เยน
- ผู้สูงอายุ/เด็กประถม/มัธยมต้น ราคา 600 เยน
ใช้สำหรับเข้าชม สวน Shoyo-en ศาลา Sanbutudo วัดรินโนจิ ศาลเจ้าโทโชกุ ศาลเจ้าฟูตาระซัง วัดไทยูอิน และสุสานอิเอะมิตสุ

ติดตามทัวร์ญี่ปุ่นได้ที่ Wonderfulpackage.com ค่ะ
แฟนเพจของเรา facebook.com/wonderfulfanpage
Twitter : wonderfulweb

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองใหม่โอไดบะ(Odaiba) ตอนจบ

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองใหม่โอไดบะ(Odaiba) ตอนจบ

โอไดบะออนเซ็น
Odaiba Onsen

Oedo Onsen Monogatari
   เป็นออนเซ็น บ่ออาบน้ำร้อนในบรรยากาศยุคเอโดะ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวอยู่ที่โอไดบะ ที่นี่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆก็คือที่ออนเซ็นแห่งอื่นส่วนมากจะตั้งออนเซ็นอยู่บนภูเข้าในเมืองจะมีน้ำแร่ธรรมชาติ เปิดให้บริการเดือนมีนาคมในปีพ.ศ.2546

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองโอไดบะ (Odaiba) ตอนที่2

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองโอไดบะ (Odaiba) ตอนที่2

สะพานสายรุ้ง
Rainbow Bridge

หลังจากที่ได้เดินทางทัวร์ญี่ปุ่นกันไปในตอนที่1กันแล้ว จากนี้ก็จะไปที่ไหนกันต่อตามมากันเลยค่ะ 
Rainbow Bridge หรือสะพานสายรุ้งมีความยาวอยู่ที่ 798 เมตร สร้างเสร็จในปีพ.ศ. 2536 โดยใช้เป็นสะพานเชื่อต่อกับกรุงโตเกียวเข้ากับ"อไดบะซึ่งเกิดจากการถมทะเลของโอไดบะ นอกจากรถไฟสายยูริกาโมเมะแล้ว ยังมีทางรถยนต์และทางเดินเท้าอีกด้วย

ถนนสายช้อปปิ้งชินจูกุตะวันออก

ถนนสายช้อปปิ้งชินจูกุตะวันออก

เที่ยวญี่ปุ่น

เมื่อเดินย้อนกลับมาทางสถานีชินจูกุ (ประเทศญี่ปุ่น) ผ่านห้างใหญ่โอดะคิว (Odakyu) จากสถานี้ JR ชินจูกุ ก็จะมาถึงถนนสายช้อปปิ้ง ที่เกี่ยวกับพวกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน รวมถึงร้านเกมต่างๆมากมาย และจุดเด่นของย่านนี้นั่นก็คือจะมีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ตึก Alta เป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้โดยเฉพาะ ถ้าใครชอบเข้าร้านหนังสือที่จะมีร้านขายหนังสือที่มีขนาดใหญ่คือคิโนะคุนิยะ (Kinokuniya) 

ร้านหนังสือญี่ปุ่น

และถ้าหากใครไปช่วงกลางคืน ที่แห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยแสงสีของหลอดไฟตลอดเส้นทางเลยทีเดียว ด้าน แหล่งช้อปปิ้งมอลล์และห้างสรรพสินค้านั้นมีอยู่หลายแห่ง นอกจาก Odakyu และ Keio ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสถานีแล้ว ทางด้านฝั่งตะวันออกก็มี MYCITY, Flags, Lumine ทัวร์ญี่ปุ่นเป็นต้นฯ

ร้านหนังสือ

ทางด้านทิศใต้ของสถานีชินจูกุ มีตั้งแต่ Mylord, Times Square, Tokyu Hamds และ Kinokuniya รวมทั้งยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว นั่นก็คือสวนสาธารณะชินจูกุ (Shinjuku Gyoen Nation Garden) ซึ่งภายในสวนสาธารณะแห่งนี้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น และเต็มไปด้วยต้นซากุระนับพันๆต้น และที่สวนแห่งนี้ยังใช้เป็นที่ชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้อีกด้วย

ดอกซากุระ


ติดตามแฟนเพจของเราได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage
Twitter : twitter.com/wonderfulweb
และ GG : WonderfulpackageTourAndTravel

ศูนย์รวมความบันเทิงของญี่ปุ่นชินจูกุ

ศูนย์รวมความบันเทิงของญี่ปุ่นชินจูกุ(Shinjuku)

ชินจูกุ
ทัวร์ญี่ปุ่นคับคั่ง

     บริเวณโดยรอบสถานีชินจูกุ (Shinjuku)นั้น เป็นจุดเปลี่ยนต่ออรถไฟทั้งบนดินและใต้ดินมามายหลายสายด้วยกัน ดังนั้นแล้วในทุกๆเช้าของแต่ละวันรวมถึงช่วงเย็น และชั่วโมงเร่งด่วน ที่ชินจูกุแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมกามายมหาศาล ได้มีการจดบันทึกเป็นสถิติไว้ว่า ในแต่ละวันนั้นจะมีผู้คนมาเปลี่ยนสายรถไฟมากถึง 3 ล้านคนต่อวัน รถไฟยามาโนเตะ (Yamatone)ซึ่งมีความยาวถึง 10 โบกี้ด้วยกัน จะมาเทียบท่าชานชาลาทุกๆ 2 นาที แต่ถึงอย่างนั้นจำนวนผู้โดยสารก็ยังคงหนาแน่นคับคั่งอยู่เหมือนเดิม

เที่ยวญี่ปุ่นโอโมโตะซานโดะถนนสายแบรนด์เนม

เที่ยวญี่ปุ่นโอโมโตะซานโดะถนนสายแบรนด์เนม

โอโมโตะซานดดะ ฮิลส์

จากทาเกชิตะโดริ เลี้ยวขวาเดินตามถนนเมจิ (Meiji Dori) จนถึงสี่แยกจะมีห้างลาฟอเร่ท์ (LAFORET Harajuku) สูง 7 ชั้น และมีร้านที่ขายพวกเสื้อผ้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 150 ร้าน ชั้นบนสุดนั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์ LaForet ด้านหน้าก็จะเป็นจุดที่รวมเหล่าวัยรุ่นที่ชื่นชอบการแต่งตัวแนวคอสเพล (Cosplay) ซึ่งแตกต่างจากที่ถนนทาเคชิตะ แต่ถนนเส้นนี้ก็จะเต็มไปด้วยบรรดาแมวมองที่คอยมาดูหานายแบบ นางแบบเพื่อไปถ่ายโฆษณา หรือถ่ายแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารมากมาย

แฟชั่นหลุดโลกที่ฮาราจูกุ

แฟชั่นหลุดโลกที่ฮาราจูกุ

ฮาราจูกุ

      จะเดินหรือจะนั่งรถไฟเจอาร์ต่อไปก็ได้ เพราะมาแค่สถานีเดียวถัดจากชิบูย่า ก็จะมาถึงสถานีรถไฟฮาราจูกุ เป็นสถานีเล็กๆที่มีรูปทรงสวยงามแปลกตาไม่เหมือนกับสถานีอื่นๆ

ฮาราจูกุ

      ที่ฮาราจูกุแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่น แต่งหน้าแต่งตัวกันด้วยแฟชั่นหลุดโลก รวมถึงพวกชุดแนวคอสเพล์ (Cosplay) ด้วยเช่นกันจะมีให้เห็นกันทุกๆวัน ยิ่งโดยเฉพาะวันอาทิตย์ก็จะมีให้เห็นมากมายด้วยการแต่งตัวแปลกๆแนวแฟนตาซี เช่นตัวการ์ตูน หุ่นยนต์ ปีศาจ หรือแนวน่ารักสดใสๆ ซึ่งได้สร้างสีสันให้กับถนนสายนี้ เดินได้เพลิดเพลินตลอด 250 เมตรของถนนสายนี้

ฮาราจูกุ


ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Dori)

ทาเคชิตะ

ถนนสายเล็กๆหน้าสถานีฮาราจูกุ เป็นแหล่งรวบรวมร้านค้าที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นรุ่นเยาว์เหล่านี้เป็นหลัก ซึ่งมีทั้งร้านขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์มีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบน่ารัก แหวกแนว หรือจะเป็นแบบหลุดโลกไปเลยก็มี ในส่วนร้านอาหารต่างๆนั้นส่วนมากสองข้างทางก็จะเป็นร้านอาหารแนวฟาสฟู้ดสะส่วนใหญ่ เช่นร้านเครปเที่ยวญี่ปุ่น ก็จะมีให้เลือกลองชิมหลายร้าน ราคาก็แตกต่างกันไปตั้งแต่ 400-1,000 เยนขึ้นอยู่กับท้อปปิ้งที่เลือก

ทาเคชิตะ

ในช่วงวันหยุด ถนนสายนี้จะแน่นมาก ถ้าอยากจะเดินแบบชิวๆสบายๆ ต้องเดินเลี่ยงไปที่ถนนสายแบรนด์เนม โอโมเตะซานโดะ (Omotesando)

โอโมเตะซานโดะ

ในวันหยุดลองไปเที่ยวกับทัวร์ญี่ปุ่นกับทาง Wonderfulpackage กันดูนะคะ

ติดตามแฟนเพจของเราได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage 
Twitter twitter.com/wonderfulweb

ทีวีอาซาฮี (TV Asahi) เจ้าของการ์ตูนชื่อดังโดราเอม่อน

ทีวีอาซาฮี (TV Asahi) เจ้าของการ์ตูนชื่อดังโดราเอม่อน


ค่ายรายการโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ตั้งอยู่หลังตึกโมริ เป็นสตูดิโอที่ผลิตรายการทีวีชื่อดังมากมาย รวมทั้งการ์ตูนขวัญใจเด็กๆทั่วโลกอย่าง "โดราเอม่อน" และภาพยนต์ที่เคยโด่งดังในสมัยก่อนอย่างเช่น "ซามูไรพ่อลูกอ่อน" เป็นต้นฯ โดยภายในอาคารชั้นล่างสามารถเข้าชมได้และมีตู้เกมให้เด็กๆได้เลือกเล่น ส่วนอีกด้านของอาคารมีเวทีไว้ใช้สำหรับออกอากาศเกมโชว์มากมาย มีกล้องโทรทัศน์เตรียมบันทึกไว้อย่างพร้อมเพียง

ด้านข้างของตึกทีวีอาซาฮีนั้นคือสวนโมริ (Mori Garden) มีต้นซากุระที่กำลังผลิดอกมากมาย ที่สวนโมริแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยชาวนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางมาชมความงดงามจากธรรมชาติกันอย่างไม่ขาดสาย สวนแห่งนี้มีการตกแต่งอย่างสวยงามในสไตลส์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีทั้งสวนหิน และบึงน้ำสวยงามอย่างมาก

แล้วถ้าหากมีเวลาเดินเที่ยวญี่ปุ่นกันอยู่อีกสักหน่อยลองอ้อมไปด้านหลังของสถานีอาซาฮีดู ก็จะพบกับร้านค้าแบรนด์ดังมากมาย รวมถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายขนมเค้ก หรือจะลองเดินดูที่ Hollywood Beauty Plaza ด้านหน้าทางขึ้นตึกโมริ มีสินค้าเสริมความงามมากมายจำหน่ายอยู่


โดยทั้งหมดนี้เรียกส่วนนี้กันว่า "Roppongi Hill" ที่กำลังมีการแข่งขันกับอีกโวนด้านหนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามสี่แยกนั่นก็คือ "Tokyo Midtown" ที่มีจุดขายคล้ายกันคือมีตึกที่สูงสุดในกรุงทัวร์โตเกียว "Midtown Tower" มีพิพิธภัณฑ์ Suntory ซึ่งใช้แสดงสินค้า ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และจุดพักชมต้นซากุระอันสวยงาม......