โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ญี่ปุ่น แสดงบทความทั้งหมด

เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น

"เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น"



เนื้อหา: ฤดูหนาวของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ มีเทศกาลและการจัดกิจกรรมมากมายหลายแห่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องความหนาวแล้วไปเที่ยวสนุกกันดีกว่า

ข้อมูลโดยรวม

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/1111/specialwinter.html


เทศกาลที่ญี่ปุ่น

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/location/festivals/index.html

ชื่องาน: Sapporo Snow Festival
เนื้อหา: Sapporo Snow Festival นับเป็นเทศกาลฤดูหนาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทัวร์ญี่ปุ่น ทุกปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนไปร่วมงาน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยี่ยมชมงานจำนวนประมาณ 5 หมื่นคนด้วย ที่นี่มีงานแกะสลักหิมะขนาดใหญ่และอลังการมากมายหลายชิ้นจัดแสดง
ช่วง:วันที่ 5-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013

วิธีไป:
สถานที่จัดงานแบ่งได้เป็น 3 แห่ง วิธีการเดินทางไปแตกต่างกันดังนี้
Odori: อยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Odori
Tsu-domu: นั่งรถรับส่งจากสถานีรถไฟใต้ดิน Sakae Machi
Susukino: อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินสถานี Susukino
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.snowfes.com/index.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.snowfes.com/english/index.html
ชื่องาน: Asahikawa Winter Festival
เนื้อหา:Asahikawa เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีสวนสัตว์ที่น่าไปเที่ยวอย่าง Asahiyama Zoo เทศกาล Asahikawa Winter ได้บันทึกลงในกินเนสบุ๊คว่า มีประติมากรรมที่สร้างจากหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีบันไดเลื่อนยักษ์ทำจากหิมะ และมีเวิร์คช้อปทำประติมากรรมจากหิมะด้วย
ช่วง:วันที่ 6-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟ JR ขบวนด่วนพิเศษ 1 ชั่วโมง 20 นาที เพื่อไปลงที่สถานี Asahikawa
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/
ภาษาอังกฤษ
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/index.htm#leaf
ชื่องาน:Shikaribetsuko Kotan
เนื้อหา:Kotan เป็นภาษาไอนุ แปลว่าหมู่บ้าน เทศกาลนี้จัดขึ้นบนทะเลสาบ Shikaribetsuko โดยมีการสร้างหมู่บ้านจำลองขึ้นมาบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง รวมทั้งมีน้ำพุร้อนกลางน้ำแข็ง บาร์น้ำแข็ง โบสถ์น้ำแข็ง โรงแรมน้ำแข็ง โรงงานน้ำแข็งด้วย ที่โรงงานทำน้ำแข็งมีกิจกรรมทำแก้วน้ำแข็งด้วยตนเองด้วยค่ะ นั่งกินเหล้าสาเกที่รินอยู่ในแก้วที่ทำขึ้นมาเองในขณะที่ดื่มด่ำกับหิมะและน้ำแข็งรอบๆตัวก็คงเป็นประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่น่าจดจำนะคะ
ช่วง:วันที่ 26 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Obihiro นั่งรถบัส Hokkaido Takushoku ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.gutabi.jp/spot/detail/1473
ภาษาอังกฤษ
http://www.japanican.com/special/eastern_hokkaido/index02.aspx
ชื่องาน:Yokote Kamakura
เนื้อหา:สัมผัสกับความอบอุ่นท่ามกลางหิมะ ใน Kamakura บ้านที่ทำขึ้นจากหิมะ
ช่วง:วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี Akita นั่งรถไฟสาย JR Oou Honsen? 55 นาที ลงที่สถานี Yokote
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.yokotekamakura.com/01_event/04_winter/kamakura_kaisai_h25.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/festival/kamakurasnow.html
ชื่องาน:Tokamachi Snow Festival
เนื้อหา: เทศกาลนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 62 ปี มีประติมากรรมหิมะซึ่งสร้างสรรโดยชาวเมืองเอง มีการแสดงแสงสีเสียง
ช่วง:17-19 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป: นั่งรถไฟสาย JR iiyama (Nagano-Echigo Kawaguchi) หรือ สาย Hokuetsu Kyuko (Echigo Yuzawa-Naoetsu) ลงที่สถานี Tokamachi
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://snowfes.jp/
ภาษาอังกฤษ
http://enjoyniigata.com/english/03/tokamachi-snow-festival.html

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1"

ไปทัวร์ญี่ปุ่น

1. สวนไดโนเสาร์ ซากุระจิมะ
ที่ตั้ง : เมืองคะโงะชิมะ จังหวัดคะโงะชิมะ
การเดินทาง : โดยเรือเฟอรี่ซากุระจิมะ จากท่าเรือคะโงะชิมะฮงโค (ใกล้สถานีรถไฟ JR คะโงะชิมะ) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : เป็นสวนสาธารณะบนภูเขาไฟ "ซากุระจิมะ" ซึ่งลอยอยู่ในอ่าว "คิงโค" ห่างจากฝั่งตัวเมือง คะโงะชิมะ 4 กิโลเมตร "ซากุระจิมะ" เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ปัจจุบันยังคงมีควันลอยออกมาจากปล่องอยู่ เมื่อต้นซากุระจำนวน 3,000 ต้นของที่นี่ผลิดอก ผู้คนจำนวนมาก จะเดินทางมาเพื่อนั่งชมดอกซากุระ บนสนามหญ้าของสวนสาธารณะแห่งนี้ นอกจากนั้นภายในสวนยังมีหุ่นจำลองไดโนเสาร์ 7 ชนิด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่เด็กๆ ต่างชื่นชอบ

2. บริเวณรอบๆปราสาท คุมะโมะโตะ
ที่ตั้ง : เมืองคุมะโมะโตะ จังหวัดคุมะโมะโตะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจําทางจาก สถานีรถไฟ JR คุมะโมะโตะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ปราสาทคุมะโมะโตะ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งในสามปราสาท ที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี หากได้เดินชมตัวปราสาทที่อาบแสงไฟ และดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว จะได้รับรู้ถึงกับความสุขกับบรรยากาศแสนโรแมนติก 

3. สะพานคินไตเคียว
ที่ตั้ง : เมืองอิวะกุนิจังหวัดยะมะงุจิ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิวะกุนิ หรือสถานีรถไฟ JR ชินอิวะกุนิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สะพานคินไตเคียวเป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่างจากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อเริ่มต้นเข้าเดือนเมษายนบริเวณรอบๆ สะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพานคินไตเคียวจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงฤดูชมดอกซากุระยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟด้วย กิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับที่นี่คือ การล่องเรือชมสะพานคินไตเคียวและดอกซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง 

4. สวนสาธารณะ ทสุรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทสุยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาททสุยะมะปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของประเทศ แนะนำไปทัวร์ญี่ปุ่นดีกว่าค่ะ

5. สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองมะทสุยะมะ จังหวัดเอะฮิเมะ 
การเดินทาง : ลงรถไฟสาย อิโยะเท็ตสึโด ที่สถานีไคโคโต แล้วต่อรถกระเช้าขึ้นไปอีก 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: นอกจากจังหวัดเอะฮิมะจะเป็นที่รู้จักในเรื่อง บ่อน้ำพุร้อนโดโงะ ดอกซากุระของปราสาทมะทสุยะมะมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามด้วย ในงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของมะทสุยะมะนอกจากจะได้ชมดอกซากุระแล้ว ยังจะได้ชมการจำลองจัดขบวนทัพของเหล่านักรบ ที่มีชื่อว่าไดเมียวเกียวเร็ตทจึและการแข่งขันเล่นยาคิวเค็งระดับประเทศด้วย

6. ปราสาท ฮิเมะจิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR ฮิเมจิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดโฮริวหยิที่นาราและปราสาทฮิเมะจิแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1993 ภายในตัวปราสาทนอกจากจะมีทรัพย์ สมบัติของชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าเก็บรักษาอยู่แล้ว 


7. โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเทมมาบาชิ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน (เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงหนึ่งสัปดาห์)
ข้อมูลน่ารู้ : เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาในโรงกษาปณ์ เพื่อชื่นชมความงามของดอกซากุระตามทางเดินริมน้ำ ที่มีชื่อว่าซากุระโนะโทโอรินุเคะได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีเท่านั้น จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาถึงปีละล้านกว่าคน ที่พลาดไม่ได้คือ การเดินผ่านถนนที่มีดอกซากุระปกคลุมอยู่ด้านบนเต็มไปหมด คล้ายกับกำลังเดินผ่านอุโมงค์ดอกซากุระ ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างงดงามสามารถเข้าชมได้จนถึงเวลา 3 ทุ่ม

8. สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน ทานิมาจิยนโจเมะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของปราสาทโอซาก้า ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ภายในสวนมีซากุระกว่า 600 ต้น เมื่อเข้าสู่ฤดูชมดอกซากุระ ที่นี่จะคับคั่งไปด้วยบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่พาครอบครัวมาเที่ยว เฉพาะในช่วงฤดูชมซากุระเท่านั้น ที่จะมีการประดับโคมไฟกระดาษกว่า 200 อัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมปราสาทโอซาก้า และดอกซากุระในยามค่ำคืนได้


9. วัดคิโยมิสึ
ที่ตั้ง : เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR เกียวโต ลงที่ป้าย คิโยมิสึ แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดคิโยมิสึเป็นสัญลักษณ์ของเกียวโตเมืองหลวงเก่าของการไปเที่ยวญี่ปุ่น วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีก่อนปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในฤดูชมซากุระกลีบดอกจากต้นซากุระที่มีอยู่กว่า 1,000 ต้น ในวัดแห่งนี้จะโปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม ในช่วงที่ดอกซากุระบานทางวัดจะประดับไฟยามค่ำคืนเป็นเวลา 1 เดือน ท่านสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงาม ของลานคิโยมิสึบุโด และหอ 3 ชั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกซากุระ 


10. ภูเขา โยชิโนะ
ที่ตั้ง : โยชิโนะ – โจ จังหวัดนารา 
การเดินทาง: ใกล้สถานีรถไฟ โยชิโนะ (รถไฟคินเท็ตสึ สายโยชิโนะ)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นซากุระอยู่ถึง 30,000 ต้น มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังมีซากุระมากถึง 200 สายพันธุ์ ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระ ได้ตลอดเดือนเมษายน พื้นที่บนภูเขานั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วน จะมีช่วงที่ดอกซากุระบานไม่พร้อมกัน ของฝากที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ขนมที่มีส่วนผสมของดอกและใบซากุระ.....

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้...ท่านที่สนใจเดินทางทัวร์ญี่ปุ่นสามารถติดตามอันดับที่เหลือได้ในคราวหน้าค่ะ


ติดตามแฟนเพจของเราได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ Twitter wonderfulweb

การขอวีซ่าเที่ยวญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว

การขอวีซ่าเที่ยวญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว

เที่ยวญี่ปุ่น

เอกสารที่ใช้ในการยื่น วีซ่ากรุ๊ปญี่ปุ่น (ท่องเที่ยว)

หนังสือเดินทาง(ตัวจริง) ที่ไม่มีตราประทับมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป หากมีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาแสดงด้วย 

รูปถ่ายสี (ขนาด 2 x 2 นิ้ว ที่มีพื้นหลังเป็นสีขาว ไม่มีลวดลาย ไม่มีการแต่งภาพถ่าย จะต้องเป็นรูปถ่ายที่ชัดเจนและถ่ายมาไม่เกิน 6 เดือน) ห้ามใช้รูปสติ๊กเกอร์, พื้นหลังห้ามมีเงา , ห้ามมีรอยขีดข่วน , ห้ามมีรอยปากกา , หมึก , แมกซ์ หรือใด ๆ ทั้งสิ้น (จำนวน 2 ใบ) 

สำเนาทะเบียนบ้าน 
เอกสารรับรองการทำงาน 
กรณีเป็นพนักงาน : หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัท ตัวจริง เป็นภาษาอังกฤษ ระบุชื่อ ตำแหน่ง วันเริ่มงาน เงินเดือน

กรณีเป็นเจ้าของบริษัท : สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท มีอายุภายใน 3 เดือน เช่น หนังสือระบุวันที่ 5 ต.ค. 53 ลูกค้าเดินทางวันที่ 10 มี.ค. 54 ยื่นวีซ่าวันที่5 ก.พ. 54 หนังสือตัวนี้ใช้ไม่ได้ เนื่องจากอายุเกิน 3 เดือน

กรณีเป็นเจ้าของร้านค้า : สำเนาทะเบียนพานิชย์

กรณีประกอบอาชีพอิสระ อาทิ เช่น ขายข้าวแกง เปิดร้านในห้าง ขายของตามตลาดนัด ฯลฯ ต้องทำหนังสือชี้แจงตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ระบุวันที่เริ่มทำ รายได้ต่อเดือน ชื่อร้าน(ถ้ามี) ที่อยู่ของร้าน และเซ็นต์รับรองเอกสาร 

กรณีเป็นข้าราชการ : หนังสือรับรองจากต้นสังกัด เป็นภาษาอังกฤษ (ภาษาไทยใช้ได้ในกรณีที่มีตราคุรฑ)

กรณีเป็นนักเรียน นักศึกษา : ใช้หนังสือรับรองสถานภาพจากโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษ เท่านั้น หรือถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี สามารถใช้สำเนาบัตรประจำตัวนักเรียนได้ กรณีที่เป็นนักศึกษาปีสุดท้าย สถาบันจะไม่ออกใบรับรองสถานภาพให้ สามารถให้ใบเกรดเทอมสุดท้ายได้ หรือถ้าเป็นเด็กนักเรียน ต่างจังหวัด ไม่มีบัตรประจำตัวนักเรียน ให้ใช้สำเนาสมุดพกเทอมปัจจุบันก็ได้

เอกสารการเงิน อาทิเช่น 
สำเนามุดเงินฝากเล่ม ไม่ใช้ย้อนหลัง 6 เดือน การใช้ย้อนหลัง 6 เดือน จะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็น Statement ย้อนหลังจากธนาคารเท่านั้น ถ้าหากสำเนาเงินฝากเริ่มเล่มใหม่ ให้ขอเล่มเก่าทั้งเล่ม หรือ
สำเนาสมุดเงินฝากประจำ 
สำเนาฉลากออมสิน หรือฉลากออมทรัพย์ หรือพันธบัตรรัฐบาล 
สำเนาสมุดสะสมทรัพย์ตราสารหนี้ 

***หมายเหตุ: 
1). สถานทูตไม่รับเอกสารดังต่อไปนี้ บัญชีกระแสรายวัน ใบการันตีสถานภาพทางการเงินจากธนาคาร โฉนดที่ดิน 
2). ถ้าเคยเดินทางเข้าญี่ปุ่นมาแล้วภายใน 5 ปี ไม่จำเป็นต้องยื่นสำเนาสมุดเงินฝากก็ได้ 
3).กรณีลูกค้าเลื่อนตั๋วขากลับ หรือจอยทัวร์ ทางบริษัทไม่สามารถยื่นวีซ่ากรุ๊ปให้ได้ เป็นข้อจำกัดของสถานทูต หากบริษัททัวร์ฝ่าฝืนจะต้องถูกระงับการยื่นวีซ่า 1 ปี และไม่อนุญาตให้ยื่นต่อสัญญาการยื่นวีซ่าได้อีก 
4). เอกสารส่วนตัว อาทิ เช่น สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาทะเบียนหย่า ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง 

เอกสารที่ใช้ในการยื่น วีซ่าเดี่ยวญี่ปุ่น (ท่องเที่ยวญี่ปุ่น)

กรณีผู้เดินทางไม่เคยเดินทางเข้าญี่ปุ่น: ผู้เดินทางจะต้องโชว์ตัว และให้ใช้เอกสารเหมือนการยื่นวีซ่ากรุ๊ปทุกประการพร้อมเอกสารตัวจริง 

กรณีผู้เดินทางเคยเดินทางเข้าญี่ปุ่น : ผู้เดินทางไม่ต้องไปโชว์ตัว และให้ใช้เอกสารเหมือนการยื่นวีซ่ากรุ๊ปทุกประการ

เอกสารที่ใช้ประกอบกรณีต่าง ๆ
กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เดินทางกับญาติ ไม่มีพ่อหรือแม่ไปด้วย ใช้ขอเอกสารเพิ่มเติมดังนี้ ***ใบอนุญาตให้เดินทางซึ่งเป็นแบบฟอร์มจากสถานทูตญี่ปุ่น ให้ทั้งพ่อและแม่เป็นคนเซ็นต์ยินยอม พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส พร้อมทั้งหนังสือรับรองการทำงานของพ่อหรือแม่ สำเนาสมุดเงินฝากของพ่อหรือแม่ 

การการันตีค่าใช้จ่ายให้ผู้เดินทาง ในกรณีที่คนออกค่าใช้จ่ายเดินทางด้วย : ต้องทำหนังสือชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ ระบุความสัมพันธ์ พร้อมทั้งสำเนาทะเบียนบ้านที่สามารถโยงความสัมพันธ์ได้

การการันตีค่าใช้จ่ายให้ผู้เดินทาง ในกรณีที่คนออกค่าใช้จ่ายไม่ได้เดินทางด้วย : 

*** ต้องทำหนังสือชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ ระบุความสัมพันธ์ พร้อมทั้งสำเนาทะเบียนบ้านที่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ได้ 
*** ต้องเตรียมเอกสารทุกอย่างเหมือนเป็นผู้เดินทางเอง ยกเว้น หนังสือเดินทาง และรูปถ่าย 
*** หมายเหตุ : การการันตีค่าใช้จ่ายไม่จำเป้นต้องแสดงสำเนาสมุดเงินฝากของผู้ได้รับการการันตี

กรณีเป้นแม่บ้าน (เงินน้อย) สามีไม่ได้เดินทางด้วย ให้ขอเอกสารเพิ่มเติมของสามี เหมือนสามีเป็นผู้เดินทางเอง ยกเว้น หนังสือเดินทางและรูปถ่าย และถ้าไม่มีการจดทะเบียนสมรส สามีต้องทำหนังสือรับรองค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งระบุความสัมพันธ์ แต่ถ้าตัวแม่บ้านมีเงินเยอะมากพอที่จะการันตีตัวเองไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารของสามีก็ได้ 

กรณีที่ผู้เดินทางแล้ว หรือพึ่งเริ่มทำงาน แต่มีเงินน้อย ให้พ่อ หรือแม่ ออกเอกสารการันตีค่าใช้จ่าย ถึงแม้ว่าพ่อ หรือแม่เดินทางด้วย และกรณีที่พ่อแม่ไม่เดินทางด้วย ต้องเตรียมเอกสาร ทุกอย่างเหมือนเป็นผู้เดินทางเอง ยกเว้น หนังสือเดินทางและรูปถ่าย

หนังสือเดินทางตัวจริง 

รูปถ่ายสี พื้นขาว 2 นิ้ว 2 รูป (ห้ามใช้รูปสติ๊กเกอร์ , พื้นหลังห้ามมีเงา , ห้ามมีรอยขีดข่วน , ห้ามมีรอยปากกา , หมึก , แมกซ์ หรือใดๆ ทั้งสิ้น)

สำเนาทะเบียนบ้าน 
เอกสารรับรองการทำงาน 
หนังสือเชิญจากทางญี่ปุ่น


ข้อมูดีๆมีต่อที่ facebook.com/wonderfulfanpage

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

เที่ยวญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางที่สะดวกง่ายดายที่สุดจากกรุงโตเกียว(ญี่ปุ่น) ไปยังเมืองแห่งความสงบเมืองนิคโก้มี 2แบบดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1
1.เดินทางโดยวิธีนั่งรถไฟสายโทบุ (Tobu Nikko Line)
ขึ้นจากสถานีโทบุ อาซากุสะ (Tobu Asakusa) นั่งไปยังสถานีนิคโก้ (Tobu Nikko) มีให้เลือกย่อยออกไปอีก2แบบด้วยกันคือขบวน Rapid ใช้เวลาเดินทาง 130 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 1,320 เยน และขบวน Limited Express ใช้เวลาเดินทาง 110 นาทีค่าโดยสารอยู่ที่ 2,620 เยน(ต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Omiya)

2.เดินทางโดยรถไฟ JR
ขึ้นจากสถานีโตเกียว หรือ อุเอโนะ (Ueno) นั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen มาลงที่สถานี Utsunomiya (50 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 4,600 เยน) แล้วจากนั้นต่อไปสาย JR Nikko ลงสถานี JR Nikko (40 นาที ค่าโดยสาร 740 เยน) ทั้งนี้สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ

วิธีที่ 2
นั่งโดยรถไฟร่วมระหว่าง Tobu กับ JR
จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) หรืออิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) นั่งขบวน Direct Shinjuku-Nikko Limited Express ผ่านสถานี Omiya มาลงที่สถานี Tobu Nikko ใช้เวลาเดินทาง 120 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 3,900 เยน (ไม่สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ)

เพื่ออำนวยความสะดวกและให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้เซฟค่าใช้จ่ายกันได้บ้าง จึงมีการออกตั๋วโปรโมชั่นให้เลือกหลายแบบ ดังต่อไปนี้
1.ตั๋ว All Nikko Pass ราคาผู้ใหญ่ 4,400 เยน เด็ก 2,210 เยน ใช้เดินทางไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa ถึงสถานี Tobu Nikko รวมทั้งใช้โดยสารรถไฟของ Tobu และรถบัสในเมืองนิคโก้รวมถึงบริเวณรอบนอกได้แบบไม่จำกัด ตั๋วมีอายุ 4 วัน โดยใช้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆได้
2.ตั๋ว World Heritage Pass ราคาผู้ใหญ่ 3,600 เยน เด็ก 1,700 เยนใช้โดยสารรถไฟไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa แล้วใช้โดยสารรไฟของ Tobu ในเมืองนิคโก้ได้ทุกสถานี แต่ใช้โดยสารรถบัสได้ระหว่างสถานีโทบุ นิคโก้ กับบริเวณแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) เท่านั้น ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยตั๋วมีอายุ 2 วัน 
*ขอแนะนำแบบนี้ค่ะ เพราะสามารถใช้เข้าชมโบราณสถานในบริเวณ World Heritage Site ได้

3.ตั๋ว Kinugawa Themepark Pass เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวญี่ปุ่นชมสวนสนุกทั้งสองแห่งคือ Edo Wonderland และ Tobu World Square ใช้เดินทางไป-กลับระหว่างสถานี Tobu Asakusa กับ Nikko รถไฟในเมืองนิคโก้และรถบัสรับส่งระหว่างสวนสนุกกับสถานีรถไฟเท่านั้น จึงไม่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ หรือแม้แต่คณะมากับทัวร์ญี่ปุ่นด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งควรที่จะไปเที่ยวชมแหล่งมรดกโลกและความงดงามของธรรมชาติมากกว่า หรือถ้ามีตั๋วทั้ง2แบบข้างต้นแล้วอยากที่จะไปเที่ยวชมสวนสนุกจริงๆ ค่อยซื้อตั๋วเข้าชมเป็นแห่งๆไป จะเหมาะกว่านะคะ

ตั๋วทุกแบบนั้นสามารถหาซื้อกันได้ที่สำนักงาน Tobu Sightseeing Service Center หรือ Tobu Travel ในสถานีรถไฟ Tobu Asakusa (ริมแม่น้ำซูมิดะ ใกล้ๆวัดอาซากุสะ) หรือสำนักงาน Tobu Travel ในสถานีรถไฟใหญ่ๆในกรุงโตเกียวค่ะ

*สำหรับผู้ที่มีตั๋ว JR Rail Pass แล้วควรใช้บัตรใบนี้ให้คุ้มค่าดีกว่าค่ะ

ร้านอร่อยที่ต้องลองในโอซาก้า

ร้านอร่อยที่ต้องลองในโอซาก้า

ทัวร์ญี่ปุ่น

หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่นแล้ว หลายท่านคงนึกถึงเป็นอันดับต้นๆก็คือ ข้าวปั้น(ซูชิ) ราเม็ง ปลาดิบ หรือแม้แต่ข้าวหน้าปลาไหล แต่ในคราวนี้เราจะตามไปยังร้านที่มีความอร่อย และเด่นในเรื่องความสด สะอาดมากเป็นอันดับต้นๆในญี่ปุ่น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเพื่อนๆตามมาได้เลยค่ะ
เที่ยวโอซาก้า

โอซาก้า เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน อาหารที่เป็นขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของโอซาก้า คือ ทาโกยากิ ขนมครกแบบญี่ปุ่น ลูกกลมๆ ทำจากแป้งและปลาหมึก พิพิธภัณฑ์ทาโกยากิแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดขึ้นใกล้กับ Universal Studio Japan ร้านสาขาของทาโกยากิที่มีชื่อเสียงที่มีจำหน่ายในพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ร้าน "ฮงเค ไอซึยะ" เป็นเจ้าแรกที่ทำทาโกยากิขายในประเทศญี่ปุ่นร้าน "อะเมริกามุระ โคงะริว" ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่น 
ทัวร์โอซาก้า

อีกอย่างที่ขึ้นชื่อมากในโอซาก้าก็คือ อูด้ง อูด้งมีลักษณะคล้ายๆก๋วยเตี๋ยวของบ้านเราแต่เส้นกลมและใหญ่ทำจากแป้งข้าวเจ้าในโอซาก้ามีร้านอูด้งมากมายแต่อูด้งที่ขึ้นชื่อคือ Kitsune Udon นั้นเป็นเมนูที่มีต้นกำเนิดในโอซาก้า และเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วญี่ปุ่นเป็นก๋วยเตี๋ยวหน้าฟองเต้าหูต้มซีอิ้วหวาน ซุปที่สกัดจากสาหร่าย Kombu และปลาแห้งจะมีความหวานมันในตัวของมันเอง ก๋วยเตี๋ยว อูด้งลวกให้แข็งหน่อยๆจะดูดซึมรสน้ำซุปเข้าไปเพิ่มความอร่อยแก่เส้นก๋วยเตี๋ยว ส่วนฟองเต้าหูนั้นจะออกหวานเพราะรสชาติของซิ้ว 
เที่ยวโอซาก้า

ในส่วนของเมืองนารานั้นก็มีร้านขนมโมจิที่ขึ้นชื่อเพราะเจ้าของร้านเป็นแชมป์ขนมโมจิจากราการที่วีแชมป์เปี้ยนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดโคฟุกุจิ 
ทัวร์โอซาก้า

ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage and https://twitter.com/wonderfulweb

เยือนญี่ปุ่นศาลเจ้าฟูตาระซัน

เยือนญี่ปุ่นศาลเจ้าฟูตาระซัน

เที่ยวญี่ปุ่น
ศาลเจ้าญี่ปุ่นฟูตาระซัน

หลังจากที่ห่างหายกันไปนานตอนที่ไปทัวร์ญี่ปุ่นกลับออกมาจากบริเวณศาลเจ้าโทโชกุ เมื่อเดินเลี้ยวขวาไปตามทางเดินที่มีความร่มรื่นประมาณ 200เมตร จะถึงประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าฟูตาระซัน (Futarasan Jinja) สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2162 

โดยโชกุนฮิเดะทาดะ (Shogun Hidetada) ศาลเจ้าแห่งนี้คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นที่สถิตของเทพ 3 องค์คือ โอคุนินุชิ โนะ มิกิโตะ ,ทาโงริฮิเมะ โนะ มิกิโตะ และอาจิสุคิตากะฮิโกเนะ โนะ มิกิโตะ โดยทั้งสามองค์เป็นเทพในครอบครัวเดียวกัน มีความสำคัญคือเป็นเทพที่นำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ญี่ปุ่น

หน้าอาคารศาลเจ้าอย่าลืมแวะชมโคมปีศาจ (Phantom Lantern) ล้อมกรอบมุงหลังคาไว้อย่างดีด้วยรั้วสีแดง โดยมีเรื่องเล่ากล่าวไว้ว่า ครั้งหนุ่งโคมอันนี้ได้กลายร่างเป็นปีศาจไล่อาละวาดชาวบ้านจึงถูกซามูไรฟันด้วยดาบ ถ้าสังเกตุให้ดีจะมีรอยดาบให้เห็นบนโคมใบนี้และล้อมกรอบไว้ไม่ให้ออกไปทำร้ายใครได้อีกในครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น ณ ที่แห่งใดกันต่อคอยติดตามกันด้วยนะคะ

โปรแกรมท่องเที่ยวมากมายที่ https://www.facebook.com/wonderfulfanpage

ประตูคุณธรรมโยเมมง-ญี่ปุ่น

ประตูคุณธรรมโยเมมง-ญี่ปุ่น


ประตูโยเมมง (Yomeimon Gate)

เที่ยวญี่ปุ่น
ประตูโยเมมง

   ประตูโยเมมง เป็นประตูใหญ่อยู่ทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ อลังการด้วยผลงานศิลปะเกี่ยวกับการแกะสลักไม้อันวิจิตรและหลากหลายประดับไว้บนซุ้มประตูแทบทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งรูปสัตว์ อาทิ ไก่ฟ้า นกน้ำ เป็ดป่า ช้าง เต่า กระต่าย มังกร เสือ สิงโตเป็นต้นฯ และรูปแกะสลักอย่างอื่นก็มีเช่น ต้นไผ่ ต้นสน ต้นโบตั๋น ก้อนเมฆ และรูปเด็ก โดยมีเสาที่รองรับน้ำหนักหลังคาที่ดูหนักอึ้งนี้จำนวน 12 ต้น กำแพงด้านข้างของประตูทั้งสองก็มีผลงานการแกะสลักที่วิจิตรอลังการไม่แพ้กัน

ประตูคารามง (Karamon Gate, Chinese Gate)

เที่ยวญี่ปุ่น
ประตูจีน

   ประตูเล็กถัดจากประตูโยเมมงเข้าไปก็คือ ประตูคารามง เป็นประตูชั้นในก่อนถึงอาคารศาลเจ้าโทโชกุภาพแกะสลักและภาพวาดสีขาวสลับอยู่บนซุ้มประตูนั้น เป็นศิลปะแบบจีน ซึ่งมีทั้งมังกร ต้นไผ่ ต้นบ๊วยจึงทำให้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ประตูจีน" ประตูบานเล็กๆนั้นมีขนาดที่เล็กเกินกว่าที่จะมุดเข้าไปได้ครั้งละมากๆ (ใครที่มาทัวร์ญี่ปุ่นแล้วมายังที่ศาลเจ้าโทโชกุแห่งนี้ก็อย่าเผลอไปมุดพร้อมๆกันนะคะเดี๋ยวจะออกไม่ได้) จึงต้องมีการทำทางอ้อมไปเข้าประตูด้านขวาแทน และจะต้องฝากรองเท้าไว้ที่ตู้ล็อคเกอร์ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดไว้ให้นะคะ

   ภายในศาลาสำหรับประกอบพิธีและศาสนาของศาลเจ้าโทโชกุนั้น จะไม่อนุญาตให้มีการถ่ายหรือบันทึกภาพใดๆทั้งสิ้น (ถ้าอยากรู็ว่าภายในเป็นอย่างไรนั้นคงจะต้องมาพิสูจน์มาท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้วหล่ะค่ะ)

ติดตามทัวร์ญี่ปุ่นได้ที่ Wonderfulpackage.com และ facebook.com/wonderfulfanpage

นิคโก้มรดกญี่ปุ่นมรดกโลก

"นิคโก้มรดกญี่ปุ่นมรดกโลก"

เที่ยวญี่ปุ่น
นิคโก้มรดกญี่ปุ่น

   เมืองนิคโก้ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว 140 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง นิคโก้เป็นเมืองเล็กๆที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เพราะนิคโก้เป็นพื้นที่ของตระกูลโทกุกาว่า โดยเฉพาะโชกุนอิเอยาสุ โทกุกาว่าผู้สร้างเมืองเอโดะให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ (โตเกียว) มาจนถึงปัจจุบันนี้อัฐฐิของโชกุนท่านนี้ก็ยังอยู่ที่สุสาน (leyasu's graveyard) ภายในบริเวณศาลเจ้าโทโชกุที่ยิ่งใหญ่สวยงามด้วยผลงานที่แปลกตา สลับซับซ้อน จนองค์การยูเนสโก้ ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญไปพร้อมๆกับวัดรินโนจิ และศาลเจ้าฟูตาราซังที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน

เที่ยวญี่ปุ่น
ศาลเจ้าญี่ปุ่นในนิคโก้

   การเดินทางโดยรถไฟไปขึ้นรถสายโทโฮกุ ที่สถานีอุเอโนะ วิ่งมาเรื่อยๆจนถึงสถานีอุซึโนะมิยะ เพื่อต่อรถอีกสายนึง JR Nikko Line และเดินทางต่อไปจนถึงสถานีนิคโก้ โดยที่สถานีแห่งนี้เป็นสถานี้เล็กๆไม่ได้วุ่นวายมากเหมือนที่อื่นๆในโตเกียว ไปยังแหล่งมรดกโลกบริเวณศาลเจ้าโทโชกุนั่งเองโดยจะต้องเดินขึ้นเนินและต้องเดินขึ้นเขาด้วยแนะนำไว้เดินตอนขากลับจะดีกว่า

ติดตามโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นอื่นๆมากมายได้ที่ wonderfulpackage.com คะ
facebook.com/wonderfulfanpage
wonderfulweb

ทัวร์ญี่ปุ่น-โอกินาวาเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ

ทัวร์ญี่ปุ่น-โอกินาวาเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำ

เที่ยวญี่ปุ่น
Okinawa

Okinawa Prefectural Peace Memorial Museum
     เมื่อมียุครุ่งแรือง ก็ต้องมียุคล่มสลายเป็นวัฏจักรตามธรรมชาติตามกาลเวลาเช่นกัน ถ้าหากจะให้เล่าถึงการมาทัวร์ญี่ปุ่นแล้วคงพูดได้ยาวมากเป็นเดือนๆเลยก็ว่าได้ กลับมาเข้าเรื่องกันต่อค่ะถ้าจะนับถึงช่วงรุ่งเรืองของโอกินาวาแล้วหล่ะก็จะอยู่ในช่วงอาณาจักรริวกิวแล้ว ในช่วงที่ตกต่ำที่สุดของโอกินาวาคงจะเป็นช่วงที่เกิดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นี่กลายเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือดที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิกก็ว่าได้

เที่ยวโอกินาว่าดินแดนแห่งมังกรญี่ปุ่น

เที่ยวโอกินาว่าดินแดนแห่งมังกรญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
Okinawa

ภาพที่เห็นในโอกินาว่าครั้งแรกนั้นเป็นหมู่เกาะเรียงรายอยู่กันมากมายเป็นแนวยาวในมหาสมุทร อยู่ใกล้กับไต้หวันมากกว่าเกะคิวชูของญี่ปุ่นเสียอีก สนามบินของโอกินาว่านั้นมีกลิ่นอายคล้ายๆความเป็นเมืองจีนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้คน ไมตรี อาหาร และความผ่อนคลาย ซึ่งที่โอกินาว่าได้รวมเอาความน่ารัก เรียบร้อย เป็นระเบียบ จึงไม่แปลกที่โอกินาว่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผทู้คนจะมาท่องเที่ยว มีทัวร์ญี่ปุ่นมาลงอยู่มากมาย

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองใหม่โอไดบะ(Odaiba) ตอนจบ

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองใหม่โอไดบะ(Odaiba) ตอนจบ

โอไดบะออนเซ็น
Odaiba Onsen

Oedo Onsen Monogatari
   เป็นออนเซ็น บ่ออาบน้ำร้อนในบรรยากาศยุคเอโดะ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวอยู่ที่โอไดบะ ที่นี่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆก็คือที่ออนเซ็นแห่งอื่นส่วนมากจะตั้งออนเซ็นอยู่บนภูเข้าในเมืองจะมีน้ำแร่ธรรมชาติ เปิดให้บริการเดือนมีนาคมในปีพ.ศ.2546

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองโอไดบะ(Odaiba) ตอนที่3

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองโอไดบะ(Odaiba) ตอนที่3

เที่ยวญี่ปุ่น
ทัวร์ญี่ปุ่นขึ้นชิงช้าสวรรค์

Palette Town
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2542 มีสถานนที่ท่องเที่ยวหลายแห่งรวมอยู่ในที่แห่งนี้ ซึ่งใน palette town นั้นมีอะไรน่าท่องเที่ยวกันบ้างตามมาเลยค่ะ

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองโอไดบะ (Odaiba) ตอนที่2

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองโอไดบะ (Odaiba) ตอนที่2

สะพานสายรุ้ง
Rainbow Bridge

หลังจากที่ได้เดินทางทัวร์ญี่ปุ่นกันไปในตอนที่1กันแล้ว จากนี้ก็จะไปที่ไหนกันต่อตามมากันเลยค่ะ 
Rainbow Bridge หรือสะพานสายรุ้งมีความยาวอยู่ที่ 798 เมตร สร้างเสร็จในปีพ.ศ. 2536 โดยใช้เป็นสะพานเชื่อต่อกับกรุงโตเกียวเข้ากับ"อไดบะซึ่งเกิดจากการถมทะเลของโอไดบะ นอกจากรถไฟสายยูริกาโมเมะแล้ว ยังมีทางรถยนต์และทางเดินเท้าอีกด้วย

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองใหม่โอไดบะ (Odaiba) ตอนที่1

เที่ยวญี่ปุ่นเมืองใหม่โอไดบะ (Odaiba) ตอนที่1

เมืองโอไดบะ
Odaiba ทัวร์ญี่ปุ่น

   โอไดบะ เป็นดินแดนเมืองใหม่ที่เกิดขึ้นจากการถมทะเลในบริเวณของอ่าวโตเกียวประเทศญี่ปุ่น โดยเพื่อที่จะใช้เป็นสถานที่จัดงานแสดงสินค้านานาชาติในปี พ.ศ.2539  แต่งานดัวกล่าวก็ถูกยกเลิกไปเสียก่อน และอาคารส่วนใหญ่ก็สร้างเสร็จเกือบหมดแล้ว จึงได้พัฒนาให้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวญี่ปุ่นเมืองใหม่ซะเลย ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีมากๆ ปัจจุบันนั้นก็กลายมาเป็นสถานที่ชุมนุมของเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่น เพราะที่นี่มีสถานที่น่าเที่ยวน่าเดินอยู่หลายแห่ง ทุกอย่างล้วนแต่ดูทันสมัยดูตื่นตาตื่นใจ เพื่อให้ไม่เสียเวลาทัวร์ญี่ปุ่นเราไปดูกันต่อเลยค่ะ....

ใครๆก็อยากไปฮานามิญี่ปุ่น

ใครๆก็อยากไปฮานามิญี่ปุ่น

ดอกซากุระ
ทัวร์ญี่ปุ่น

ดอกซากุระ (Sakura) หรือดอเชอรรี่ (Cherry) เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่นมีหลากหลายพันธุ์สังเกตุได้จากกลีบดอกทั้ง 5 กลีบ และ 20 กลีบ สีของดอกซากุระโดยส่วนมากที่เห็นได้บ่อยๆก็จะเป็นสี ขาวอมชมพู ส่วนสีชมพูล้วนๆนั้นค่อนข้างที่จะพบได้ยากหน่อย ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิถือเป็นช่วงที่มีความสวยงามเพราะทั้งเมืองจะกลายเป็นสีชมพู คนญี่ปุ่นเองก็มักจะออกมาพบปะสังสรรค์กันใต้ต้นซากุระ

อีกหนึ่งในย่านทันสมัยอิเคบุคุโระญี่ปุ่น

อีกหนึ่งในย่านทันสมัยอิเคบุคุโระญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
ทัวร์ญี่ปุ่น

    โดยรอบๆตัวอาคารของสถานี JR Ikebukuro จะห้อมล้อมไปด้วยอณาบริเวณของห้างขนาดใหญ่ SEIBU ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของทีมเบสบอลที่มีชื่อเสียงโด่งดังในญี่ปุ่น Seibu Lion เป็นทีมชั้นนำมีแฟนๆติดตามคอยเชียร์กันอย่างมากมายตลอดทุกๆฤดูกาลแข่งขัน

ถนนสายช้อปปิ้งชินจูกุตะวันออก

ถนนสายช้อปปิ้งชินจูกุตะวันออก

เที่ยวญี่ปุ่น

เมื่อเดินย้อนกลับมาทางสถานีชินจูกุ (ประเทศญี่ปุ่น) ผ่านห้างใหญ่โอดะคิว (Odakyu) จากสถานี้ JR ชินจูกุ ก็จะมาถึงถนนสายช้อปปิ้ง ที่เกี่ยวกับพวกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน รวมถึงร้านเกมต่างๆมากมาย และจุดเด่นของย่านนี้นั่นก็คือจะมีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ตึก Alta เป็นสัญลักษณ์ของย่านนี้โดยเฉพาะ ถ้าใครชอบเข้าร้านหนังสือที่จะมีร้านขายหนังสือที่มีขนาดใหญ่คือคิโนะคุนิยะ (Kinokuniya) 

ร้านหนังสือญี่ปุ่น

และถ้าหากใครไปช่วงกลางคืน ที่แห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยแสงสีของหลอดไฟตลอดเส้นทางเลยทีเดียว ด้าน แหล่งช้อปปิ้งมอลล์และห้างสรรพสินค้านั้นมีอยู่หลายแห่ง นอกจาก Odakyu และ Keio ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสถานีแล้ว ทางด้านฝั่งตะวันออกก็มี MYCITY, Flags, Lumine ทัวร์ญี่ปุ่นเป็นต้นฯ

ร้านหนังสือ

ทางด้านทิศใต้ของสถานีชินจูกุ มีตั้งแต่ Mylord, Times Square, Tokyu Hamds และ Kinokuniya รวมทั้งยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว นั่นก็คือสวนสาธารณะชินจูกุ (Shinjuku Gyoen Nation Garden) ซึ่งภายในสวนสาธารณะแห่งนี้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น และเต็มไปด้วยต้นซากุระนับพันๆต้น และที่สวนแห่งนี้ยังใช้เป็นที่ชมดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้อีกด้วย

ดอกซากุระ


ติดตามแฟนเพจของเราได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage
Twitter : twitter.com/wonderfulweb
และ GG : WonderfulpackageTourAndTravel

ศูนย์รวมความบันเทิงของญี่ปุ่นชินจูกุ

ศูนย์รวมความบันเทิงของญี่ปุ่นชินจูกุ(Shinjuku)

ชินจูกุ
ทัวร์ญี่ปุ่นคับคั่ง

     บริเวณโดยรอบสถานีชินจูกุ (Shinjuku)นั้น เป็นจุดเปลี่ยนต่ออรถไฟทั้งบนดินและใต้ดินมามายหลายสายด้วยกัน ดังนั้นแล้วในทุกๆเช้าของแต่ละวันรวมถึงช่วงเย็น และชั่วโมงเร่งด่วน ที่ชินจูกุแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมกามายมหาศาล ได้มีการจดบันทึกเป็นสถิติไว้ว่า ในแต่ละวันนั้นจะมีผู้คนมาเปลี่ยนสายรถไฟมากถึง 3 ล้านคนต่อวัน รถไฟยามาโนเตะ (Yamatone)ซึ่งมีความยาวถึง 10 โบกี้ด้วยกัน จะมาเทียบท่าชานชาลาทุกๆ 2 นาที แต่ถึงอย่างนั้นจำนวนผู้โดยสารก็ยังคงหนาแน่นคับคั่งอยู่เหมือนเดิม

เที่ยวญี่ปุ่นโอโมโตะซานโดะถนนสายแบรนด์เนม

เที่ยวญี่ปุ่นโอโมโตะซานโดะถนนสายแบรนด์เนม

โอโมโตะซานดดะ ฮิลส์

จากทาเกชิตะโดริ เลี้ยวขวาเดินตามถนนเมจิ (Meiji Dori) จนถึงสี่แยกจะมีห้างลาฟอเร่ท์ (LAFORET Harajuku) สูง 7 ชั้น และมีร้านที่ขายพวกเสื้อผ้าอยู่ไม่ต่ำกว่า 150 ร้าน ชั้นบนสุดนั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์ LaForet ด้านหน้าก็จะเป็นจุดที่รวมเหล่าวัยรุ่นที่ชื่นชอบการแต่งตัวแนวคอสเพล (Cosplay) ซึ่งแตกต่างจากที่ถนนทาเคชิตะ แต่ถนนเส้นนี้ก็จะเต็มไปด้วยบรรดาแมวมองที่คอยมาดูหานายแบบ นางแบบเพื่อไปถ่ายโฆษณา หรือถ่ายแฟชั่นขึ้นปกนิตยสารมากมาย

แฟชั่นหลุดโลกที่ฮาราจูกุ

แฟชั่นหลุดโลกที่ฮาราจูกุ

ฮาราจูกุ

      จะเดินหรือจะนั่งรถไฟเจอาร์ต่อไปก็ได้ เพราะมาแค่สถานีเดียวถัดจากชิบูย่า ก็จะมาถึงสถานีรถไฟฮาราจูกุ เป็นสถานีเล็กๆที่มีรูปทรงสวยงามแปลกตาไม่เหมือนกับสถานีอื่นๆ

ฮาราจูกุ

      ที่ฮาราจูกุแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่น แต่งหน้าแต่งตัวกันด้วยแฟชั่นหลุดโลก รวมถึงพวกชุดแนวคอสเพล์ (Cosplay) ด้วยเช่นกันจะมีให้เห็นกันทุกๆวัน ยิ่งโดยเฉพาะวันอาทิตย์ก็จะมีให้เห็นมากมายด้วยการแต่งตัวแปลกๆแนวแฟนตาซี เช่นตัวการ์ตูน หุ่นยนต์ ปีศาจ หรือแนวน่ารักสดใสๆ ซึ่งได้สร้างสีสันให้กับถนนสายนี้ เดินได้เพลิดเพลินตลอด 250 เมตรของถนนสายนี้

ฮาราจูกุ


ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Dori)

ทาเคชิตะ

ถนนสายเล็กๆหน้าสถานีฮาราจูกุ เป็นแหล่งรวบรวมร้านค้าที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นรุ่นเยาว์เหล่านี้เป็นหลัก ซึ่งมีทั้งร้านขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์มีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบน่ารัก แหวกแนว หรือจะเป็นแบบหลุดโลกไปเลยก็มี ในส่วนร้านอาหารต่างๆนั้นส่วนมากสองข้างทางก็จะเป็นร้านอาหารแนวฟาสฟู้ดสะส่วนใหญ่ เช่นร้านเครปเที่ยวญี่ปุ่น ก็จะมีให้เลือกลองชิมหลายร้าน ราคาก็แตกต่างกันไปตั้งแต่ 400-1,000 เยนขึ้นอยู่กับท้อปปิ้งที่เลือก

ทาเคชิตะ

ในช่วงวันหยุด ถนนสายนี้จะแน่นมาก ถ้าอยากจะเดินแบบชิวๆสบายๆ ต้องเดินเลี่ยงไปที่ถนนสายแบรนด์เนม โอโมเตะซานโดะ (Omotesando)

โอโมเตะซานโดะ

ในวันหยุดลองไปเที่ยวกับทัวร์ญี่ปุ่นกับทาง Wonderfulpackage กันดูนะคะ

ติดตามแฟนเพจของเราได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage 
Twitter twitter.com/wonderfulweb