โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่ 



แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485 ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตกและทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลินเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประณามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941

ระเบิดนิวเคลียร์แฟทแมนที่ถูกทิ้งลงนะงะซะกิในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ 


ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 , 9 และ  15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี 1956 หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตกเศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551 ข้อมูลมากมายที่นี่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา


วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมากเที่ยวญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จทัวร์ญี่ปุ่น

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้นความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลงที่นี่

TRAVEL TIPไปไหนได้บ้าง ถ้าไม่ทำ วีซ่า

"TRAVEL TIPไปไหนได้บ้าง ถ้าไม่ทำ วีซ่า"

รายชื่อประเทศที่ยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA) สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย

รายชื่อประเทศที่ทำความตกลงโดยได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำการตรวจลงตรา (visa) หรือการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa on arrival) ในการเข้าประเทศเหล่านี้สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย สามารถอยู่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด

ทวีปเอเชีย
สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ ลาว 30 วัน กัมพูชา 30 วัน เวียดนาม 30 วัน มองโกเลีย 30 วัน ฮ่องกง 30 วัน โอมาน 30 วัน มาเก๊า 30 วัน พม่า 30 วัน เกาหลีใต้ 90 วัน จีน 30 วัน สิงคโปร์ 30 วัน ญี่ปุ่น 90 วัน ศรีลังกา 30 วัน ฟิลิปปินส์ 90 วัน มาเลเซีย 30 วัน มาเลเซีย 90 วัน บรูไน 30 วัน อินโดนีเซีย 90 วัน อินโดนีเซีย 30 วัน สิงคโปร์ 90 วัน บาห์เรน 14 วัน ตุรกี 90 วัน (Visa On Arrival)  เนปาล 90 วัน ฟิลิปปินส์ 21 วัน อิสราเอล 90 วัน จอร์แดน 30 วัน (Visa On Arrival)  อิหร่าน 14 วัน (Visa On Arrival)  กัมพูชา 14 วัน ไต้หวัน 30 วัน

(สำหรับผู้ที่มีวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุของ ประเทศ ออสเตรเลีย, แคนาดา, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, กลุ่มเชงเกน, อังกฤษ or อเมริกา โดยสมัครผ่าน https://nas.immigration.gov.tw/nase)

ทวีปยุโรป
สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท ออสเตรีย 90 วัน รัสเซีย 30 วัน เบลเยียม 90 วัน โครเอเชีย 90 วัน สาธารณรัฐเช็ก 90 วัน เยอรมนี 90 วัน ฮังการี 90 วัน อิตาลี 90 วัน ลักเซมเบิร์ก 90 วัน เนเธอร์แลนด์ 90 วัน โปแลนด์ 90 วัน โรมาเนีย 90 วัน รัสเซีย 90 วัน สวีเดน 90 วัน สโลวาเกีย 90 วัน


ทวีปอเมริกา
สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ อาร์เจนตินา 90 วัน คอสตาริกา 90 วัน บราซิล 90 วัน เม็กซิโก 90 วัน ชิลี 90 วัน เปรู 90 วัน

ทวีปแอฟริกา
สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ แอฟริกาใต้ 30 วัน แอฟริกาใต้ 90 วัน ตูนิเซีย 90 วัน

เที่ยวญี่ปุ่นเล่นสกีรีสอร์ท

"เที่ยวญี่ปุ่นเล่นสกีรีสอร์ท"

ทัวร์ญี่ปุ่น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกีหรืออยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ขอแนะนำลานสกีที่น่าสนใจในแต่ละภาคของประเทศญี่ปุ่น

(หมายเหตุ: ช่วงระยะที่เปิดให้บริการของสกีรีสอร์ตแต่ละแห่งจะไม่เหมือนกัน และยังแตกต่างกันในแต่ละปี สำหรับข้อมูลช่วงที่เปิดที่ระบุไว้ในแต่ละรีสอร์ทข้างล่างนี้เป็นข้อมูลของปี 2013 - 2014 เพื่อให้คุณได้เห็นภาพคร่าว ๆ ว่าแต่ละรีสอร์ทเปิดบริการในช่วงไหน กรุณาตรวจสอบข้อมูลวันที่เปิดล่าสุดของแต่ละสถานที่ในเว็บไซต์อีกครั้ง)

(ภูมิภาค Hokkaido)

Sahoro Resort
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 1 เมษายน

Hidaka Kokusai 
ช่วงที่เปิด: 22 ธันวาคม

Mount Racey
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม

Furano : Prince Snow Resort
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - 6 พฤษภาคม

Kamoi-dake Kokusai
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - 7 เมษายน

Kamui Ski Links
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม 

Sapporo Kokusai
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - พฤษภาคม

Sapporo Moiwa-yama
ช่วงที่เปิด: กสางเดือน ธันวาคม - มีนาคม

Sapporo Teine
ช่วงที่เปิด: 3 ธันวาคม - 25 มีนาคม 

Kiroro Snow World
ช่วงที่เปิด: 22 พฤศจิกายน - เมษายน

Rusutsu Resort
ช่วงที่เปิด: 23 พฤศจิกายน - 07 เมษายน

Niseko Gran-hirahu
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 07 เมษายน

Niseko Village Ski Resort
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 7 เมษายน

Niseko-annupuri Kokusai
ช่วงที่เปิด: 10 ธันวาคม - 24 เมษายน

Tomamu
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - มีนาคม

Northern Arc Resort
ช่วงที่เปิด: 31 ธันวาคม - 1 มีนาคม

(ภูมิภาค Tohoku)

Oowani Onsen
ช่วงที่เปิด: 22 ธันวาคม - ยังไม่มีกำหนด กรุณาเชคจากเว็บไซต์อีกครั้ง 
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น 
http://www.owani-ski.com/
ภาษาอังกฤษ 
http://www.snowjapan.com/e/resorts/resortdetail.php?resid=107 

Hakkoda-san
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนพฤศจิกายน - กลางเดือนพฤษภาคม

Moya Hills
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม

Naqua Shirakami
ช่วงที่เปิด: 15 พฤศจิกายน - 1 เมษายน

Tazawa-ko
ช่วงที่เปิด: 16 ธันวาคม - 22 เมษายน

Appi Kogen
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 31 มีนาคม

Shizukuishi Ski
ช่วงที่เปิด: 09 พฤศจิกายน - 31 มีนาคม

Miyagi Zao Eboshi
ช่วงที่เปิด: 12 ธันวาคม - 13 มีนาคม

Zao-onsen
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม - พฤษภาคม

Gassan
ช่วงที่เปิด: สกีฤดูร้อนบนพื้นหญ้า: 11 เมษายน - ปลายเดือนกรกฎาคม

Minowa
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนพฤศจิกายน - 15 เมษายน

Listel Fantasia
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม

Inawashiro
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม 

Aizu-kougen Takatsue
ช่วงที่เปิด: ต้นธันวาคม - ต้นเมษายน

Alts Bandai
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Grandeco Snow Resort
ช่วงที่เปิด: ปลายพฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม

Urabandai Nekoma
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนพฤษภาคม

(ภูมิภาค Hokuriku)

Naeba
ช่วงที่เปิด: 7 ธันวาคม - 6 เมษายน

Naspa
ช่วงที่เปิด: 13 ธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Joetsu Kokusai
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Gala Yuzawa
ช่วงที่เปิด: 23 ธันวาคม - 3 เมษายน

Akakura
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Myoko Kogen
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Tateyama Sanroku
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - 24 มีนาคม

Hakusan Sena-kogen
Ishikawa-ken
ช่วงที่เปิด : ช่วงกลางเดือนธันวาคม 

Hakusan Ichirino-onsen
ช่วงที่เปิด: ช่วงกลางเดือนธันวาคม

Imajo 365
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - กลางเดือนมีนาคม

SKI JAM
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - กลางเดือนเมษายน

(ภูมิภาค Kanto)

Manza-onsen
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - 7 เมษายน

Kusatsu Kokusai
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนพฤษภาคม

Fujiten Snow Resort
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Karuizawa Snow Park
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Hunter Mountain Shiobara
ช่วงที่เปิด: ปลายพฤศจิกายน - กลางเดือนกลางเดือน

(ภูมิภาค Chubu)

Karuizawa Prince Hotel
ช่วงที่เปิด: 9 พฤศจิกายน - 31 มีนาคม

Asama 2000 Park
ช่วงที่เปิด: 23 พฤศจิกายน

Nozawa-onsen
ช่วงที่เปิด: 11 พฤศจิกายน - 6 พฤษภาคม

Shiga-kogen Sun Valley
ช่วงที่เปิด: 15 พฤศจิกายน - 25 เมษายน

Shiga-kogen Ichinose Family
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม - เมษายน

Shiga-kogen Ichinose Diamond
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 6 พฤษภาคม

Madarao-kogen
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - 31 มีนาคม

Ryuo Ski Park
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม - พฤษภาคม

Chateraise Ski Resort Yatsugatake
ช่วงที่เปิด: 08 ธันวาคม

Yachiho-kogen
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 31 มีนาคม

Tsugaike-kogen
ช่วงที่เปิด: 22 พฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม

Pilatus Tateshina Snow Resort
ช่วงที่เปิด: 8 ธันวาคม - 7 เมษายน 

Shirakabako Royal Hill
ช่วงที่เปิด: 22 ธันวาคม - 24 มีนาคม

Ontake 2240
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม

Norikura-kogen Onsen
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Hakuba Goryu
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - 31 มีนาคม

Hakuba 47 Winter Sports Park
ช่วงที่เปิด: 01 ธันวาคม - 06 พฤษภาคม

Hakuba Happou-one
ช่วงที่เปิด: 08 ธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม

Wing Hills Shiratori Resort
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม

Snow Wave Park Shiratori-kogen
ช่วงที่เปิด: 21 พฤศจิกายน - กลางเดือนเมษายน

Takasu Snow Park
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนธันวาคม - กลางเดือนเมษายน

White Pia Takasu
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - ปลายเดือนมีนาคม

Hida Takayama
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม

Hakodate-yama
ช่วงที่เปิด: 14 ธันวาคม - 24 มีนาคม (วันปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

Kannabe-kogen Up-kannabe
ช่วงที่เปิด: ติดตามประกาศทางเว็บไซต์ของ Up-Kannabe


(ภูมิภาค Chugoku)

Daisen
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ปลายเดือนเมษายน

Mizuho-Highland
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 30 มีนาคม

Utopia-saioto
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนพฤศจิกายน - ปลายเดือนมีนาคม

Megahira-onsen
ช่วงที่เปิด: 15 พฤศจิกายน - กลางเดือนมีนาคม

(ภูมิภาค Kyushu)

Tenzan Resort
ช่วงที่เปิด: 22 เดือนธันวาคม - ปลายเดือนเมษายน 
ส่วนที่เป็นสกีตอนกลางคืนหรือที่เรียกว่า Nighter เล่นได้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน เท่านั้น

ติดตามแฟนเพจได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage



เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น

"เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น"



เนื้อหา: ฤดูหนาวของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ มีเทศกาลและการจัดกิจกรรมมากมายหลายแห่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องความหนาวแล้วไปเที่ยวสนุกกันดีกว่า

ข้อมูลโดยรวม

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/1111/specialwinter.html


เทศกาลที่ญี่ปุ่น

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/location/festivals/index.html

ชื่องาน: Sapporo Snow Festival
เนื้อหา: Sapporo Snow Festival นับเป็นเทศกาลฤดูหนาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทัวร์ญี่ปุ่น ทุกปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนไปร่วมงาน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยี่ยมชมงานจำนวนประมาณ 5 หมื่นคนด้วย ที่นี่มีงานแกะสลักหิมะขนาดใหญ่และอลังการมากมายหลายชิ้นจัดแสดง
ช่วง:วันที่ 5-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013

วิธีไป:
สถานที่จัดงานแบ่งได้เป็น 3 แห่ง วิธีการเดินทางไปแตกต่างกันดังนี้
Odori: อยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Odori
Tsu-domu: นั่งรถรับส่งจากสถานีรถไฟใต้ดิน Sakae Machi
Susukino: อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินสถานี Susukino
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.snowfes.com/index.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.snowfes.com/english/index.html
ชื่องาน: Asahikawa Winter Festival
เนื้อหา:Asahikawa เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีสวนสัตว์ที่น่าไปเที่ยวอย่าง Asahiyama Zoo เทศกาล Asahikawa Winter ได้บันทึกลงในกินเนสบุ๊คว่า มีประติมากรรมที่สร้างจากหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีบันไดเลื่อนยักษ์ทำจากหิมะ และมีเวิร์คช้อปทำประติมากรรมจากหิมะด้วย
ช่วง:วันที่ 6-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟ JR ขบวนด่วนพิเศษ 1 ชั่วโมง 20 นาที เพื่อไปลงที่สถานี Asahikawa
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/
ภาษาอังกฤษ
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/index.htm#leaf
ชื่องาน:Shikaribetsuko Kotan
เนื้อหา:Kotan เป็นภาษาไอนุ แปลว่าหมู่บ้าน เทศกาลนี้จัดขึ้นบนทะเลสาบ Shikaribetsuko โดยมีการสร้างหมู่บ้านจำลองขึ้นมาบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง รวมทั้งมีน้ำพุร้อนกลางน้ำแข็ง บาร์น้ำแข็ง โบสถ์น้ำแข็ง โรงแรมน้ำแข็ง โรงงานน้ำแข็งด้วย ที่โรงงานทำน้ำแข็งมีกิจกรรมทำแก้วน้ำแข็งด้วยตนเองด้วยค่ะ นั่งกินเหล้าสาเกที่รินอยู่ในแก้วที่ทำขึ้นมาเองในขณะที่ดื่มด่ำกับหิมะและน้ำแข็งรอบๆตัวก็คงเป็นประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่น่าจดจำนะคะ
ช่วง:วันที่ 26 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Obihiro นั่งรถบัส Hokkaido Takushoku ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.gutabi.jp/spot/detail/1473
ภาษาอังกฤษ
http://www.japanican.com/special/eastern_hokkaido/index02.aspx
ชื่องาน:Yokote Kamakura
เนื้อหา:สัมผัสกับความอบอุ่นท่ามกลางหิมะ ใน Kamakura บ้านที่ทำขึ้นจากหิมะ
ช่วง:วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี Akita นั่งรถไฟสาย JR Oou Honsen? 55 นาที ลงที่สถานี Yokote
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.yokotekamakura.com/01_event/04_winter/kamakura_kaisai_h25.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/festival/kamakurasnow.html
ชื่องาน:Tokamachi Snow Festival
เนื้อหา: เทศกาลนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 62 ปี มีประติมากรรมหิมะซึ่งสร้างสรรโดยชาวเมืองเอง มีการแสดงแสงสีเสียง
ช่วง:17-19 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป: นั่งรถไฟสาย JR iiyama (Nagano-Echigo Kawaguchi) หรือ สาย Hokuetsu Kyuko (Echigo Yuzawa-Naoetsu) ลงที่สถานี Tokamachi
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://snowfes.jp/
ภาษาอังกฤษ
http://enjoyniigata.com/english/03/tokamachi-snow-festival.html

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ"

ทัวร์ญี่ปุ่น

11. สวนเค็นโรขุเอ็ง
ที่ตั้ง : เมืองคะนะซะวะ จังหวัดอิชิกะวะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR คานาซาว่า 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนเค็นโรกุเอนเป็นหนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่เที่ยวญี่ปุ่น ภายในมีต้นซากุระ 420 ต้น เมื่อถึงเวลาที่ดอกซากุระบานเต็มที่จะงดงามมาก นับว่าเป็นฤดูที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ดอกซากุระบาน จะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระขึ้น ซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ทั้งยังสามารถชมดอกซากุระยามราตรีได้อีกด้วยเค็นโรขุเอ็งคิขุซากุระซึ่งเป็นดอกซากุระหายาก ที่มีกลีบมากถึง 300 กลีบ ของที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

12. ชิระกะวะโก
ที่ตั้ง : โอโอโนะ – กุง จังหวัดกิฟุ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ทะคะยะมะ 90 นาที 
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : หมู่บ้านชิระกะวะโกตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่ชื่อว่ากัตโชทจึคุริซึ่งหมายถึง การสร้างหลังคาบ้านลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว แม้ว่าจะมีต้นซากุระอยู่ไม่มากนัก แต่ที่นี่ท่านจะได้ชมความงามของชิดาเระซากุระที่มีกิ่งย้อยลงด้านล่างและโอโอตะซากุระซึ่งเป็นซากุระที่มีกลีบซ้อนกันถึง 90 กลีบ และมีเกสรตัวเมียมากถึง 15-20 อัน

13. สวนผลไม้ โทโงขุชัง เมืองนาโงย่า
ที่ตั้ง : เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR โคโชจิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นชิดาเระซากุระอยู่ถึง 1,000 ต้น ในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกชิดาเระซากุระ แต่ไม่ใช่แค่ดอกซากุระเท่านั้น ที่นี่จะได้ชมต้นผลไม้นานาชนิด สมกับชื่อสวนในช่วงเวลาเดียวกับที่ซากุระผลิดอก ท่านจะได้เห็นดอกของแอปเปิ้ลสาลี่ และท้อที่บานในเวลาเดียวกัน 

14. คะวะซุซากุระ
ที่ตั้ง : คาโมะ – กุง จังหวัดชิสึโอกะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ คะวะซุ (รถไฟด่วนสายอิสึ) 6 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนกุมภาพันธ์ - ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลน่ารู้ : ซากุระของที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากผลิดอกเร็วที่สุดในเกาะฮอนชู ช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานยาวนานถึง 1 เดือน ซากุระที่นี่เริ่มผลิดอกตั้งแต ่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในเมืองคะวะซุจะมีการจัดเทศกาลชมดอกซากุระนานถึง 1 เดือน ซึ่งคะวะซุซากุระของที่นี่จะมีสีชมพูเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะเนื่องจากที่นี่มีน้ำพุร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอยากแนะนำให้ไปเที่ยวน้ำพุร้อนควบคู่กันไปด้วย

15. ทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ด้านเมืองโยชิดะ
ที่ตั้ง : เมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยะมะนะชิ 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากสถานีรถไฟ ฟูจิโยชิดะ (รถไฟด่วนสายฟูจิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : ท่านสามารถชมดอกซากุระบนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเที่ยวญี่ปุ่น ที่นี่มีซากุระพันธุ์ฟูจิซากุระปลูกอยู่ถึง 2 หมื่นต้นฟูจิซากุระมีอีกชื่อว่ามาเมะซากุระหรือโอโตเมะซากุระเป็นซากุระที่มีลำต้นและดอกขนาดเล็กดูน่ารัก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกฟูจิซากุระขึ้น 

16. สวนสาธารณะ ทากาโทโฮโจชิ
ที่ตั้ง : ทาคาโทโอะ – โจ จังหวัดนะงะโนะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR อินะชิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 250 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน สวนสาธารณะแห่งนี้จะจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระขึ้น ประมาณ 1 เดือน ในช่วงเวลาดังกล่าว ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรีได้ถึงเวลา 5 ทุ่ม ซากุระที่ มีชื่อเสียงมากของที่นี่คือ ซากุระพันธ์หายากที่ชื่อว่าทาคาโทโอโคอิงังซากุระซึ่งมีอยู่ถึง 1,500 ต้น ดอกของซากุระพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็กและมีสีเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะหากมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปตรงสะพานโออุงเคียว

17. หุบเขา นะงะโทโระ
ที่ตั้ง : จิจิบุ – กุง จังหวัดไซตามะ 
การเดินทาง : ใกล้สถานีรถไฟ นะงะโทโระ (รถไฟจิจิบุเท็ตจึโด)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : หุบเขานะงะโทโระอยู่ห่างจากโตเกียวทางรถยนต์ราว 2 ชั่วโมง ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน เนื่องจากมีซากุระปลูกอยู่เต็มไปหมดเกือบ 3,000 ต้น บรรยากาศของเมืองทั้งเมืองจึงเหมือนกับงานเทศกาลชมดอกซากุระ แต่ที่แนะนำเป็นพิเศษคือ ช่วงระยะทาง 4 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟ นะงะโทโระ เลียบริมแม่น้ำอะระงะวะไปจนถึงสะพานทากาชาโงะบาชิซึ่งมีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่สองข้างทางเป็นจำนวนถึง 600 ต้น จนดูเหมือนเป็นอุโมงค์ซากุระ

18. แม่น้ำ เมงุโระงะวะ
ที่ตั้ง : เขตเมงุโระ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ อิเคจิริโอโออาชิ (รถไฟสายโตคิวเต็นเอ็งโทชิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : แม่น้ำเมงุโระงะวะเป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่อ่าวโตเกียว มีความยาวราว 8 กิโลเมตร ทางเดินเลียบริมแม่น้ำส่วนหนึ่งระยะทาง 3.8 กิโลเมตร มีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่ถึง 830 ต้น เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน บริเวณดังกล่าวมักจะกลายเป็นสถานที่นัดพบของคู่รัก ในยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟ ทำให้สามารถเกินชมดอกซากุระยามราตรีได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ไดกังยะมะแหล่งแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากวัยรุ่นที่มาทัวร์ญี่ปุ่น ซึ่งคงจะเป็นที่ถูกใจผู้ชื่นชอบแฟชั่นแน่นอน 

19. สวนสาธารณะ อุเอะโนะ
ที่ตั้ง : เขตไทโต กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR อุเอะโนะ 1 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว และเป็นสถานที่เลื่องชื่อในการชมดอกซากุระมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เนื่องจากเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดที่ชาวโตเกียวสามารถมาชมซากุระได้ ปัจจุบัน
สวนสาธารณะแห่งนี้ จึงยังคงเป็นที่รักของชาวเมืองโตเกียวอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เมื่อถึงเทศกาลชมดอกซากุระวันที่แน่นขนัดมากๆ มีคนมาชมซากุระถึง 2 แสน 4 หมื่นคน สวนสาธารณะแห่งนี้หาง่าย แม้แต่ชาวต่างชาติก็สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก

20. จิโดริงาฟูจิ
ที่ตั้ง : เขตจิโยดะ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน คุดันชิตะ 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลและนิฮอนบุโดคันแม้จะมีต้นซากุระไม่มากนักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่ด้วยความสวยงามที่ไม่รองใคร วันที่แน่นขนัดมากๆจะมีคนมาชมถึง 6 หมื่นคน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระจะมีการประดับไฟ ภาพซากุระยามราตรีที่สะท้อนแสงไฟสีฟ้าขาว กระทบลงบนแผ่นน้ำหน้าพระราชวังอิมพีเรียล เป็นภาพที่น่าประทับใจไม่อาจลืม หากเช่าเรือล่องไปตามทางน้ำของพระราชวังชมดอกซากุระจะโรแมนติกไม่น้อย

21. หมู่บ้านซามูไร คะกุโนะดะเตะ
ที่ตั้ง : เมืองเช็มโบคุ จังหวัดอะกิตะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR คะคุโนดาเทะ 20 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ที่คะกุโนะดะเตะมีหมู่บ้านซามูไรอยู่ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ซากุระที่เลื่องชื่อของที่นี่คือชิดะเระซากุระภาพของชิดะเระซากุระที่ผลิดอกอยู่ในหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในฉากหนึ่งของภาพยนต์ ซึ่งที่นี่ก็ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์อยู่เรื่อยมา ต้นซากุระส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อน บางต้นมีอายุมากกว่า 300 ปีหากได้เดินอยู่ในหมู่บ้านซามูไร ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่โปรยปรายลงมา คงจะรู้สึกเหมือนได้เป็นซามูไรกับเขาด้วย

22. บริเวณรอบปราสาท ฮิโระซะกิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิโระซะกิ จังหวัดอะโนะโมะริ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ฮิโระซะกิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซะกุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : มีผู้คนเดินทางมาร่วมเทศกาลชมดอกซะกุระของปราสาทฮิโระซะกิ กันล้นหลามมากถึงปีละ 2 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2005 มีถึง 2,500,000 คน งานเทศกาลของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม สาเหตุที่ได้รับความนิยมมากป็นเพราะ ความงดงามของภาพดอกซากุระ ปราสาท และภูเขาอิวะกิ นอกจากโชเมอิโยชิโนะแล้วยังมีซากุระพันธุ์อื่นๆ เช่นชิดาเระซากุระ และยาเอะซากุระให้ได้ชมกันด้วย 

23. สวนสาธารณะ โกเรียวคะคุ
ที่ตั้ง : เมืองฮะโกะดะเตะ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ โกเรียวคะคุโคเอ็งมาเอะ (รถไฟฮะโกะดะเตะชิเต็น) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่เป็นที่แรกในทัวร์ญี่ปุ่นที่มีการสร้างปราสาทสไตล์ยุโรป ทั้งยังเป็นสมรภูมิรบในสงครามฮะโกะดะเตะซึ่งเป็นสงครามภายในครั้งสุดท้าย ลักษณะเด่นของที่นี่คือ หากมองจากข้างบนลงมาจะเห็นเป็นรูปร่างคล้ายดวงดาว ภาพซากุระที่สะท้อนบนผิวน้ำในคูรอบโกเรียวคาคุนั้น มีความงดงามมากใกล้ๆยังมีหอคอยโกเรียวคาคุที่สามารถชื่นชมภาพทิวทัศน์ซากุระจากด้านบนได้ 

24. สวนสาธารณะ มะทสุมะเอะ
ที่ตั้ง : มะทสุมะโอะ – โจ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากตัวเมือง ฮะโกะดะเตะ 2 ชั่วโมง
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ปลายเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่มีซากุระมากถึง 250 พันธุ์ แต่ที่มีมากที่สุดคือยะเอะซากุร ซึ่งมีอยู่ถึง 10,000 ต้น ดอกซากุระแต่ละชนิดจะค่อยๆเบ่งบานตามลำดับ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนทำให้สามารถชมดอกซากุระได้ตลอด 1 เดือนเต็ม ยิ่งไปกว่านั้น ที่ฮอกไกโดดอกซากุระและดอกบ๊วยจะบานพร้อมกัน จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกบ๊วยและดอกทสึบากิที่ศาลเจ้า มะทสุมะเอะภายในสวนได้ด้วย เทศกาลชมดอกซากุระของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนที่ปราสาทมะทสุมะเอะจะมีการประดับไฟยามค่ำคืน ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระยามราตรีได้ด้วย


ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ wonderfulweb

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1"

ไปทัวร์ญี่ปุ่น

1. สวนไดโนเสาร์ ซากุระจิมะ
ที่ตั้ง : เมืองคะโงะชิมะ จังหวัดคะโงะชิมะ
การเดินทาง : โดยเรือเฟอรี่ซากุระจิมะ จากท่าเรือคะโงะชิมะฮงโค (ใกล้สถานีรถไฟ JR คะโงะชิมะ) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : เป็นสวนสาธารณะบนภูเขาไฟ "ซากุระจิมะ" ซึ่งลอยอยู่ในอ่าว "คิงโค" ห่างจากฝั่งตัวเมือง คะโงะชิมะ 4 กิโลเมตร "ซากุระจิมะ" เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ปัจจุบันยังคงมีควันลอยออกมาจากปล่องอยู่ เมื่อต้นซากุระจำนวน 3,000 ต้นของที่นี่ผลิดอก ผู้คนจำนวนมาก จะเดินทางมาเพื่อนั่งชมดอกซากุระ บนสนามหญ้าของสวนสาธารณะแห่งนี้ นอกจากนั้นภายในสวนยังมีหุ่นจำลองไดโนเสาร์ 7 ชนิด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่เด็กๆ ต่างชื่นชอบ

2. บริเวณรอบๆปราสาท คุมะโมะโตะ
ที่ตั้ง : เมืองคุมะโมะโตะ จังหวัดคุมะโมะโตะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจําทางจาก สถานีรถไฟ JR คุมะโมะโตะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ปราสาทคุมะโมะโตะ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งในสามปราสาท ที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี หากได้เดินชมตัวปราสาทที่อาบแสงไฟ และดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว จะได้รับรู้ถึงกับความสุขกับบรรยากาศแสนโรแมนติก 

3. สะพานคินไตเคียว
ที่ตั้ง : เมืองอิวะกุนิจังหวัดยะมะงุจิ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิวะกุนิ หรือสถานีรถไฟ JR ชินอิวะกุนิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สะพานคินไตเคียวเป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่างจากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อเริ่มต้นเข้าเดือนเมษายนบริเวณรอบๆ สะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพานคินไตเคียวจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงฤดูชมดอกซากุระยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟด้วย กิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับที่นี่คือ การล่องเรือชมสะพานคินไตเคียวและดอกซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง 

4. สวนสาธารณะ ทสุรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทสุยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาททสุยะมะปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของประเทศ แนะนำไปทัวร์ญี่ปุ่นดีกว่าค่ะ

5. สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองมะทสุยะมะ จังหวัดเอะฮิเมะ 
การเดินทาง : ลงรถไฟสาย อิโยะเท็ตสึโด ที่สถานีไคโคโต แล้วต่อรถกระเช้าขึ้นไปอีก 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: นอกจากจังหวัดเอะฮิมะจะเป็นที่รู้จักในเรื่อง บ่อน้ำพุร้อนโดโงะ ดอกซากุระของปราสาทมะทสุยะมะมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามด้วย ในงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของมะทสุยะมะนอกจากจะได้ชมดอกซากุระแล้ว ยังจะได้ชมการจำลองจัดขบวนทัพของเหล่านักรบ ที่มีชื่อว่าไดเมียวเกียวเร็ตทจึและการแข่งขันเล่นยาคิวเค็งระดับประเทศด้วย

6. ปราสาท ฮิเมะจิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR ฮิเมจิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดโฮริวหยิที่นาราและปราสาทฮิเมะจิแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1993 ภายในตัวปราสาทนอกจากจะมีทรัพย์ สมบัติของชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าเก็บรักษาอยู่แล้ว 


7. โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเทมมาบาชิ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน (เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงหนึ่งสัปดาห์)
ข้อมูลน่ารู้ : เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาในโรงกษาปณ์ เพื่อชื่นชมความงามของดอกซากุระตามทางเดินริมน้ำ ที่มีชื่อว่าซากุระโนะโทโอรินุเคะได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีเท่านั้น จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาถึงปีละล้านกว่าคน ที่พลาดไม่ได้คือ การเดินผ่านถนนที่มีดอกซากุระปกคลุมอยู่ด้านบนเต็มไปหมด คล้ายกับกำลังเดินผ่านอุโมงค์ดอกซากุระ ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างงดงามสามารถเข้าชมได้จนถึงเวลา 3 ทุ่ม

8. สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน ทานิมาจิยนโจเมะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของปราสาทโอซาก้า ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ภายในสวนมีซากุระกว่า 600 ต้น เมื่อเข้าสู่ฤดูชมดอกซากุระ ที่นี่จะคับคั่งไปด้วยบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่พาครอบครัวมาเที่ยว เฉพาะในช่วงฤดูชมซากุระเท่านั้น ที่จะมีการประดับโคมไฟกระดาษกว่า 200 อัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมปราสาทโอซาก้า และดอกซากุระในยามค่ำคืนได้


9. วัดคิโยมิสึ
ที่ตั้ง : เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR เกียวโต ลงที่ป้าย คิโยมิสึ แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดคิโยมิสึเป็นสัญลักษณ์ของเกียวโตเมืองหลวงเก่าของการไปเที่ยวญี่ปุ่น วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีก่อนปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในฤดูชมซากุระกลีบดอกจากต้นซากุระที่มีอยู่กว่า 1,000 ต้น ในวัดแห่งนี้จะโปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม ในช่วงที่ดอกซากุระบานทางวัดจะประดับไฟยามค่ำคืนเป็นเวลา 1 เดือน ท่านสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงาม ของลานคิโยมิสึบุโด และหอ 3 ชั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกซากุระ 


10. ภูเขา โยชิโนะ
ที่ตั้ง : โยชิโนะ – โจ จังหวัดนารา 
การเดินทาง: ใกล้สถานีรถไฟ โยชิโนะ (รถไฟคินเท็ตสึ สายโยชิโนะ)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นซากุระอยู่ถึง 30,000 ต้น มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังมีซากุระมากถึง 200 สายพันธุ์ ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระ ได้ตลอดเดือนเมษายน พื้นที่บนภูเขานั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วน จะมีช่วงที่ดอกซากุระบานไม่พร้อมกัน ของฝากที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ขนมที่มีส่วนผสมของดอกและใบซากุระ.....

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้...ท่านที่สนใจเดินทางทัวร์ญี่ปุ่นสามารถติดตามอันดับที่เหลือได้ในคราวหน้าค่ะ


ติดตามแฟนเพจของเราได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ Twitter wonderfulweb

การขอวีซ่าเที่ยวญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว

การขอวีซ่าเที่ยวญี่ปุ่นง่ายนิดเดียว

เที่ยวญี่ปุ่น

เอกสารที่ใช้ในการยื่น วีซ่ากรุ๊ปญี่ปุ่น (ท่องเที่ยว)

หนังสือเดินทาง(ตัวจริง) ที่ไม่มีตราประทับมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป หากมีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาแสดงด้วย 

รูปถ่ายสี (ขนาด 2 x 2 นิ้ว ที่มีพื้นหลังเป็นสีขาว ไม่มีลวดลาย ไม่มีการแต่งภาพถ่าย จะต้องเป็นรูปถ่ายที่ชัดเจนและถ่ายมาไม่เกิน 6 เดือน) ห้ามใช้รูปสติ๊กเกอร์, พื้นหลังห้ามมีเงา , ห้ามมีรอยขีดข่วน , ห้ามมีรอยปากกา , หมึก , แมกซ์ หรือใด ๆ ทั้งสิ้น (จำนวน 2 ใบ) 

สำเนาทะเบียนบ้าน 
เอกสารรับรองการทำงาน 
กรณีเป็นพนักงาน : หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัท ตัวจริง เป็นภาษาอังกฤษ ระบุชื่อ ตำแหน่ง วันเริ่มงาน เงินเดือน

กรณีเป็นเจ้าของบริษัท : สำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท มีอายุภายใน 3 เดือน เช่น หนังสือระบุวันที่ 5 ต.ค. 53 ลูกค้าเดินทางวันที่ 10 มี.ค. 54 ยื่นวีซ่าวันที่5 ก.พ. 54 หนังสือตัวนี้ใช้ไม่ได้ เนื่องจากอายุเกิน 3 เดือน

กรณีเป็นเจ้าของร้านค้า : สำเนาทะเบียนพานิชย์

กรณีประกอบอาชีพอิสระ อาทิ เช่น ขายข้าวแกง เปิดร้านในห้าง ขายของตามตลาดนัด ฯลฯ ต้องทำหนังสือชี้แจงตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ระบุวันที่เริ่มทำ รายได้ต่อเดือน ชื่อร้าน(ถ้ามี) ที่อยู่ของร้าน และเซ็นต์รับรองเอกสาร 

กรณีเป็นข้าราชการ : หนังสือรับรองจากต้นสังกัด เป็นภาษาอังกฤษ (ภาษาไทยใช้ได้ในกรณีที่มีตราคุรฑ)

กรณีเป็นนักเรียน นักศึกษา : ใช้หนังสือรับรองสถานภาพจากโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษ เท่านั้น หรือถ้าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี สามารถใช้สำเนาบัตรประจำตัวนักเรียนได้ กรณีที่เป็นนักศึกษาปีสุดท้าย สถาบันจะไม่ออกใบรับรองสถานภาพให้ สามารถให้ใบเกรดเทอมสุดท้ายได้ หรือถ้าเป็นเด็กนักเรียน ต่างจังหวัด ไม่มีบัตรประจำตัวนักเรียน ให้ใช้สำเนาสมุดพกเทอมปัจจุบันก็ได้

เอกสารการเงิน อาทิเช่น 
สำเนามุดเงินฝากเล่ม ไม่ใช้ย้อนหลัง 6 เดือน การใช้ย้อนหลัง 6 เดือน จะทำได้ก็ต่อเมื่อเป็น Statement ย้อนหลังจากธนาคารเท่านั้น ถ้าหากสำเนาเงินฝากเริ่มเล่มใหม่ ให้ขอเล่มเก่าทั้งเล่ม หรือ
สำเนาสมุดเงินฝากประจำ 
สำเนาฉลากออมสิน หรือฉลากออมทรัพย์ หรือพันธบัตรรัฐบาล 
สำเนาสมุดสะสมทรัพย์ตราสารหนี้ 

***หมายเหตุ: 
1). สถานทูตไม่รับเอกสารดังต่อไปนี้ บัญชีกระแสรายวัน ใบการันตีสถานภาพทางการเงินจากธนาคาร โฉนดที่ดิน 
2). ถ้าเคยเดินทางเข้าญี่ปุ่นมาแล้วภายใน 5 ปี ไม่จำเป็นต้องยื่นสำเนาสมุดเงินฝากก็ได้ 
3).กรณีลูกค้าเลื่อนตั๋วขากลับ หรือจอยทัวร์ ทางบริษัทไม่สามารถยื่นวีซ่ากรุ๊ปให้ได้ เป็นข้อจำกัดของสถานทูต หากบริษัททัวร์ฝ่าฝืนจะต้องถูกระงับการยื่นวีซ่า 1 ปี และไม่อนุญาตให้ยื่นต่อสัญญาการยื่นวีซ่าได้อีก 
4). เอกสารส่วนตัว อาทิ เช่น สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาทะเบียนหย่า ใบเปลี่ยนชื่อ ใบเปลี่ยนนามสกุล ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง 

เอกสารที่ใช้ในการยื่น วีซ่าเดี่ยวญี่ปุ่น (ท่องเที่ยวญี่ปุ่น)

กรณีผู้เดินทางไม่เคยเดินทางเข้าญี่ปุ่น: ผู้เดินทางจะต้องโชว์ตัว และให้ใช้เอกสารเหมือนการยื่นวีซ่ากรุ๊ปทุกประการพร้อมเอกสารตัวจริง 

กรณีผู้เดินทางเคยเดินทางเข้าญี่ปุ่น : ผู้เดินทางไม่ต้องไปโชว์ตัว และให้ใช้เอกสารเหมือนการยื่นวีซ่ากรุ๊ปทุกประการ

เอกสารที่ใช้ประกอบกรณีต่าง ๆ
กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เดินทางกับญาติ ไม่มีพ่อหรือแม่ไปด้วย ใช้ขอเอกสารเพิ่มเติมดังนี้ ***ใบอนุญาตให้เดินทางซึ่งเป็นแบบฟอร์มจากสถานทูตญี่ปุ่น ให้ทั้งพ่อและแม่เป็นคนเซ็นต์ยินยอม พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส พร้อมทั้งหนังสือรับรองการทำงานของพ่อหรือแม่ สำเนาสมุดเงินฝากของพ่อหรือแม่ 

การการันตีค่าใช้จ่ายให้ผู้เดินทาง ในกรณีที่คนออกค่าใช้จ่ายเดินทางด้วย : ต้องทำหนังสือชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ ระบุความสัมพันธ์ พร้อมทั้งสำเนาทะเบียนบ้านที่สามารถโยงความสัมพันธ์ได้

การการันตีค่าใช้จ่ายให้ผู้เดินทาง ในกรณีที่คนออกค่าใช้จ่ายไม่ได้เดินทางด้วย : 

*** ต้องทำหนังสือชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษ ระบุความสัมพันธ์ พร้อมทั้งสำเนาทะเบียนบ้านที่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ได้ 
*** ต้องเตรียมเอกสารทุกอย่างเหมือนเป็นผู้เดินทางเอง ยกเว้น หนังสือเดินทาง และรูปถ่าย 
*** หมายเหตุ : การการันตีค่าใช้จ่ายไม่จำเป้นต้องแสดงสำเนาสมุดเงินฝากของผู้ได้รับการการันตี

กรณีเป้นแม่บ้าน (เงินน้อย) สามีไม่ได้เดินทางด้วย ให้ขอเอกสารเพิ่มเติมของสามี เหมือนสามีเป็นผู้เดินทางเอง ยกเว้น หนังสือเดินทางและรูปถ่าย และถ้าไม่มีการจดทะเบียนสมรส สามีต้องทำหนังสือรับรองค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งระบุความสัมพันธ์ แต่ถ้าตัวแม่บ้านมีเงินเยอะมากพอที่จะการันตีตัวเองไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารของสามีก็ได้ 

กรณีที่ผู้เดินทางแล้ว หรือพึ่งเริ่มทำงาน แต่มีเงินน้อย ให้พ่อ หรือแม่ ออกเอกสารการันตีค่าใช้จ่าย ถึงแม้ว่าพ่อ หรือแม่เดินทางด้วย และกรณีที่พ่อแม่ไม่เดินทางด้วย ต้องเตรียมเอกสาร ทุกอย่างเหมือนเป็นผู้เดินทางเอง ยกเว้น หนังสือเดินทางและรูปถ่าย

หนังสือเดินทางตัวจริง 

รูปถ่ายสี พื้นขาว 2 นิ้ว 2 รูป (ห้ามใช้รูปสติ๊กเกอร์ , พื้นหลังห้ามมีเงา , ห้ามมีรอยขีดข่วน , ห้ามมีรอยปากกา , หมึก , แมกซ์ หรือใดๆ ทั้งสิ้น)

สำเนาทะเบียนบ้าน 
เอกสารรับรองการทำงาน 
หนังสือเชิญจากทางญี่ปุ่น


ข้อมูดีๆมีต่อที่ facebook.com/wonderfulfanpage

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

โยโกฮาม่าเมืองอุตสหกรรมและศูนย์กลางขนส่งทางทะเลของญี่ปุ่น เราได้ยินและคุ้นเคยกับเมืองโยโกฮาม่าของญี่ปุ่นเมืองนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเอง หรือคนไทยบ้านเราก็อยากที่จะเข้าไปทำงานและอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้หลายหมื่นคน

เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียวในเขตจังหวัดคากานาว่า (Kaganawa ken) โดยมีเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือเมืองคาวาซากิ (Kawasaki) คามาคุระ (Kamakura) รวมถึงฮาโกเน่ (Hakone)

โยโกฮาม่า เป็นเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า อุตสาหกรรม แฟชั่นและการคมนาคมไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ

คาวาซากิ เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนัก ที่รู้จักกันดีคืออุตสาหกรรมโรงงานผลิตรถยี่ห้อ Kawasaki โรงงานผลิตรถไฟชินคังเซ็นที่วิ่งไปทั่วญี่ปุ่นก็มีฐานการผลิตอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้เห็นปล่องควันจากโรงงานต่างๆมากมายอยู่ตลอดเส้นทางที่จะต้องผ่านไปยังเมืองโยโกฮาม่านั่นเองค่ะ

ยังมีทัวร์ญี่ปุ่นที่น่าสนใจอยู่อีกมากมายติดตามได้ที่นี่เลยจ้า....

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

เที่ยวญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางที่สะดวกง่ายดายที่สุดจากกรุงโตเกียว(ญี่ปุ่น) ไปยังเมืองแห่งความสงบเมืองนิคโก้มี 2แบบดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1
1.เดินทางโดยวิธีนั่งรถไฟสายโทบุ (Tobu Nikko Line)
ขึ้นจากสถานีโทบุ อาซากุสะ (Tobu Asakusa) นั่งไปยังสถานีนิคโก้ (Tobu Nikko) มีให้เลือกย่อยออกไปอีก2แบบด้วยกันคือขบวน Rapid ใช้เวลาเดินทาง 130 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 1,320 เยน และขบวน Limited Express ใช้เวลาเดินทาง 110 นาทีค่าโดยสารอยู่ที่ 2,620 เยน(ต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Omiya)

2.เดินทางโดยรถไฟ JR
ขึ้นจากสถานีโตเกียว หรือ อุเอโนะ (Ueno) นั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen มาลงที่สถานี Utsunomiya (50 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 4,600 เยน) แล้วจากนั้นต่อไปสาย JR Nikko ลงสถานี JR Nikko (40 นาที ค่าโดยสาร 740 เยน) ทั้งนี้สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ

วิธีที่ 2
นั่งโดยรถไฟร่วมระหว่าง Tobu กับ JR
จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) หรืออิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) นั่งขบวน Direct Shinjuku-Nikko Limited Express ผ่านสถานี Omiya มาลงที่สถานี Tobu Nikko ใช้เวลาเดินทาง 120 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 3,900 เยน (ไม่สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ)

เพื่ออำนวยความสะดวกและให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้เซฟค่าใช้จ่ายกันได้บ้าง จึงมีการออกตั๋วโปรโมชั่นให้เลือกหลายแบบ ดังต่อไปนี้
1.ตั๋ว All Nikko Pass ราคาผู้ใหญ่ 4,400 เยน เด็ก 2,210 เยน ใช้เดินทางไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa ถึงสถานี Tobu Nikko รวมทั้งใช้โดยสารรถไฟของ Tobu และรถบัสในเมืองนิคโก้รวมถึงบริเวณรอบนอกได้แบบไม่จำกัด ตั๋วมีอายุ 4 วัน โดยใช้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆได้
2.ตั๋ว World Heritage Pass ราคาผู้ใหญ่ 3,600 เยน เด็ก 1,700 เยนใช้โดยสารรถไฟไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa แล้วใช้โดยสารรไฟของ Tobu ในเมืองนิคโก้ได้ทุกสถานี แต่ใช้โดยสารรถบัสได้ระหว่างสถานีโทบุ นิคโก้ กับบริเวณแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) เท่านั้น ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยตั๋วมีอายุ 2 วัน 
*ขอแนะนำแบบนี้ค่ะ เพราะสามารถใช้เข้าชมโบราณสถานในบริเวณ World Heritage Site ได้

3.ตั๋ว Kinugawa Themepark Pass เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวญี่ปุ่นชมสวนสนุกทั้งสองแห่งคือ Edo Wonderland และ Tobu World Square ใช้เดินทางไป-กลับระหว่างสถานี Tobu Asakusa กับ Nikko รถไฟในเมืองนิคโก้และรถบัสรับส่งระหว่างสวนสนุกกับสถานีรถไฟเท่านั้น จึงไม่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ หรือแม้แต่คณะมากับทัวร์ญี่ปุ่นด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งควรที่จะไปเที่ยวชมแหล่งมรดกโลกและความงดงามของธรรมชาติมากกว่า หรือถ้ามีตั๋วทั้ง2แบบข้างต้นแล้วอยากที่จะไปเที่ยวชมสวนสนุกจริงๆ ค่อยซื้อตั๋วเข้าชมเป็นแห่งๆไป จะเหมาะกว่านะคะ

ตั๋วทุกแบบนั้นสามารถหาซื้อกันได้ที่สำนักงาน Tobu Sightseeing Service Center หรือ Tobu Travel ในสถานีรถไฟ Tobu Asakusa (ริมแม่น้ำซูมิดะ ใกล้ๆวัดอาซากุสะ) หรือสำนักงาน Tobu Travel ในสถานีรถไฟใหญ่ๆในกรุงโตเกียวค่ะ

*สำหรับผู้ที่มีตั๋ว JR Rail Pass แล้วควรใช้บัตรใบนี้ให้คุ้มค่าดีกว่าค่ะ

ร้านอร่อยที่ต้องลองในโอซาก้า

ร้านอร่อยที่ต้องลองในโอซาก้า

ทัวร์ญี่ปุ่น

หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่นแล้ว หลายท่านคงนึกถึงเป็นอันดับต้นๆก็คือ ข้าวปั้น(ซูชิ) ราเม็ง ปลาดิบ หรือแม้แต่ข้าวหน้าปลาไหล แต่ในคราวนี้เราจะตามไปยังร้านที่มีความอร่อย และเด่นในเรื่องความสด สะอาดมากเป็นอันดับต้นๆในญี่ปุ่น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเพื่อนๆตามมาได้เลยค่ะ
เที่ยวโอซาก้า

โอซาก้า เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน อาหารที่เป็นขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของโอซาก้า คือ ทาโกยากิ ขนมครกแบบญี่ปุ่น ลูกกลมๆ ทำจากแป้งและปลาหมึก พิพิธภัณฑ์ทาโกยากิแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดขึ้นใกล้กับ Universal Studio Japan ร้านสาขาของทาโกยากิที่มีชื่อเสียงที่มีจำหน่ายในพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ร้าน "ฮงเค ไอซึยะ" เป็นเจ้าแรกที่ทำทาโกยากิขายในประเทศญี่ปุ่นร้าน "อะเมริกามุระ โคงะริว" ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่น 
ทัวร์โอซาก้า

อีกอย่างที่ขึ้นชื่อมากในโอซาก้าก็คือ อูด้ง อูด้งมีลักษณะคล้ายๆก๋วยเตี๋ยวของบ้านเราแต่เส้นกลมและใหญ่ทำจากแป้งข้าวเจ้าในโอซาก้ามีร้านอูด้งมากมายแต่อูด้งที่ขึ้นชื่อคือ Kitsune Udon นั้นเป็นเมนูที่มีต้นกำเนิดในโอซาก้า และเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วญี่ปุ่นเป็นก๋วยเตี๋ยวหน้าฟองเต้าหูต้มซีอิ้วหวาน ซุปที่สกัดจากสาหร่าย Kombu และปลาแห้งจะมีความหวานมันในตัวของมันเอง ก๋วยเตี๋ยว อูด้งลวกให้แข็งหน่อยๆจะดูดซึมรสน้ำซุปเข้าไปเพิ่มความอร่อยแก่เส้นก๋วยเตี๋ยว ส่วนฟองเต้าหูนั้นจะออกหวานเพราะรสชาติของซิ้ว 
เที่ยวโอซาก้า

ในส่วนของเมืองนารานั้นก็มีร้านขนมโมจิที่ขึ้นชื่อเพราะเจ้าของร้านเป็นแชมป์ขนมโมจิจากราการที่วีแชมป์เปี้ยนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากวัดโคฟุกุจิ 
ทัวร์โอซาก้า

ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage and https://twitter.com/wonderfulweb

สุดยอด7สถานที่ในนิคโก้-ญี่ปุ่น

สุดยอด7สถานที่ในนิคโก้-ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

เมืองนิคโก้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีก ที่บริเวณทะเลสาปซูเซ็นจิอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งถ้ามีเวลาควรหาโอกาสไปเที่ยวชม โดยเริ่มต้นนั่งรถเมล์ได้ที่หน้าสถานีรถไฟโทบุดังนี้

1.ทะเลสาปซูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) เป็นที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น โดยเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1,200 เมตร มองเห็นภูเขานันไต (Nantaisan) ได้อย่างชัดเจน มีทิวทัศน์ที่สวยงามในทุกฤดู
ทะเลสาปซูเซ็นจิ

2.น้ำตกเคง่อน (Kegon Waterfall) ความสูงของสายน้ำตก 99 เมตร สายน้ำไหลหล่นมาจากหน้าผาของแม่น้ำโอจิริ (Ojiri)
น้ำตกเคง่อน

3.วัดซูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) เป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมพันกรที่แกะสลักขึ้นจากไม้สนซีด้าร์ ที่มีปลูกขึ้นมากมายในบริเวณนี้
วัดซูเซ็นจิ

4.บ่อน้ำพุร้อนซูเซ็นจิ (Chuzenji Hot Springs) มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมและเรียวกังที่ให้บริการบ่อน้ำร้อนออนเซ็น เหมาะสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่ไปเป็นหมู่คณะ
ออนเซ็นซูเซ็นจิ

5.ยูโมะโตะออนเซ็น (Yumoto-onsen) โรงแรมแบบญี่ปุ่นให้บริการบ่อน้ำร้อน ท่ามกลางธรรมชาติขุนเขาและทะเลสาป
ออนเซ็น

6.เมืองจำลอง Tobu World Square จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วโลกรวบรวมไว้ที่แห่งนี้ โดยค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็ก 1,200 เยน เปิดให้บริการทุกวัน 09.00-17.00 น.
Tobu World Square

7.สวนสนุก Edo Wonderland เมืองนินจา ภายในตกแต่งอาคารและถนนหนทางให้เหมือนสมัยเอโดะ มีการแสดงโชว์นินจา ขบวนพาเหรดย้อนยุคในชุดพื้นเมืองและกิโมโน
Edo Wonderland

ติดตามแฟนเพจ facebook.com/wonderfulfanpage
และ https://twitter.com/wonderfulweb

บ้านไม้อายุกว่า 200 ปี บ้านตระกูลดาเตะที่เซ็นได

"บ้านไม้อายุกว่า 200 ปี บ้านตระกูลดาเตะที่เซ็นได"

ทัวร์ญี่ปุ่น



บ้านตระกูลดาเตะ (Date clan’shouse)
แม้ปัจจุบันบ้านไม้อายุกว่า 200 ปีหลังนี้จะไม่ได้ตั้งอยู่บนสถานที่เดิมแล้ว เนื่องจากได้มีการโยกย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบัน แต่ก็ยังคงใช้วัสดุอุปกรณ์ของบ้านหลังเดิมเกือบทั้งหมดและแม้บ้านหลังดังกล่าวจะผันมาเปิดเป็นร้านอาหาร แต่ก็ยังคงอนุรักษ์และรักษาสภาพของการเป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลสำคัญของเมืองไว้เป็นอย่างดี โดยเป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นล่างเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศเพียบพร้อมด้วยอาหารชุดสุดหรู ปรุงแต่งอย่างปราณีต ส่วนชั้นบนยังคงเก็บรักษาสภาพของห้องทำงาน ห้องเก็บหนังสือ ห้องสมุด และห้องลับของเจ้าของบ้านซึ่งหลังจากชมห้องด้านบนแล้ว พนักงานประจำร้านยังพาเดินลงบันไดมายังห้องด้านล่างที่แบ่งทางเดินเป็น 2 ระดับ โดยระดับที่สูงกว่าเป็นทางเดินเฉพาะของเจ้าของบ้านส่วนทางเดินที่ต่ำลงมาเป็นทางดินของคนรับใช้และข้าทาสบริวาร

บ้านไม้หลังใหญ่นี้ยังมีสวนแบบญี่ปุ่นสวยๆที่จัดวางโต๊ะสำหรับพิธีชงชาไว้ด้านนอก ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของบ้านแบบญี่ปุ่นได้อย่างเข้าถึงและอิ่มเอม


ท่านสามรถดูโปรแกรมท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ที่ "ทัวร์ญี่ปุ่น" ค่ะ

WonderfulPackage: ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น

WonderfulPackage: ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น: ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น ชมความงามของโบราณสถานมรดกโลกเสร็จแล้ว จะกลับมาขึ้นรถเมล์ตรงป้ายเดิมเพื่อจะได้ลงจากเขา หรื...

ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น

ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

ชมความงามของโบราณสถานมรดกโลกเสร็จแล้ว จะกลับมาขึ้นรถเมล์ตรงป้ายเดิมเพื่อจะได้ลงจากเขา หรือถ้าจะเดินไปทางซ้ายมือจากซุ้มขายตั๋วตรงปากทางเข้าวัดรินโนจิก็ได้ เที่ยวญี่ปุ่นต่อโดยลงเขาไปประมาณ10นาที ก็จะถึงสะพานชินเคียวที่ไม่ควรพลาดชม
เที่ยวญี่ปุ่น
สะพานโค้งสีแดงทอดข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ตรงเชิงเขาปากทางขึ้นสู่แหล่งมรดกโลกที่เพิ่งไปชมมานี้มีชื่อว่าสะพานชินเคียว หรือสะพานอสรพิษคู่มีความยาว 28เมตร กว้าง7เมตร อยู่สูงจากระดับน้ำราวๆ10เมตร สร้างจากไม้โดยมีเสาหินรองรับน้ำหนัก ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของบรรดาสะพานไม้โบราณในการเดินทางไปทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ และสะพานแห่งนี้ก็จะทาด้วยสีแดงสด
ทัวร์ญี่ปุ่น

หากอยากเดินทางข้ามสะพานเพื่อเข้าไปชมความงดงามใกล้ๆต้องเสียค่าเข้าชม โดยผู้ใหญ่ 500 เยน เยาวชน 300 เยนและเด็ก 200 เยน แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเพียงแค่ยืนชมจากสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวขนานกันกับสะพานนี้ ก็สามารถชมความสวยงามของสะพานชินเคียวได้แบบชัดเจนพอๆกัน
ทัวร์ญี่ปุ่น

ใกล้ๆกันนั้นมีป้ายรถเมล์ชินเคียว สามารถเดินทางขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นอื่นๆต่อ หรือจะกลับไปยังสถานีรถไฟเจอาร์และสถานีรถไฟโทบุ ค่าโดยสาร 250 เยน ถ้าใครที่ต้องการจะชมเมืองจากจุดนี้ใช้เวลาประมาณ20นาทีก็จะเดินถึงสถานีรถไฟเจอาร์นิคโก้ เดินสบายค่ะ เพราะจะเป็นทางลาดค่อยๆลงเนินอย่างที่ได้บอกไปในตอนแรกค่ะ


แฟนเพจ : facebook.com/wonderfulfanpage

ทาร์ตไข่ฮ่องกง

ทาร์ตไข่ฮ่องกง

เที่ยวฮ่องกง

ขนมหน้าตาเหมือนพายขนาดเล็กใส้คัสตาร์ดหอมหวานนี้มีต้นกำเนิดมาจากแดนผู้ดี ประเทศอังกฤษ หลังจากที่อังกฤษได้เป็นเจ้าของเกาะฮ่องกง ก็นำขนมชนิดนี้เข้ามาด้วย ทาร์ตไข่จะมีอยู่ 2 แบบคือแบบแป้งนุ่มกับแป้งกรอบ แต่รสชาตต้นตำรับไม่ถูกใจชาวฮ่องกงเท่าไหร่ จึงเกิดการคิดค้นสูตรใหม่คือลดครีมคัสตาร์ดลงแต่เพิ่มปริมาณไข่ลงไป ทำให้หวานน้อยลง ครีมมีความเข้มข้นและกลิ่นหอมของไข่ไก่เข้ามาแทน เรียกได้ว่าเป็นทาร์ตไข่รสชาตถูกใจชาวเอเชียและเป็นที่ยอมรับของชาวตะวันตกยิ่งกว่าสูตรต้นตำรับเสียอีก

ร้านที่ต้องโดน :
สำหรับแบบแป้งกรอบหาซื้อได้ที่ร้าน Tai Cheong Bakery อยู่ที่ 35 Lyndhurst Terrace, Central โทร +852 2544 3475

ส่วนแบบแป้งนุ่มหาซื้อได้ที่ร้าน Honolulu Coffee Shop อยู่ที่ 176 ถนน Hennessy Road, Wan Chai โทร +852 2575 1823

หรือทีเด็ดสุดๆ คือ
ร้าน Hoover Cake Shop ร้านโปรดของนักแสดงชื่อดังโจวเหวินฟะ กินแล้วอยากใส่แว่นดำแล้วสูบซิการ์โชว์แบบเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เลยทีเดียว อยู่ที่ 136 ถนน Nga Tsin Wai เกาลูน โทร +852 2382 0383

ทัวร์ฮ่องกง

ได้ไปเที่ยวฮ่องกงก็อย่าลืมแวะไปชิมกันดูนะคะ

ขนมเปี๊ยะ ที่ฮ่องกง

ขนมเปี๊ยะ ที่ฮ่องกง

ทัวร์ฮ่องกง

ขนมเปี๊ยะ
ขนมดั้งเดิมของจีน มีมาแต่โบราณ ขนมเปี๊ยะสูตรดั้งเดิมจะใช้แป้งผสมมันหมูเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อให้แป้งนั้นมีความแข็งเล็กน้อย ส่วนไส้ที่ใส่จะเป็นไส้ฟักผสมอัลมอนด์ที่มีรสหวาน แต่ไม่ทำให้อ้วน ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับนักกินที่รักสุขภาพ ซึ่งนอกจากจะไม่ทำให้อ้วนแล้ว ยังดีต่อระบบย่อยอาหารอีกด้วย
ร้านที่แนะนำ: ร้านHang Heung, 64 ถนน Castle Peak, Yuen Long โทร +85 2479 2141

ซาชิมิกุ้งสด
เมนูนี้เป็นเมนูที่ชาวฮ่องกงชอบมาก แต่เมนูนี้ไม่ใช่เมนูฮ่องกงแท้ๆ นะจ๊ะ แต่เป็นของไทยเรานี่แหละ กุ้งทะเลสดๆที่แกะเปลือกแล้วผ่ากลางไว้แล้วเสิร์ฟพร้อมกับน้ำแข็งเพื่อรักษาความสด และกระเทียมเพื่อตัดเลี่ยน มาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดส์แบบไทยๆ เป็นที่นิยมของชาวฮ่องกงมาก ด้วยน้ำจิ้มที่เผ็ด เปรี้ยวแซ่บสะใจแบบไทยๆกับกุ้งทะเลสดๆที่เนื้อหวานและไม่คาวนั้นเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างมาก

สรุป  ซาชิมิกุ้งสด = กุ้งแช่น้ำปลา นั่นเองงงงง
ร้านที่ต้องโดน:
ไปโดนตำรับไทยๆแบบนี้ได้ที่ร้าน Thai Shing ชั้น 1 อาคาร Tang Fai Building อยู่ที่ 36 ถนน Tung Lung, Causeway Bay โทร +852 2834 2500.

บริการดีๆจากทัวร์ฮ่องกงสุดพิเศษที่ Wonderfulpackage.com


ประตูยาชาม่อน Yashamon ทัวร์ญี่ปุ่น

ประตูยาชาม่อน Yashamon ทัวร์ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

ประตูยาชาม่อน หรือ Yashamon  Gate ทั้งสี่ทิศของซุ้มประตูนั้นมีรูปปั้นปีศาจเฝ้าอยู่ 4 ตน โดยแต่ละตนนั้นจะมีสีที่ไม่เหมือนกัน พาไปทัวร์ญี่ปุ่นก็จะเห็นเป็นสีแดง เขียว น้ำเงินและสีขาว ลวดลายที่แกะสลักไว้บนซุ้มนั้นเป็นลายดอกโบตั๋น จึงเรียกชื่อประตูนี้อีกอย่างนึงว่า "ประตูดอกโบตั๋น (Peony Gate)" เพื่อลดความน่ากลัวลง

ก่อนที่จะไปถึงศาลาใหญ่นั้น ยังมีอีกหนึ่งประตูเล็กที่มีความสวยงามไม่แพ้กัน คือประตูคาราม่อน (Karamon Gate) ผ่านตรงนี้เข้าไปจะเป็นศาลา Sanctuary ตกแต่งด้วยสีดำ แดง น้ำเงินและสีทองที่ดูเคร่งขรึม ถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้สีน้ำเงินดำ จนถึงศาลาหลังสุดอาคารหลักของสุสานแห่งนี้ตกแต่งด้วยสีทองเหลืองอร่าม ดูสวยงามและภูมิฐาน สมเป็นที่ประดิษฐานพระอนุสาวรีย์ของโชกุนอิเอะมิตสุ โทกุกาว่า (Iemitsu Tokugawa) ซึ่งเป็นโชกุนรุ่นที่ 3 หลานชายของโชกุนอิเอะยาสุ โทกุกาว่านั่นเอง ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตบรรจงเช่นเดียวกัน

ก่อนออกมายังมีอีกหนึ่งประตูทางด้านข้างที่สวยงามเช่นกันนั่นคือ ประตูโกกะม่อน (Kokamon Gate) ที่ใช้ศิลปะแบบจีนสมัยราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty) ที่มีเสาโครงทำด้วยสำริดสีเขียวสลับทองตั้งประดับอยู่ทั้งสองด้านถ้าท่านสนในที่อยากจะไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็สามารถมาด้วยกันกับเราที่ Wonderfulpackage.com ค่ะ

ท่านสามารถรับชมวีดีโอ http://youtu.be/riTaj1z--yE

วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอินที่ญี่ปุ่น

วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอินที่ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น
วัดในญี่ปุ่น


วัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน (Iemitsu Taiyuin Temple)
จากศาลเจ้าฟูตาราซัน มีทางเดินเชื่อมไปยังวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอินตั้งอยู่ใกล้ๆกัน โดยสิ่งแรกที่จะได้เห็นคือศาลาหลังใหญ่ 2 หลัง มีรูปทรงและขนาดเท่ากัน แต่ศาลาหลังแรกเรียกชื่อว่า Jyogyo-do มีการตกแต่งภายในตามศิลปะแบบญี่ปุ่น ส่วนอีกหลังคาหนึ่งชื่อว่า Hokke-do จะมีการตกแต่งแบบจีน อาคารทั้งสองจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างนึงว่า "วัดแฝด" (Two Temples)

ถัดจากศาลานี้จะเป็นประตูนิโอมง (Nio-mon Gate) ซึ่งเป็นประตูทางเข้าสู่สุสานของวัดรินโนจิแห่งเมืองนิคโก้ (Nikko Mausoleum Rinnoji Taiyuin) ถัดจากนี้ด้านขวามือจะมีบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ทั้งดื่ม ป้วนปากล้างมือ เพื่อเป็นการชำระจิตใจร่างกายให้สะอาดก่อนเข้าสู่บริเวณวัด

ด้านซ้ายมือมีซุ้มประตูขนาดใหญ่ มีความอลังการไม่แพ้ซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ ประตูนี้มีชื่อว่าประตูนิเท็นม่อน (Nitenmon Gate) หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "คามินาริม่อน" (Kaminarimon Gate) ประตูสายฟ้า เหมือนกับชื่อประตูใหญ่ของวัดอาซากุสะในโตเกียวเลยสองข้างประตูนั้นมีรูปปั้นของเทพเจ้าสายฟ้า (God of Thunder) และเทพเจ้าแห่งสายลม (God of Wind) ตั้งอยู่ด้วย

ความสนุกจากทัวร์ญี่ปุ่นยังมีอีกมากมายที่ Wonderfulpackage.com

https://www.facebook.com/wonderfulfanpage

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองซัปโปโร

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองซัปโปโร


เทศกาลหิมะ ซัปโปโร (SAPPORO SNOW FESTIVAL)

เที่ยวญี่ปุ่น
ซัปโปโรเทศกาลหิมะ
เทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียงของเมืองซัปโปโร เชิญให้มาทัวร์ญี่ปุ่นเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งนับเป็นเทศกาลในฤดูหนาวที่เก่าแก่ที่สุดงานหนึ่งของโลก เป็นเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียงของเมืองซัปโปะโระ ซึ่งจัดขึ้นประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุก ๆ ปี แบ่งพื้นที่จัดงาน 3 ส่วน คือ สวนสาธารณะโอโดริ ย่านการค้าซูซูกิโน และซัปโปะโระคอมมูนิตีโดม (สึโดมุ) ในมีการสร้างประติมากรรมที่จากหิมะและน้ำแข็งเป็นจำนวนมาก มีการจัดประกวด แข่งขัน ถือว่าเทศการซัปโปะโระนี้ เป็นเทศกาลหิมะ ที่ใหญ่และมีคนจากทั่วโลกให้ความสนใจ เทศกาลหิมะของเมืองซัปโปะโระเริ่มขึ้นเมื่อราว ปี ค.ศ. 1950 โดยความร่วมมือของสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวซัปโปะโระและเขตซัปโปะโระ ในเทศกาลหิมะครั้งแรกนี้ เพราะไม่มีใครเคยสร้างรูปปั้นหิมะมาก่อน คณะกรรมการจัดงานจึงต้องขอร้องให้นักเรียนชั้นมัธยมปลายในเมืองซัปโปะโระร่วมกันก่อรูปปั้นหิมะขึ้นจนได้รูปปั้นจำนวน 6 ชิ้นในบริเวณลานในสวนสาธารณะโอโดริซึ่งเดิมใช้เป็นที่ทิ้งหิมะ รูปปั้นหิมะรุ่นแรก ๆ นั้นมีความสูงอย่างมากเพียง 7 เมตรเท่านั้น แต่ในงานครั้งที่ 4 ในปี ค.ศ. 1953 มีการสร้างรูปปั้นที่มีขนาดสูงถึง 15 เมตร ซึ่งต้องใช้หิมะจำนวนมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างรูปปั้นหิมะขนาดใหญ่ และมีการจัดการแข่งขัน อย่างในปัจจุบัน ซึ่งเทศกาลหิมะ ซัปโปโรที่ฮอกไกโดนี้ได้จัดขึ้นทุกปี และเป็นที่สนใจของคนทัวโลก

เยือนญี่ปุ่นศาลเจ้าฟูตาระซัน

เยือนญี่ปุ่นศาลเจ้าฟูตาระซัน

เที่ยวญี่ปุ่น
ศาลเจ้าญี่ปุ่นฟูตาระซัน

หลังจากที่ห่างหายกันไปนานตอนที่ไปทัวร์ญี่ปุ่นกลับออกมาจากบริเวณศาลเจ้าโทโชกุ เมื่อเดินเลี้ยวขวาไปตามทางเดินที่มีความร่มรื่นประมาณ 200เมตร จะถึงประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าฟูตาระซัน (Futarasan Jinja) สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2162 

โดยโชกุนฮิเดะทาดะ (Shogun Hidetada) ศาลเจ้าแห่งนี้คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นที่สถิตของเทพ 3 องค์คือ โอคุนินุชิ โนะ มิกิโตะ ,ทาโงริฮิเมะ โนะ มิกิโตะ และอาจิสุคิตากะฮิโกเนะ โนะ มิกิโตะ โดยทั้งสามองค์เป็นเทพในครอบครัวเดียวกัน มีความสำคัญคือเป็นเทพที่นำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ญี่ปุ่น

หน้าอาคารศาลเจ้าอย่าลืมแวะชมโคมปีศาจ (Phantom Lantern) ล้อมกรอบมุงหลังคาไว้อย่างดีด้วยรั้วสีแดง โดยมีเรื่องเล่ากล่าวไว้ว่า ครั้งหนุ่งโคมอันนี้ได้กลายร่างเป็นปีศาจไล่อาละวาดชาวบ้านจึงถูกซามูไรฟันด้วยดาบ ถ้าสังเกตุให้ดีจะมีรอยดาบให้เห็นบนโคมใบนี้และล้อมกรอบไว้ไม่ให้ออกไปทำร้ายใครได้อีกในครั้งหน้าจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น ณ ที่แห่งใดกันต่อคอยติดตามกันด้วยนะคะ

โปรแกรมท่องเที่ยวมากมายที่ https://www.facebook.com/wonderfulfanpage

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ Final

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ Final

เที่ยวมัลดีฟส์
เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์

กลับมาผ่อนคลายอารมณ์ในรีสอร์ท
นอกจากจะดื่มด่ำบรรยากาศริมชายหาดที่รีสอร์ท และออกไปดำน้ำ และดูปลาโลมาแล้ว ที่รีสอร์ทก็มีกิจกรรมให้ได้สนุกกันมากมาย เช่นพายเรือแคนู เล่นเรือใบ และกิจกรรมริมชายหาดต่างๆ ทำให้รู้สึกว่าไปมัลดีฟส์แค่สามวันเนี่ย มันช่างสั้นซะจริง จริ๊ง วันที่จะต้องขึ้นเครื่องกลับเนี่ยมองทะเลออกไปแล้วรู้สึกว่า เฮ้อเมื่อไหร่เราจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกน๊า ต้องกลับไปเผชิญความวุ่นวายอีกละ ... แง๊ ทะเลจ๋าอยากอยู่ต่อจังเลย T_T


ส่งท้ายความประทับใจ
จากประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ผ่านมา ถ้าเทียบแพคเกจมัลดีฟส์ กับแหล่งท่องเที่ยวที่เคยได้ไปที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงก็ น่าจะเป็น บาหลี มนต์ขลังของธรรมชาติและความโรแมนติกมีดีกรีอาจจะพอๆกัน แต่สไตล์การเที่ยวบาหลีจะโดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น และธรรมชาติเขียวชะอุ่ม และการตกแต่งภายในรีสอร์ทอันสวยมีสไตล์กลิ่นอายศิลปะ แต่สำหรับมัลดีฟส์สิ่งที่ประทับใจที่สุดคงเป็นความงามของท้องทะเล และการใช้ชีวิตอยู่กับท้องทะเล แค่ได้นอนเล่นริมทะเลบนเกาะก็มีความสุขสุดๆแล้ว ได้ละความวุ่นวายมาอยู่กับมนต์ขลังของท้องทะเลสีฟ้าใส และหมู่ปลาที่เป็นมิตร

ทำให้รู้สึกว่ามาเที่ยวแบบนี้สิ คือการชาร์จพลังให้กับชีวิตอย่างแท้จริง ทะเลที่มัลดีฟส์ยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอ ตอนนี้พี่เพ็ญเริ่มทำตาซึ้งด้วยแววตาเป็นประกายและบอกว่าหวังว่าจะได้มีโอกาสนำพานักท่องเที่ยวที่น่ารักกลับไปเยือนมัลดีฟส์ด้วยกันอีกสักครั้ง(... รวมทั้งคนเขียนด้วย .. 555+ เฮ่อ... เพิ่งได้ยินเรื่องราวตามสายมาว่า เกาะมัลดีฟส์อาจจะโดนน้ำท่วมในอนาคตเพราะภาวะโลกร้อน ฟังแล้วก็ใจหาย ขอให้อย่าเป็นอย่างนั้นเลยนะ คงต้องช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ประหยัดพลังงานและลดการใช้สิ่งของที่จะทำให้เกิดภาวะโลกร้อนนะคะ เกาะมัลดีฟส์จะได้อยู่กับเราตลอดไป.... แต่คิดแล้วยังไง๊ ยังไง ก็ต้องรีบหาเวลาไปเที่ยวมัลดีฟส์เร็วๆนี้แล้วล่ะค่ะ V[^ ^]!! )

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ 3

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ 3

เที่ยวมัลดีฟส์
เที่ยวทะเลที่มัลดีฟส์

นั่งเรือออกไปประมาณ 30 นาทีก็ถึงจุดดำน้ำ น้ำทะเลที่มัลดีฟส์ดูต่างจากหมู่เกาะสุรินทร์ที่พี่เพ็ญเคยไปดำมาก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะสีของน้ำแลดูจะเข้มกว่า เป็นสีน้ำเงินเข้ม ไม่เหมือนหมู่เกาะสุรินทร์ที่เป็นสีเขียวมรกต พอกระโดดลงไปปุ๊บ เข้าใจเลยว่าทำไมสีมันเข้มนัก แว๊บแรกที่ก้มมองลงไปใต้ผิวน้ำพี่เพ็ญต้องตกกะใจ เสียววาบบบ .. เพราะว่ามันลึกจนมองไม่เห็นพื้นทะเลเลยทีเดียว เหมือนเป็นเหวลงไป แต่ด้วยสปิริตแรงฮึต (และด้วยการช่วยเหลือของ Staff ของรีสอร์ทอย่างใกล้ชิด) ทำให้เร่งตีตีนกบตะเกียกตะกายต่อไปจนถึงจุดที่เป็นจุดส่องดูปะการัง (การที่เรือไม่เข้าไปปล่อยตรงจุดมองปะการังเลยเพราะว่าเรืออาจจะไปทำร้ายปะการังเหล่านั้นได้) แต่เธอก็บอกว่ามันช่างคุ้มค่าจริงๆ มุมมองอันน่ากลัวของแว่บแรกที่เธอมองลงไปในน้ำหายไปในพริบตา กลับกลายเป็นทิวทัศน์ใต้น้ำอันแสนสวย จนเกือบจะอ้าปากค้าง (แต่อ้าปากไม่ได้เพราะเดี๋ยวหน้ากากอ็อกซิเจนหลุด .. เหะๆๆ :P)

โลกใต้ท้องทะเลในการมาโดยแพคเกจมัลดีฟส์ในความเห็นของพี่เพ็ญแตกต่างจากในเมืองไทย เพราะว่าวิวมุมมองใต้ท้องทะเลเป็นเว้งกว้างกว่า สามารถทอดสายตาออกไปได้กว้างกว่า และปะการังที่เที่ยวมัลดีฟส์เนี่ยสมบูรณ์มากดอกไม้ทะเลพริ้วไหวเต็มไปหมด หมู่ปลาสีสันสดใสดูมีชีวิตชีวา ดำน้ำอยู่ตรงนั้นได้ประมาณ 20 นาที ก็พากันกลับขึ้นเรือ

จุดหมายต่อไปคือการไปชมฝูงโลมา พี่เพ็ญบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็น ฝูงโลมาน่าจะเกือบ 20 ตัวได้ มาว่ายน้ำกระโดดไปมาทักทายคนบนเรือ ทำให้พี่เพ็ญอยากจะกระโดดลงไปว่ายน้ำกับโลมาเหล่านั้นด้วยซะเลย แต่เสียดายที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต 555+ อย่างไรก็ตามเจ้าโลมาน่ารักเหล่านั้นทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขไปตามๆกัน เสียดายที่จับภาพไม่ค่อยทัน ดูตัวอย่างวีดีโอที่นักท่องเที่ยวคนอื่นถ่ายมาเป็นไอเดียละกันนะคะ :)

Snorkeling: http://www.youtube.com/watch?v=KihDp_qW1tE
Dolphin: http://www.youtube.com/watch?v=_z2q1t6xvpg&feature=related

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ 2

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ 2

เที่ยวมัลดีฟส์
เที่ยวมัลดีฟส์กันค่ะ

เรามาต่อจากคราวที่แล้วกันค่ะพี่เพ็ญจะเล่าอะไรให้เราฟังต่อเชิญได้เลยค่ะพี่!!!

ส่วนถ้าใครไม่อยากแดนซ์ก็ออกมานั่งชิลล์รับลมตรงชายหาด ซึ่งเค้าจะมีการจัดที่นั่งเหมือนเป็นเปลตาข่ายยื่นลงไปในทะเล ให้นั่งมองจันทร์ชมดาวกันตามอารมณ์โรแมนติก พอมองลงไปใต้เปลนั้นก็จะได้อารมณ์ตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะจะเห็น Baby Shark หรือลูกปลาฉลามว่ายวนไปวนมาอยู่บริเวณไกล้ๆ (ไม่ได้มาว่ายรอกินเรานะ เพราะเค้าไม่กัดคนหรอกค่ะถ้าเราไม่ไปทำอะไรมันก่อนนะ...)

เช้าวันใหม่อันแสนจะสดใสที่มัลดีฟส์
พี่เพ็ญเล่าว่าตื่นเช้าขึ้นมาในมัลดีฟส์ช่างสดชื่นอะไรเช่นนี้เหมือนตื่นขึ้นมาในแดนสวรรค์ (... ถึงตอนนี้คนฟังชักจะอิจฉาจนทนไม่ไหว ตั้งมั่นว่าจะต้องเก็บออมเพื่อไปเที่ยวมัลดีฟส์บ้างให้ได้) แถมยังรู้สึกว่ามีอะไรน่าตื่นเต้นรออยู่อีกเพียบ ตอนเช้าทุกเช้าที่รีสอร์ทจะมีการจัด Aqua Gym หรือการบริหารร่างกายในน้ำ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแขกที่มาพักทั้งหลาย

เที่ยวมัลดีฟส์
แพคเกจมัลดีฟส์


บริหารร่างกายกันเสร็จก็เตรียมพร้อมที่จะออกเรือไปผจญภัยเพื่อพบปะกับชุมชนโลกใต้น้ำที่ไปในแพคเกจมัลดีฟส์กัน แต่ว่าก่อนจะออกไปร่างกายก็ต้องพร้อมนะคะ โดยทุกคนที่จะออกเรือไปจะต้องผ่านการทดสอบว่ายน้ำกันก่อน ให้ว่ายไปกลับประมาณ 50 เมตร ผ่านก็เป็นอันใช้ได้ กระโดดขึ้นเรือกันได้เลย :P

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ

เที่ยวแพคเกจมัลดีฟส์ บันทึกการเดินทาง .. โดยพี่เพ็ญ

เที่ยวมัลดีฟส์
แพคเกจมัลดีฟส์กับwonderfulpackage


บันทึกนักเดินทาง เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)
ครั้งหนึ่งในหน้าร้อนพี่เพ็ญได้มีโอกาสไปสัมผัสมัลดีฟส์กับคณะแฟนคลับ เป๊ก ออฟ ไอซ์ และทีมงาน ที่คลับเมด คานิ ช่วงเวลา 4 วัน 3 คืน ที่เกาะมัลดีฟส์ทำให้พี่เพ็ญถึงกับตกหลุมรัก..กับท้องทะเล ท้องฟ้าใส และโลกใต้น้ำที่นั่นซะแล้วสิ :P

ClubMed Kani Resort หลีกหนีความวุ่นวายในกรุงเทพ ไปยังเกาะสวรรค์ที่มัลดีฟส์
พี่เพ็ญเดินทางไปถึงมัลดีฟส์ตอนกลางคืน ประมาณทุ่มครึ่ง เครื่องบินแล่นลงจอดที่สนามบินมาเล่ แห่งมัลดีฟส์ซึ่งเป็นสนามบินเล็กๆ ให้ความรู้สึกคล้ายๆสนามบินที่ภูเก็ต ใจเธอเต้นตึกตักเพราะได้มาถึงยังมัลดีฟส์เกาะในฝันซะทีหลังจากอยู่บนเครื่องประมาณ 6 ชั่วโมง พอก้าวเดินออกมาผ่าน ต.ม. แล้วเธอก็เจอเคาน์เตอร์ของรีสอร์ทต่างๆ เรียงรายอยู่ตรงหน้า พร้อมให้นักท่องเที่ยวเช็คอินได้อย่างสะดวก ไปถึงเจ้าหน้าที่ต้อนรับของคลับเมดที่สามารถพูดภาษาไทยได้ ก็มารับหมู่คณะด้วยรอยยิ้ม แล้วก็พาไปลงเรือ Speed boat ที่ท่าเรือใกล้สนามบิน เรือสามารถจุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 40 คนถือว่าใหญ่พอสมควรทีเดียว ถึงแม้ว่าการเดินทางทางเรือในตอนกลางคืนหลายคนอาจจะคิดว่าน่ากลัว แต่พี่เพ็ญบอกว่า “ไม่เลยค่ะ สบายๆ…”แม้ข้างนอกจะมืดมองไม่เห็นอะไร แต่พนักงานก็ทำ
ให้รู้สึกว่าไม่น่ากลัว (ความจริงเพราะไปกันอยู่หลายคนบนเรือ .. 555)


เที่ยวมัลดีฟส์
มัลดีฟส์น้ำทะเลเขียวใส

นั่งเรือไปประมาณ 30 นาที ก็ไปถึงยังรีสอร์ท ตอนนั้นเวลาก็ประมาณสองทุ่มกว่า ก้าวเท้าลงไปก็มีพนักงานออกมาต้อนรับ ร้องเพลง จับมือเช็คแฮนด์ประดุจเราเป็นแขกคนสำคัญของประเทศ บรรยากาศช่างดูคึกคัก ถึงแม้จะค่ำแล้ว ... อ๋อเพราะว่าที่รีสอร์ททุกเย็นจะมี Theme party เช่นคืนที่พี่เพ็ญไปถึงก็จะเป็นTheme สีขาวทั้งหมด พนักงานทุกคนเลยพร้อมใจกันใส่สีขาวออกมาต้อนรับ พนักงานพาคณะเดินทางออกไปยังห้องพัก โดยห้องพักของคลับเมด จะมี 3 ลักษณะคือ บ้านกลางน้ำ หรือ Lagoon และ บ้านริมชายหาด และห้องพักบนตึก ซึ่งราคาจะแตกต่างกันออกไป ห้องแบบ Lagoon จะหรูสุดและแพงสุด เหมาะกับคู่ฮันนีมูน (ห้อง Lagoon เค้าจะไม่ให้เด็กต่ำกว่า 14 พักนะคะ 

เพราะกลัวน้องหนูจะลงไปว่ายน้ำตามเจ้าเต่าทะเลไปวังบาดาล ถ้าคุณพ่อคุณแม่ดูแลไม่ทั่วถึง) แต่พักบน Beach หรือห้องในตึกก็บรรยากาศดีเหมือนกัน พี่เพ็ญพักอยู่ในห้องแบบ Superior บนตึกค่ะ พอไปเก็บข้าวของที่ห้องพักเรียบร้อย ก็ออกมาทานอาหารเย็น ซึ่งเป็นบุฟเฟต์นานาชาติให้ทานได้จุใจเลย แถมยังมีไวน์แดง ไวน์ขาว และแอลกอฮอล์ดริ๊งค์สาระพัดให้ไม่จำกัดอีกด้วย บุฟเฟต์ตรงนี้ทานได้ถึงประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากนั้นก็จะมีกิจกรรมที่โซนของบาร์ ซึ่งมีสองโซนคือ แคนูบาร์ (Canoe Bar) และ ซันเซ็ทบาร์ (Sunset Bar) ซึ่งสามารถเข้าไปร่วมกิจกรรม Drink & Dance ในบรรยากาศสบายๆได้อย่างเต็มที่กับแพคเกจมัลดีฟส์สุดคุ้ม

กิน เที่ยวฮ่องกง กับ Wonderfulpackage ตอนสุดท้าย

กิน เที่ยวฮ่องกง กับ Wonderfulpackage ตอนสุดท้าย

ทัวร์ฮ่องกง
ลูกชิ้นฮ่องกง

รุ่งเช้าครับ รถนัดเรามารับตอน ตี 4 เพราะว่าเครื่องออกตอน 08.00 น. ก็เลยต้องตื่นกันเช้าหน่อยพอรถมารับครับ ก็เห็นคนอื่น ๆ นั่งมาด้วยแสดงว่าไปรับมาจากที่อื่นแล้วเหมือนกัน แต่ละคนหลับกันสนิทเลยครับ และแล้วรถก็มาส่งเราที่สนามบินครับ ได้กลับบ้านแล้วครับงานนี้ ผมไม่พูดอะไรอ่ะครับ ไปดูบอร์ดก่อนเลยครับว่าเค้าเปิดเช็คอินที่เคาน์เตอร์ไหน พอรู้แล้วว่าเป็นโลว G ก็รีบไปเลยครับ และเมื่อเช็คอินเสร็จแล้วก็เข้า Gate ของทัวร์ฮ่องกงเลยครับ ไปเตรียมตัวอยู่ในนั่นดีกว่าครับ จะได้ไม่ตกเครื่อง ก็เช่นเดิมครับ นั่นรถไฟไปที่ Gate ครับ คงเป็นเพราะว่าตอนเช้าด้วยอ่ะครับ คนก็เลยยังน้อย ๆ อยู่ พอมาถึงก็เห็นแล้วครับ เครื่องมาจอดรอเราอยู่ ได้กลับบ้านแล้วครับ ดีใจจัง

พอได้ขึ้นเครื่อง ก็ได้พบกับลูกเรือคนไทยที่เราคุ้นเคย นั่งไปได้สักพัก ก็เริ่มแล้วครับ บริการอาหารและเครื่องดื่ม ตามสไตล์ของ โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ ส่วนขากลับนี้มือเช้าก็จะเป็นอาหารเบา ๆ ครับ เชิญเที่ยวฮ่องกงเป็นแซนวิชทูน่า และก็สลัดผัก อร่อยดีครับ แล้วก็น้ำส้ม กาแฟร้อน ถือว่าทำให้อยู่ท้องไปได้หน่อย เมื่อทานเสร็จแล้ว ก็เริ่มลงมือนอนแล้วครับ มาตื่นอีกทีก็ถึงไทยแล้วอ่ะครับ ลงเครื่องผ่านด่านต.ม. ก็รับกระเป๋า อย่างที่เคย ๆ แล้วก็ออกมาด้านนอกครับ กลับบ้านไปนอนหลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีก็เย็นกันเลยทีเดียว อิอิอิ สรุปนะครับ การไปเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ในคราวนี้ขอผม ถือว่าได้เป็นการเปิดโลกอันแคบของผม ให้กว้างขึ้น ได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเอง และทำให้เราได้รู้ว่าเพื่อนบ้านยังมีอะไรอีกเยอะให้เราได้ศึกษา ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะหาที่อื่นไปอีก อย่างน้อยเราก็นำความรู้ที่ได้มาจากการเที่ยวครั้งนี้มาใช้ประโยชน์กับกับทำงานของเราได้อ่ะครับ

กิน เที่ยวฮ่องกง กับ Wonderfulpackage ตอน10.1

กิน เที่ยวฮ่องกง กับ Wonderfulpackage ตอน10.1

ทัวร์ฮ่องกง
ฮ่องกงกลางคืน

หาอะไรเติมลงท้องได้แล้วก็เริ่มแล้วครับ ตะลุยราตรีอีกรอบ เป็นรอบเก็บตกครับ ก็เลยเอาวิถีชีวิตของคนฮ่องกงมาฝากครับ เกี่ยวกับการขึ้นรถเมล์ของคนที่นี่ครับ ที่นี่นะครับ การขึ้นรถเมล์ รถจะจอดตรงป้ายของเค้าเท่านั้น ป้ายไหนก็ป้ายนั้น ไม่มีการจอดผิดป้าย อย่างเช่น ถ้าเราจะไปสาย A21 เราก็ต้องไปยืนตรงป้ายที่เขียนว่า A21 และถ้ารถเมล์มาเห็นมามีคนรอที่ป้าย รถก็จะเข้ามาจอด แต่ถ้าเรายืนผิดป้าย ต่อให้เราโปกให้ตาย เค้าก็ไม่จอดให้ครับ และถ้าเรามองขึ้นไปบนตึกระหว่างทางที่เราเดินผ่านย่านนาธานนะครับ เราก็จะเป็นบ้านเรือนของผู้คนชอบเดินทางไปทัวร์ฮ่องกงเค้าครับ จะตากผ้าตากผ่อนกัน เห็นแล้วก็แปลกตาดี เพราะว่าถ้าเราไม่สังเกต มัวแต่มองมุมธรรมดา เราก็จะเห็นแต่สิ่งส่วยงามครับ อิอิอิ เดินไปหน่อยครับ ตรงถนน Temple St เราก็จะพบกับดงหมอดูครับ ตั้งกันเป็นเต็นท์เลยครับ เป็นถนนทั้งสายเลยครับเห็นแล้วก็แปลกตา ไปอีกแบบ ได้ครั้นเราจะเข้าไปนั่งดูก็กระไรอยู่ เพราะไม่รู้เค้าจะดูให้เราเป็นภาษาอะไร อิอิอิ เลยเดินผ่าน และก็ได้แค่ถ่ายรูปดีกว่า ชักเริ่มง่วงแล้วครับ เหนี่อยด้วย พรุ่งนี้กลับแล้ว งั้นเอาเป็นว่า ผมคุ้มกับการมาเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้แล้วครับ ผมขอตัวกลับไปนอนก่อนดีกว่า.....

กิน เที่ยวฮ่องกง กับ Wonderfulpackage ตอน9

กิน เที่ยวฮ่องกง กับ Wonderfulpackage ตอน9

เที่ยวฮ่องกง
ภาพที่เมืองจีนคล้ายๆกับฮ่องกง

เมื่อเสร็จจากเซ่นนาโดว์สแควร์แล้วก็ขึ้น TAXI มาที่วัดอาม่าครับ ยังไงต้องมาที่วัดนี้ให้ได้ครับ เพราะถือว่าวัดนี้เป็นวัดประจำมาเก๊า ที่ใคร ๆ มาแล้วก็ว่าไหว้อาม่าที่วัดนี้ ก็เหมือนเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของมาเก๊ากันเลยครับ เยี่ยมชมกันได้สักพักก็ต้องขึ้น TAXI กลับไปที่ท่าเรืออ่ะครับ เพราะอะไรเหรอครับ เรามีนัดไปต่อกันที่เวเนเชียนไงครับ
พอมาถึงที่ท่าเรือก็เดินมาขึ้นรถฟรีกันอีกแล้ว เพราะว่าทางเวเนเชียนก็ใจดีครับ มีรถโค๊ชปรับอากาศคันใหญ่ ๆ มารับเราให้เข้าไปเยียมชม กันแบบไม่เสียตังค์ พอมาถึงที่เวเนเชียน ถือว่าคุ้มครับ เพราะว่าถ้ามาถึงมาเก๊า หัวเด็ด อะไรขาดยังไง ก็ต้องมาที่นี่ให้ได้ครับ ทั้งยิ่งใหญ่ ทั้งสวยงาม พูดไม่ถูกครับ ต้องมาได้สัมพัสด้วยตัวเองครับ แต่ยังไงเราก็ต้องทำเวลาครับ เพราะว่าเรือที่เราจะกลับเที่ยวสุดท้ายหมดตอน 18.30 น. ครับ จึงไม่ค่อยได้พูดอะไรมากครับ เดิน ๆ ถ่าย ๆ รูป กันอย่างเดียว เก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด เสร็จแล้วก็มาขึ้นรถโค๊ชกลับที่ไปท่าเรือครับ

เมื่อมาถึงที่ท่าเรือก็ขึ้นมาที่ชั้น 2 ครับมาซื้อตั๋วของบริษัท Turbo Jet ครับ มีแต่คนบอกว่าเรือบริษัทนี้ดีนักดีหนา ก็เลยอยากลองขึ้นดูครับ เมื่อซื้อตั๋วเช็คอินแล้วก็ผ่านด่านอะไรได้เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาขึ้นเรือครับ เนื่องจากเราไปใกล้เวลาเรือออก เราเลยไม่ต้องรอนาน พอขึ้นไปนั่งบนเรือ ลักษณ์ก็คล้าย ๆ เรือที่เมื่อเช้ามาเลยครับ แต่เวลาที่นั่งนั้น ใช้เวลาสั้นกว่าเมื่อเช้าประมาณ 15 นาที่ เพราะว่าเมื่อเช้าเรามา เราใช้เวลาไป 45 นาที แต่ขากลับ เราใช้เวลาไป 30 นาทีเองครับ ก็ถือว่าเร็วกว่า แต่ถ้าถามว่าเรือและบริการดีไหม ก็เหมือน ๆ กันนะครับ และเมื่อมาถึงที่เที่ยวฮ่องกง เรือก็จะมาจอดที่ห้าง Shun Tak Center ครับ แต่กว่าจะออกจากด่านที่นี่ได้ก็เล่นเอาจะอ้วกเหมือนกัน เพราะว่าต้องขึ้นไปชั้น 4 ก่อนแล้วค่อยลงมาใต้ดิน และกว่าจะเดินไปถึง MTR ก็เล่นเอามึนเหมือนกันครับ ประกอบกับดึกแล้วด้วยครับ หิวก็หิว เมาเรือก็นิดหน่อย เดินเนี่ยเรียกว่าขาจะพันกันเลยทีเดียว และเมื่อมาถึงที่ทัวร์ฮ่องกง เรือก็จะมาจอดที่ห้าง Shun Tak Center ครับ แต่กว่าจะออกจากด่านที่นี่ได้ก็เล่นเอาจะอ้วกเหมือนกัน เพราะว่าต้องขึ้นไปชั้น 4 ก่อนแล้วค่อยลงมาใต้ดิน และกว่าจะเดินไปถึง MTR ก็เล่นเอามึนเหมือนกันครับ ประกอบกับดึกแล้วด้วยครับ หิวก็หิว เมาเรือก็นิดหน่อย เดินเนี่ยเรียกว่าขาจะพันกันเลยทีเดียว