โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

เมืองหลวงเดิมของญี่ปุ่น-คามาคุระ

เมืองหลวงเดิมของญี่ปุ่น-คามาคุระ

คามาคุระ

ถึงแม้ว่าสถานีรถไฟใหญ่ของเมืองจะเป็นสถานีคามาคุระ (Kamakura) แต่เราควรจะเริ่มต้นที่สถานี Kita-Kamakura (Kita แปลว่าทิศเหนือ) เพราะสถานที่ท่องเที่ยวจะเริ่มมาจากสถานีนี้ จากนั้นจึงไปเที่ยวต่อบริเวณใกล้ๆสถานีรถไฟฮาเสะ (Hase Station) ด้วยรถไฟสาย Enoden Line หรือรถบัส จะได้ไม่ต้องย้อนกลับไปมา

ญี่ปุ่น


คามาคุระเป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรราวๆสองแสนคน แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีวัดไม่ต่ำกว่า 65 แห่ง ศาลเจ้าอีก 19 แห่ง เพราะสมัยก่อนนั้นเมืองคามาคุระเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นมาก่อนถึง 141 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 1735 ช่วงนั้นพุทธศาสนากำลังเจริญรุ่งเรืองมากโดยมีท่านโชกุนมินาโมโตะ โน โยริโมโต้ ซึ่งเป็นผู้สถาปนาคามาคุระขึ้นเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่

เที่ยวญี่ปุ่น


คามาคุระถูกรุกรานจากมองโกเลียช่วงราชวงศ์หยวนถึง 2 ครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไปทุกครั้งจากภัยธรรมชาติใต้ฝุ่น ละเรื่องนี้เองก็ได้เล่าขานกันต่อมาจนถึงปัจจุบันว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระใหญ่ที่ช่วยปกป้องรักษาเมืองแห่งนี้เอาไว้นั่นเอง....




ขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวและทัวร์ญี่ปุ่นจาก Wonderfulpackage.com
ติดตามเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage

ขึ้นรถไฟญี่ปุ่นใครว่ายาก

ขึ้นรถไฟญี่ปุ่นใครว่ายาก


   หลายคนคงอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นซักครั้งในชีวิตกันใช่มั้ยคะ แต่ถ้าไปกับทัวร์ญี่ปุ่นเองก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครที่อยากไปผจญภัยด้วยตัวเอง แค่พูดฟังภาษาอังกฤษก็ยังดำน้ำ แล้วจะไปพูดไปฟัง หรือไปอ่านภาษาญี่ปุ่นเนี่ยนะ ตายดีกว่าาาา หยุดก่อนค่ะ ของให้หยุดความคิดเหล่านั้นไว้เลย วันนี้เรามีเทคนิคเล็กๆน้อยในการขึ้นรถไฟญี่ปุ่นกันค่ะ รับรองพออ่านบทความนี้จบแล้วไม่กลัวหลงอีกต่อไป

สิ่งแรกสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราหลังจากที่ลงเครื่องบินมาแล้วนั้นก็คงต้องอยากขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายที่ต้องการกันใช่ไหมคะ แต่เราไม่สามารถอ่านภาษาญี่ปุ่นออกเลยนะ? จะทำยังไงดี? ข้อแนะนำในการดูป้ายสัญลักษณ์ต่างๆของรถไฟชินคันเซ็น โดยหลักๆแล้วจะมีทั้งหมด 3 ป้ายดังนี้

1.ป้ายขบวน Nozomi


ป้ายนี้เป็นป้ายที่ติดอยู่ข้างขบวนรถไฟค่ะ เป็นป้ายสีเหลือง เริ่มต้นที่สถานี Nozomi ปลายทางอยู่ที่ Shin-Osaka ค่ะ

2.ป้ายขบวน Hiraki - Okayama


ป้ายนี้เป็นป้ายสีแดง ซึ่งเริ่มที่สถานี Hikari ปลายทางที่ Okayama

3.ป้ายขบวน Kodama - Nagoya


ป้ายสุดท้ายเป็นสีฟ้าหรือ/น้ำเงิน สถานีเริ่มที่ Kodama และปลายทางสิ้นสุดที่ Nagoya ค่ะ

นอกจากป้ายที่อยู่ข้างขบวนรถไฟแล้วยังมีอีกป้ายที่เป็นจุดสังเกตุเห็นได้ง่ายเหมือนกันค่ะ นั่นคือ ป้ายแขวนบอกเวลาเดินรถไฟค่ะ โดยเ้จาป้ายนี้จะบอกว่า ขบวนรถไหนกำลังจะมา จะมาถึงกี่โมง ปลายทางต่อไปจะไปไหนค่ะ


ถ้ายังไม่แน่ใจยังมีป้ายอยู่ตรงพื้นบอกอีกด้วยค่ะ โดยตรงพื้นนั้นจะบอกว่าถ้าเรายืนรอตรงจุดนี้จะตรงกับขบวนอะไร ตู้ที่เท่าไหร่ (ละเอียดมากค่ะ) ......คราวนี้เพื่อนๆที่อยากจะลองขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นเองนั้นคงอุ่นใจขึ้นเยอะเลยใช่ไหมคะ ไว้คราวหน้ามีเรื่องเล่าอะไรแปลกๆสนุกๆนำมาฝากกันอีก คอยติดตามกันด้วยนะคะ ซาโยนาระ!!!


ขอขอบคุณเรื่องเล่าและข้อมูลดีๆจาก Wonderfulpackage.com
สามารถติดตามแฟนเพจได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage & twitter.com/wonderfulweb

ท่องเที่ยวญี่ปุ่นชิมราเมนต้นตำหรับ

ท่องเที่ยวญี่ปุ่นชิมราเมนต้นตำหรับ

เที่ยวญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะเพื่อนๆในคราวที่แล้วเราก็ได้รู้จักกับพิพิธภัณฑ์ราเมนแสนอร่อยที่เมืองโยโกฮาม่าประเทศญี่ปุ่น (Shin Yokohama Ramen Museum) ซึ่งทางเราก็มีโอกาศได้ไปทัวร์ญี่ปุ่นขอพยายามที่จะหาเรื่องราวสนุกๆแปลกใหม่ตอนที่ได้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาฝากกันค่ะ ในวันนี้จะเล่าถึงประวัติของราเมนกันสักเล็กน้อย เพื่อเวลาท่านได้ไปรับประทานจะได้เข้าใจและอิ่มอร่อยได้ยิ่งขึ้้นค่ะ

"ราเมน" หรือ "ราเม็ง" (Raumen,Ramen) มีความหมายว่าเส้นบะหมี่ที่นำมาต้มแล้วใส่น้ำแกงลงไป มีการตั้งข้อสันนิฐานกันว่าราเมนนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน และก็ได้แพร่หลายในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จนคิดได้ว่าเป็นราเมนสูตรเฉพาะของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อด้วยความอร่อยและความพิถีพิถันในการทำอย่างมาก จึงไม่แปลกเลยที่จะกลายมาเป็นอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างนึงของญี่ปุ่นค่ะ 

ทัวร์ญี่ปุ่น

ปัจจุบันนั้นมีราเมนที่เป็นแบบกึ่งสำเร็จรูปเหมือนกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไป มีขายทั้งเครื่องหยอดเหรียญ และตามร้านสะดวกซื้อมากมายค่ะ

*การเดินทางไปยังพิพธภัณฑ์ราเมน (Shin Yokohama Ramen Museum) สามารถเดินทางได้ดังนี้
- จากสถานี Shin Yokohama เดินขึ้นมาจากสถานีประมาณ 5 นาทีก็จะพบพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 300 เยน
- เด็ก 100 เยน
เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00น. - 23.00 น. (กรุณาเข้าก่อน 22.00น.)



ขอขอบคุณข้อมูลทัวร์ญี่ปุ่นและสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นจาก wonderfulpackage.com ค่ะ

ชิมราเมนแสนอร่อยที่ yokohama raumen museum

ชิมราเมนแสนอร่อยที่ yokohama raumen museum


     ถ้านั่งรถไฟจากสถานีชิน โยโกฮามา (Shin Yokohama) เดินตรงขึ้นไปทางเหนือไม่ไกลนักก็จะเห็นพิพิธภัณฑ์ราเมน (Shin Yokohama Ramen Museum) ซึ่งจัดแสดงถึงความเป็นมาของราเมนแสนอร่อย เมนูยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่น แต่รู้หรือไม่ว่าราเมนจริงๆนั้นมีต้นกำเนิดมาจากบะหมี่ของประเทศจีนนะ


     เมื่อเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ราเมน(ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย) บอกได้เลยว่าไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์ที่เราเคยเห็นๆกันมาก่อนแน่ๆ เพราะส่วนแรกที่ได้เห็นคือร้านขายของฝากซึ่งมีราเมนสำเร็จรูปรวมอยู่ด้วยหลายชนิด รวมทั้งถ้วยชามที่ไว้สำหรับใส่ราเมนอีกด้วย

     และถ้าเราเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน ก็จะพบร้านขายราเมนอยู่เต็มไปหมด มีการตกแต่งทั้งหน้าร้านและภายในให้เป็นบรรยากาศย้อนยุคราวๆปี พ.ศ. 2500 ให้ได้เลือกสั่งราเมนอร่อยๆทาน ทั้งจากตู้อัตโนมัติ ซึ่งแต่ละตู้ก็จะมีราคา และราเมนหลายแบบให้เลือกกัน หรือจะกินในร้านก็มีบริการ แต่จะต้องต่อแถวยาวเหยียดรอคิว(ต้องแลกคูปองก่อนต่อแถวนะคะ) ถึงจะมีอยู่หลายร้านก็เถอะ แต่คนก็แน่นเต็มทุกร้านเลย


     แต่ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหน เมื่อได้ชิมราเมนร้อนๆแสนอร่อยแล้วจะต้องลืมเมื่อยกันไปเลยค่ะ เพราะที่นี่จะเป็นราเมนในสูตรต้นตำหรับของแท้เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ได้ชิมถึงรสชาติดั้งเดิมที่มีมานาน หลังจากที่อิ่มอร่อยกับราเมนแล้ว ร้านข้างๆก็มีสินค้าพวกย้อนยุคมากมาย เช่นชนม ของฝากน่ารักๆอยู่หลายร้านค่ะ แล้วเมื่อเราขึ้นบันไดไปก็จะเห็นส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของราเมน ทั้งวัสดุที่ใช้ทำ เครื่องมือในการผลิตเส้นราเมนเป็นต้นฯ 


*ข้อแนะนำนะคะ หากท่าใดที่มาพิพิธภัณฑ์ราเมนที่โยโกฮาม่าแล้วก็อย่าเพิ่งรีบเข้ามาทานราเมนก่อนนะคะ เพราะที่นี่มีร้านราเมนอยู่ถึง 8 ร้านให้ได้เลือกชิมกันเลยทีเดียว ให้ลองหยิบเอกสารที่เค้าแจกด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าร้านไหนมีราเมนแบบไหนขายอยู่บ้าง...


ไว้คราวหน้าจะพาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ใดนั้นคอยติดตามชมกันนะคะ




ขอขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่นดีๆจาก Wonderfulpackage.com

ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ twitter.com/wonderfulweb

งานกวางเจาเทรดแฟร์ 2014 มีอะไรบ้าง

งานกวางเจาเทรดแฟร์ 2014 มีอะไรบ้าง

กวางเจาแฟร์

กวางเจาแฟร์ หรือกวางเจาเทรดแฟร์ เป็นเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง เป็นงานใหญ่ที่สุดในเอเซียเลยก็ว่าได้ เป็นงานแสดงสินค้า อุตสาหกรรมต่างๆมากมาย เหมือนกับผู้ประกอบการพบปะลูกค้าประมาณนั้น เป็นงานที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก งานกวางเจาเทรดแฟร์นั้นเปิดมานานแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ.2500 จนมาถึงปัจจุบัน โดยการจัดแสดงสินค้านั้น จะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 เฟส ซึ่งในแต่ละเฟสก็จะสลับสับเปลี่ยนกันไป 

เฟส 1 จะเป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เฟส 2 สินค้าอุปโภค บริโภค ของตกแต่งบ้าน
เฟส 3 ผ้า วัสดุงานตกแต่ง

ในปัจจุบัน งานแสดงสินค้ากวางเจาแฟร์นี้มีพื้นที่ใช้จัดแสดงประมาณ 576,000 ตาราเมตร มีผู้เข้าชมงานประมาณ 30,000 คนต่อวัน หรือ 200,000 คนทั้งงาน มีสินค้ามาก รวมไว้ถึง 100 หมวดหมู่เลยทีเดียว

โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า

โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า

ญี่ปุ่น

โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซะกะ จังหวัดโอซะกะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเทมมาบาชิ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน (เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงหนึ่งสัปดาห์)
ข้อมูลน่ารู้ : เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาในโรงกษาปณ์ เพื่อชื่นชมความงามของดอกซากุระตามทางเดินริมน้ำ ที่มีชื่อว่า "ซากุระโนะโทโอรินุเคะ" ได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีเท่านั้น จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาถึงปีละล้านกว่าคน ที่พลาดไม่ได้คือ การเดินผ่านถนนที่มีดอกซากุระปกคลุมอยู่ด้านบนเต็มไปหมด คล้ายกับกำลังเดินผ่านอุโมงค์ดอกซากุระ ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างงดงาม ท่านสามารถเข้าชมได้จนถึงเวลา 3 ทุ่ม ทัวร์ญี่ปุ่น

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

ญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางง่ายๆจากกรุงโตเกียวไปยังโยโกฮาม่า มีหลากหลายเส้นทางแต่ในวันนี้จะขอแนะนำวิธีที่สะดวกที่สุดอีกหนึ่งเส้นทางดังนี้
1.จากสถานีโตเกียว ให้นั่งJR Keihin-Tohoku Line หรือ JR Yokosuka Line มาถึงสถานีโยโกฮาม่าโดยใช้เวลาประมาณ 25-40 นาทีค่าโดยสาร 450 เยน ให้เลือกนั่งขบวน Rapid หรือ Limited Express ค่ะ ซึ่งจะมีรถออกทุกๆ 5-10 นาที
2.จากสถานีชินจูกุ นั่งJR Shonan Shinjuku Line ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 540 เยน มีรถออกทุก 20-30 นาที
3.จากสถานีชิบูย่า นั่ง Tokyo Toyoko Line/Minato Line ถึงสถานีโยโกฮาม่าใช้เวลา 25-40 นาที ค่าโดยสาร 260 เยนรถออกทุก 10 นาที
4.จากสถานีโตเกียวนั่ง JR Tokaido Shinkansen ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลาประมาณ20นาที มีรถออกทุกๆ 20-40 นาที
5.จากสถานี Shin-Yokohama สามารถเดินทางไปยังสถานีโยโกฮาม่าได้โดยนั่ง Yokohama Subway ใช้เวลาประมาณ 12 นาที

ขอบคุณข้อมูลจาก facebook.com/wonderfulfanpage

ปราสาทปราสาทฮิเมหยิฮิเมหยิ ญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมหยิ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ปราสาท ฮิเมหยิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิเมหยิ จังหวัดเฮียวโงะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR ฮิเมจิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : วัด "โฮริวหยิ" ที่นาระและปราสาท "ฮิเมจิ" แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1993 ภายในตัวปราสาทนอกจากจะมีทรัพย์สมบัติของชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าเก็บรักษาอยู่แล้ว ยังมีตำนานและเรื่องเล่าหลงเหลืออยู่อีกมากมาย ปราสาท "ฮิเมหยิ" ถูกขนานนามว่า เป็นปราสาทมีความงดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดงานชมซากุระ มีการบรรเลงเครื่องดนตรีโกโตะ (จะเข้ญี่ปุ่น) และกลองไทโคะด้วย
ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น


สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองมะทจึยะมะ จังหวัดเอฮิเมะ
การเดินทาง : ลงรถไฟสาย อิโยะเท็ตสึโด ที่สถานีไคโคโต แล้วต่อรถกระเช้าขึ้นไปอีก 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : นอกจากจังหวัดเอฮิเมะจะเป็นที่รู้จักในเรื่อง บ่อน้ำพุร้อน "โดโงะ" แล้ว ดอกซากุระของปราสาท "มะทจึยะมะ" มีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามด้วย ในงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของมะทจึยะมะนอกจากท่านจะได้ชมดอกซากุระแล้ว ยังจะได้ชมการจำลองจัดขบวนทัพของเหล่านักรบ ที่มีชื่อว่า "ไดเมียวเกียวเร็ตทจึ" และการแข่งขันเล่น "ยาคิวเค็ง" ระดับประเทศด้วย ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทจึยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาท "ทจึยะมะ" ปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของญี่ปุ่นในแต่ละปีเมื่อถึงฤดู ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

สะพานคินไตเคียว ญี่ปุ่น

สะพานคินไตเคียว ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

สะพานคินไตเคียว
ที่ตั้ง : เมืองอิวะคุนิ จังหวัดยะมะงุจิ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิวาคุนิ หรือสถานีรถไฟ JR ชินอิวาคุนิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สะพาน "คินไตเคียว" เป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่างจากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อย่างเข้าเดือนเมษายนบริเวณรอบๆสะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพาน "คินไตเคียว" จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงฤดูชมดอกซากุระยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟด้วย กิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับที่นี่คือ การล่องเรือชมสะพาน "คินไตเคียว" และดอกซากุระที่บานสะพรั่ง

ปราสาทคุมะโมโตะ ญี่ปุ่น

ปราสาทคุมะโมโตะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

บริเวณรอบๆปราสาทคุมะโมโตะ
ที่ตั้ง : เมืองคุมะโมโตะ จังหวัดคุมะโมโตะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจําทางจากสถานีรถไฟ JR คุมะโมโตะ 15 นาที ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ปราสาทคุมะโมโตะสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งใน สามปราสาทที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี หากท่านได้เดินชมตัวปราสาทที่ฉาบแสงไฟ และดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว ท่านจะได้ลิ้มรสกับความสุขที่ยากจะหา ใดเปรียบเชิญรับชมภาพของ "ปราสาทคุมะโมโตะ" ได้ทางเว็ปไซต์ ที่นี่

เที่ยวอิสระเดินทางเอง กับ เที่ยวไปกับกรุ๊ปทัวร์ อย่างไหนดีกว่ากัน

เที่ยวอิสระเดินทางเองกับเที่ยวไปกับทัวร์อย่างไหนดีกว่ากัน!

เที่ยวต่างประเทศ

หนูไม่เคยไปเที่ยวเองเลยอ่ะ ที่ผ่านมาก็ไปกับคุณพ่อ คุณแม่ ซึ่งท่านก็ซื้อทัวร์ไปทุ๊กทีเลย หนูเลยสงสัยว่า ถ้าหนูไปเที่ยวเอง จะมีข้อดี ข้อเสียกับการซื้อทัวร์ไปเป็นกรุปยังไงบ้างคะ…

ตอบ : แหม ถามมิกิ หัวหน้าทัวร์สาวสวย แบบเนี่ย มิกิ ก็ต้องบอกว่า ไปเที่ยวกะมิกิ ดีที่สุดค่า แต่ในฐานะที่มิกิ เคยทำทั้งสองแบบเลย มิกิคิดว่าอย่างนี้ ค่ะเที่ยวเอง อิสระ จะไปใหน ก็ได้ จะไม่ไปใหนก็ได้ แต่ก็ต้องวางแผนการเดินทางเอง และต้องดูแผนที่เป็นและไม่หลงทาง (เหอ เหอ ตามหัวหน้าทัวร์มิกิ ก็พาเดินผิดได้นะคะ ขอโทษด้วยค่า คุณลูกทัวร์ (รูปมิกิ น้ำตาไหล ) และต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเองให้ดีด้วยค่ะ เช่น ไม่ไปใหนตอนกลางคืน

ไปกับกรุปทัวร์ จะต้องเดินทางไปตามโปรแกรมทัวร์ และต้องร่วมเดินทางไปกับคนที่เราไม่รู้จัก (แต่จากประสบการณ์ของมิกิ เที่ยวด้วยกัน จากนั้นทุกคนก็เป็นเพื่อนกันค่ะ น่ารักกันมากๆ เลย) แต่ก็ไม่ต้องปวดหัวจัดการเรื่องต่างๆ เอง และที่สำคัญ ส่วนใหญ่แล้วการเดินทางกับกรุ๊ปทัวร์ จะประหยัดกว่า เพราะเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินในราคากรุ๊ป ซึ่งเป็นราคาพิเศษ และค่าที่พักในราคาพิเศษด้วยค่ะ

รับจัดกรุ๊ปทัวร์จีนเข้ามาเลย

คามาคุระ อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น

คามาคุระ อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

เมืองคามะคุระ หรือคามาคุระ ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีวัดวาอาราม ศาลเจ้าและประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมต้นตำหรับญี่ปุ่น จึงไม่แปลกใจนักถ้าเมืองแห่งนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายังที่นี่...

ฮาโกเน่ เปรียบเสมือนเมืองหน้าด่านสู่ภูเขาไฟฟูจิ อุดมไปด้วยแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติจากภูเขาไฟ จึงมีออนเซ็นตั้งอยู่ตามป่าเขามากมาย ทะเลสาปฮาโกเน่เป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเป็นที่ๆนักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปกัน และยังเป็นที่สำคัญของเมืองนี้ด้วย

ในปัจจุบันจังหวัดคานากาว่ามีประชากรมากเป็นอันดับ2 รองจากโตเกียว ทั้งสี่เมืองนี้ (โยโกฮาม่า,คาวาซากิ,คามาคุระ,ฮาโกเน่) สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวจากกรุงโตเกียวไป-กลับภายในวันเดียว (วันละเมือง) ถ้าไม่อยากพักที่โตเกียวแล้วหล่ะก็ ที่โยโกฮาม่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก www.wonderfulpackage.com
และ FB : facebook.com/wonderfulfanpage

เที่ยวพม่าไหว้พระพุทธไสยาสน์เชาตาจี

เที่ยวพม่าไหว้พระพุทธไสยาสน์เชาตาจี

พม่า


พระพุทธไสยาสน์เชาตาจี
พระพุทธไสยาสน์เชาตาจีแห่งเมืองย่างกุ้ง พระพุทธรูปองค์นี้ มีลักษณะพิเศษคือ ที่บริเวณพระบาทมีภาพวาดรูปสรรพสิ่ง อันล้วนเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วย ลายลักษณธรรมจักร ข้างละองค์ ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาท และล้อมด้วย รูปอัฏฐุตรสตกตมงคล 108 ประการ


ตลาดโป๊ะโยค หรือ “สก๊อตมาร์เก็ต” ซึ่งตลาดแห่งนี้ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากญาติมิตรได้นานาชนิดเป็นต้นว่า เครื่องเงิน, เครื่องเขิน, ไม้แกะสลักพระพุทธรูปเทวรูปที่ทำด้วยไม้จันทน์, เครื่องแกะสลัก, เครื่องลงรักปิดทองต่างๆ, ถ้วยชามกังไสจีนโบราณ, โคมไฟแก้ว และแจกันเจียระไนโบราณ, นาฬิกาข้อมือเก่า, ผ้าไหมลายต่างๆ ไปจนถึงบรรดาว่านต่างๆเช่น ว่านหงสาวดี ภาพ วาดสีน้ำมันรูปทิวทัศน์ของพม่า ฯลฯ หงสาวดี หรือ Bago


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก WonderfulPackage.com
และ facebook.com/wonderfulfanpage

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมและศูนย์กลางขนส่งทางทะเล

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมและศูนย์กลางขนส่งทางทะเล

ญี่ปุ่น

โยโกฮาม่านั้นมีเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งด้วยกันไม่ว่าจะเป็น มินาโตะมิไร แลนด์มาร์คทาวเวอร์ เรือนิปปอนมารุุ ชิงช้าสวรรค์คอสโม โยโกฮาม่าไชน่าทาวน์ พิพิธภัณฑ์ราเมน และอื่นๆอีกมากมาย 

เราคงเคยคุ้นกับเมืองโยโกฮาม่าในญี่ปุ่นกันเป็นอย่างดี มีคนไทยเข้าไปอยู่อาศัยและทำงานกันหลายหมื่นคน เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียว ในเขตจังหวัดคานากาว่า โดยมีเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่เรารู้จักกันอยู่ได้แก่ เมืองคาวาซากิ คามาคุระ และฮาโกเน่

โยโกฮาม่า เป็นเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เมืองศูนย์กลางการค้า อุตสาหกรรมแฟชั่นและการคมนาคมไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ

คาวาซากิ เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่รู้จักกันดีที่สุดก็คือโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Kawasaki และมีโรงงานผลิตรถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งทั่วประเทศญี่ปุ่นก็ถูกผลิตขึ้นที่เมืองแห่งนี้ด้วย ดังนั้นเราจึงมองเห็นปล่องควันจากโรงงานต่างๆหลายแห่งยาวตลอดเส้นทางที่เราจะไปเมืองโยโกฮาม่า



ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก WonderfulPackage.com
และ FB : facebook.com/wonderfulfanpage

สู่โลกแห่งจินตนาการฮ่องกงดิสนีย์แลนด์

สู่โลกแห่งจินตนาการฮ่องกงดิสนีย์แลนด์


ดิสนีย์แลนด์คงเป็นสวนสนุกในฝันของใครหลายๆคน ที่ให้ความสุขและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดกับผู้คนทุกเพศทุกวัยทุกเชื้อชาติ ถ้าเดินทางจากเมืองไทยดิสนีย์แลนด์ที่ใกล้และใหม่เอี่ยมที่สุดก็คงไม่พ้น ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ เพียง 3 ชั่วโมงโดยประมาณจากเมืองไทย เราก็สามารถไปปลดปล่อยเสียงกรี๊ด และเปลี่ยนบรรยากาศจากความซ้ำซากจำเจในชีวิตประจำวันไปพบกับโลกแห่งจินตนาการได้อย่างง่ายดาย สำหรับดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง บางคนที่เคยไปเยือนดิสนีย์แลนด์ที่อื่นมาแล้ว เช่นญี่ปุ่น หรือ อเมริกา อาจจะบอกว่าเป็นดิสนีย์แลนด์ที่แลดูจะกระทัดรัดกว่าที่อื่น แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่หลายๆคนที่ไปแล้วจะพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ การแสดงโชว์อันอลังการ และโอกาสไกล้ชิดตัวการ์ตูนดิสนีย์ทั้งหลาย ที่ออกมาต้อน
รับให้ถ่ายรูปกันอย่างเป็นกันเองและเข้าถึงได้มากกว่าที่อื่น มาลองดูกันซิคะว่าภายในดิสนีย์แลนด์ฮ่องกงจะมีอะไรบ้าง อย่าลืมจินตนาการตามนะว่าถ้าเราไปอยู่ในโลกแห่งจินตานการนั้นจริงๆจะมีความสุขแค่ไหน :)


เป็นจุดเริ่มต้นของถนนแห่งการเดินทางย้อนเวลาสู่ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ที่ถนนแกสลิทสตรีทอันแสนสวยของสหรัฐอเมริกา เราจะพบกับขบวนพาเหรดดิสนีย์ ชมเพื่อนชาวดีสนีย์ที่โปรดปรานอย่าง มิกกี้เมาส์, มินนี่, โดนัลดั๊ก และ กูฟฟี่ ที่มาร่วมเต้นระบำอย่างสนุกครื้นเครงกับวงดนตรีมาร์ชและเหล่านักเต้นที่เต็มไปด้วยความร่าเริงและเบิกบาน 

ระหว่างทางนั้น ก็จะมีร้านช้อปปิ้งอันเก๋ไก๋ให้ได้เลือกสรรของที่ระลึกและของฝากพิเศษๆซึ่งมีมากกว่า 4,000 รายการ นอกจากนั้น จะเป็นที่ตั้งของซิตี้ฮอล และทางรถไฟฮ่องกงดิสนีย์ที่จะพาคุณชมไปรอบๆบริเวณอย่างเพลิดเพลิน แล้วก็อย่าลืมถ่ายรูปกับยวดยานแสนเก๋สะดุดตาบนถนนเมนสตรีทไว้เป็นที่ระลึกหล่ะ


นึกภาพป่าแอฟริกันที่แสนลึกลับ ชวนสนเท่ห์ และน่าผจญภัย เข้าไปพบกับสิงห์โตเจ้าป่าไลออนคิงใน เฟสทิวัลออฟเดอะไลออนคิง (Festival of The Lion King) ซึ่งเป็นโชว์อันเร้าใจไปกับเสียงอันสดใสและมีชีวิตชีวากับการแสดงดนตรีสไตล์บอร์ดเวย์ ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนชิ้นเอกของดิสนีย์ “The Lion King” การแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้จะทำให้คุณหลุดเข้าสู่ห้วงของจินตนาการจนจะต้องร้องว๊าวในใจแน่นอนค่ะ (คนที่ไปชมมาแล้วเค้าบอกมาเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด!) นอกจากนั้นผจญภัยกันต่อโดยล่องแพตามลำน้ำเมืองร้อนที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะได้เห็นสัตว์ป่า ชาวป่าที่พุ่งหอกทวนเป็นอาวุธ และเกาะของเจ้าป่าทาซาน นอกจากนั้นอย่าลืม แวะบ้านต้นไม้ของทาซาน และเล่นน้ำคลายร้อนที่สวนน้ำลิกี้ทิกิสล่ะ ทัวร์ฮ่องกง

......................................................................

ดินแดนที่จะทำให้ทุกคนเคลิบเคลิ้มไปกับเทพนิยายอันแสนโรแมนติก ซึ่งทุกคนที่เข้ามาในดินแดนนี้จะอยู่อย่างมีความสุขตลอดไป (Happily Ever After) มีมิกกี้เม้าส์มาดึงท่านเข้าสู่โลกแห่งความสุขใน โชว์เดอะโกลเด้นมิกกี้ (The Golden Mickey) ซึ่งรวบรวมเอาการแสดงตระการตาจากการ์ตูนอมตะอย่าง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (Beauty and The Beast) ทอยสตอรี่ (Toy Story) และที่ขาดไม่ได้คือ มิกกี้เมาส์กับผองเพื่อน (Mickey and friends) ..หลังจากนั้นมิกกี้ก็จะสะกดมนต์ให้เคลิ้มไปใน มิกกี้ฟิลาเมจิก (Mickey’s Philharmagic) สวมแว่นสามมิติ แล้วสัมผัสกับภาพ เสียง และกลิ่นแห่งผลงานที่สร้างสรรค์ได้อย่างเกินจินตนาการ ซึ่งเหมือนจริงจนบางครั้งคุณอาจจะเอื้อมมือเข้าไปคว้าพยายามจับตัวเจ้าตัวการ์ตูนที่ลอยออกมาอยู่ใกล้ๆตัวคุณ ต่อจากนั้นผจญภัยอย่างน่ารักในดินแดนแห่งความฝันกับป่าหนึ่งร้อยเอเคอร์ ของเจ้าหมีวินนี่เดอะพูห์ ซึ่งจะทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง แล้วก็อย่าลืมเข้าไปในสวนมหัศจรรย์ บินไปกับช้างน้อยดัมโบ้ ขี่ม้าหมุนซินเดอเรลล่า หัวเราะร่าพร้อมกับหมุนติ้วไปกับถ้วยชาแมดเฮตเตอร์ และเข้าสำรวจถ้ำสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนะคะ เที่ยวฮ่องกง

......................................................................

กระโดดขึ้นยานอวกาศและทยานขึ้นสู่ฟากฟ้า สู่อนาคตที่โลกเราจะต้อนรับการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาว! ยานอวกาศสเปสเมาเทน (Space Mountain) เร่งความเร็วผ่านจักรวาลอันไกลโพ้นทะลุเข้าไปในห้วงจักรวาล ตื่นเต้นกับซาว์แอฟเฟคในห้วงอวกาศที่คุณไม่สามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ภาระกิจต่อไปคือต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวกับ บัซไลท์เยียร์วีรบุรุษจักรวาล ภารกิจนี้จะได้รับพร้อมปืนกระบอกคู่เพื่อกำจัดเจ้ามนุษย์ต่างดาวตัวร้าย ไชโย้! ไม่มีเจ้ามนุษย์ต่างดาวแล้ว โลกเราก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุขแล้วหล่ะ ... ฮิฮิ

สนุกเต็มอิ่มกับดินแดนทั้ง 4 เรียบร้อยแล้ว ก็คงถึงเวลาที่เราจะได้พักผ่อนได้แล้วหล่ะค่ะ ยังไม่อยากตื่นจากจินตนาการเลย จะทำยังไงดีน๊า... ว่าแล้วกิจกรรมแห่งความสุขต้องยังไม่หมดแค่นี้ นอกจากบริเวณสวนสนุกแล้ว ดิสนีย์ยังได้สร้างที่พักอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ให้ได้พักผ่อนกันต็มสูตรกับโลกแห่งจินตนาการ ที่จะทำให้แขกทุกคนเคลิบเคลิ้มทั้งเวลาหลับและเวลาตื่นตลอดระยะเวลาการพักผ่อนเลยทีเดียวค่ะ
.......................................................................
1) Hong Kong Disneyland Hotel เป็นรีสอร์ทหรูสไตล์วิคตอเรียน ตกแต่งอย่างหรูหราและสง่างาม
2) Disney Hollywood Hotel เป็นรีสอร์ทที่ตกแต่งในคอนเซพท์บรรยากาศปี 1930 และแบบอาร์ตเดโคที่เป็นเอกลักษณ์ รีสอร์ทนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นดาราฮอลีวูดตัวจริงทัวร์ฮ่องกง เที่ยวฮ่องกง
เอาหล่ะๆ ตอนนี้คงจะได้สร้างจินตนาการแห่งความสุขกันขึ้นมาแล้วสินะคะ เรามาปะติดปะต่อเรื่องราวการไปท่องโลกของดิสนีย์แลนด์ฮ่องกงกันดูดีมั๊ยคะ เผื่อจะได้เป็นแนวทางในการสร้างเรื่องราวของคุณและผู้ร่วมเดินทางในดีสนีย์แลนด์ให้เกิดขึ้นจริงอย่างมีความสุขกันค่ะ

หนึ่งวันกับความสุขที่ดิสนีย์แลนด์ (1 Day Pass)
ช่วงเช้าใน HongKong Disneyland
- เริ่มต้นดูแผนที่ และกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจของวัน ที่ซิตี้ฮอล
- เดินชมบรรยากาศและถ่ายรูปที่ถนนเมนสตรีท สหรัฐอเมริกา
- ชมการประกาศรางวัลดิสนีย์อวอร์ด ใน “เดอะโกลเดิ้นมิกกี้ (The Golden Mickey)”
- นั่งม้าหมุนซินเดอเรลล่า
- พบกับมิกกี้ยอดศิลปินในมิกกี้ฟิลาเมจิก

ช่วงบ่ายใน HongKong Disneyland
- รับประทานอาหารกลางวันที่รอยัลแบงเคว็ทฮอล กับอาหารอร่อยนานาชาติ
- ชมการแสดง เฟสติวัลออฟ เดอะไลออนคิง (Festival of The Lion King)
- ล่องเรือในลำน้ำป่า
- ตื่นตาตื่นใจกับขบวนพาเหรดดิสนีย์
- พักดื่มน้ำชาที่ริเวอร์วิวคาเฟ่
- ถ่ายภาพที่สวนมหัศจรรย์กับเพื่อนชาวดิสนีย์
- นั่งเรือเหาะไปกับสเปสเมาท์เทน 
- ช้อปของที่ระลึกบนถนนเมนสตรีท

ช่วงเย็นใน HongKong Disneyland
- ทานอาหารเย็นที่เมนสตรีทคอนเนอร์คาเฟ่
- เพลิดเพลินกับดอกไม้ไฟตระกาลตา “ดิสนีย์ในหมู่ดาว” (เวลาประมาณ 2 ทุ่มค่ะ)

สองวันกับความสุขที่ดิสนีย์แลนด์ (2 Days Pass)

วันแรก 
ช่วงเช้าใน HongKong Disneyland
- นำสัมภาระเข้าพักที่โรงแรมดิสนีย์ฮอลีวู๊ด
- รับประทานอาหารที่ ฮอลีวู๊ดแอนด์ไดน์ แล้วโดยสารรถบัสสู่สวนสนุก
- เริ่มต้นดูแผนที่ และกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจของวัน ที่ซิตี้ฮอล
- โดยสารรถไฟฮ่องกงดิสนีย์สู่ดินแดนมหัศจรรย์
- ชมการประกาศรางวัลดิสนีย์อวอร์ดที่ “เดอะโกลเด้นมิกกี้”

ช่วงบ่ายใน HongKong Disneyland
- นั่งม้าหมุนซินเดอเรลล่า ช้างน้อยดัมโบ้ และถ้วยชาแมดแฮตเตอร์
- ตื่นตาตื่นใจไปกับขบวนพาเหรดดิสนีย์
- กลับสู่โรงแรมและเช็คอิน
- นั่งชิลที่บาร์ริมสระ กับอาหารว่าง
- ทักทายและถ่ายภาพกับกูฟี่ที่สระน้ำ
- เข้าเวิร์คช็อปพิเศษของดิสนีย์และฟังเทคนิควิธีการเล่าเรื่อง

ช่วงเย็นใน HongKong Disneyland
- ผ่อนคลายกับสปาของโรงแรมฮ่องกงดิสนีย์แลนด์
- รับประทานอาหารเย็นแบบบาร์บีคิวที่ซันเซ้ตเทอเรส
- ผ่อนคลายอารมณ์ไปกับเครื่องดื่มนานาชนิดที่สตูดิโอเลาน์จ
- นิทานก่อนนอนสำหรับเด็กๆ
- เดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่การ์เด้นพลาซ่า หรือช้อปปิ้งตามร้านต่างๆของโรงแรม

วันที่สอง
ช่วงเช้าใน HongKong Disneyland
- เช็คเอาท์และฝากสัมภาระไว้ที่โรงแรม
- รับประทานอาหารเช้าที่พลาซ่าอินน์กับเพื่อนๆชาวดิสนีย์
- ชุ่มปอดกับความคิดถึงที่ถนนเมนสรีท สหรัฐอเมริกา
- ชมการแสดงดนตรี “เฟสติวอลออฟ เดอะไลออนคิง”
- เยี่ยมชมบ้านต้นไม้ของทาซาน
- ร้านของฝากจากดิสนีย์ (มีบริการเก๋ไม่ต้องให้คุณแบกสัมภาระพะรุงพะรัง โดยทางร้านจะส่งถึงโรงแรมของคุณเอง)
- รับประทานอาหารกลางวันแสนอร่อยที่ริเวอร์วิวคาเฟ่

ช่วงบ่ายใน HongKong Disneyland
- พบกับมิกกี้ยอดศิลปินในมิกกี้ฟิลาเมจิก
- นั่งเครื่องเล่นผจญภัยไปกับวินนี่เจ้าหมีพู
- ถ่ายภาพที่สวนมหัศจรรย์กับเพื่อนชาวดิสนีย์
- ขับจานบินออร์บิตรอน
- พักดื่มน้ำชาที่สตาร์ไลเนอร์ไดเนอร์
- เดินทางไปกับบัซไลท์เยียร์วีรบุรุษจักรวาล
- นั่งเรือเหาะไปกับสเปสเมาเทน
ช่วงเย็นใน HongKong Disneyland
- เพลิดเพลินกับความงดงามตระการตาของดอกไม้ไฟ “ดิสนีย์ในหมู่ดาว”
- กลับสู่โรงแรมเพื่อรับประทานอาหารที่ เชฟมิกกี้

ว๊า ... หมดเวลาในดินแดนแห่งความฝันแล้ว แต่ยังไงก็ประสบการณ์กับโลกแห่งจินตนาการของดิสนีย์แลนด์ก็คงจะเป็นหนึ่งในความทรงจำที่สนุกสนาน และจะทำให้รู้สึกยิ้มได้เมื่อเรามองกลับมาทุกครั้งนะคะ ขอให้มีความสุขกับการเดินทางอย่างเต็มที่ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยวฮ่องกง Wonderfulpackage

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน4

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน4"

จะอยุ่ติดกับสถานีรถไฟที่เข้ามาจากด่านฮ่องกง 


มีอยู่ประมาณ 4-5 ขั้น มีร้านค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อของ เรานัดเวลาเจอกันตอน บ่าย 3 โมง เนื่องจากเราต้องเดินทางไปยัง หมู่บ้านวัฒนธรรม เพื่อชมวิถีชีวิตของชนเผ่าต่างๆ ที่อยุ่ในประเทศจีน สามารถเดินถ่ายรูปได้ หรือจะขึ้นรถบริการก็ได้ ในหมู่บ้านจะมี Splendid Of China หรือเมืองจำลองสถานที่ท่องเที่ยวดังๆประเทศจีน เช่น พระราชวังกู้กง กำแพงเมืองจีน ฯลฯ
เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ทุกคนกลับมายังจุดนัดพบเพื่อที่จะชมโชว์ของหมู่บ้านวัฒนธรรม เป็นโชว์ของชนเผ่าต่างๆ ที่มีอยูในประเทศจีน หลังจากโชว์เดินทางสู่ร้านอาหารทานอาหารอันลือชื่อของเซิ่นเจิ้นเป็น เบบี้ ดัก เป็นเป็ดอายุน้อยที่ต้องผ่านการทำอย่างพิถีพิถัน ให้สำหรับทุกท่านท่านละ 1 ตัว และยังมีอาหารแบบซีฟู๊ดอีกมากมาย เราก็ได้กลับโรงแรมมาพักผ่อน แต่ว่ามีหลายคนต้องการที่จะซื่อของฝากเพิ่มก็สามารถเดินไปซื้อของยัง LOWUได้แต่ว่าเรา ได้ไปที่ซ้อปปิ่งอีกที่หนึ่งเรียกว่าตลาด ตงเหมิน ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็ประมาณสยามสแคว์ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วจะมีพวกวัยรุ่นของเซิ่นเจิ้นมาเดินซื้อของกัน เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯ เดินกันจนเพลิดเพลินดูเวลาอีกทีก็จะ 4 ทุ่มแล้วเราเลยกลับกัน เพราะว่าส่วนใหญ่ร้านค้าก็จะปิดแล้วด้วยเที่ยวฮ่องกง


เช้าวันสุดท้าย ของการเดินทางทุกคนพร้อมหน้ากันที่ห้องอาหารเวลาประมาณ 8 โมงเช้าหัวหน้าทัวร์ก็จัดการทำเรื่อง เดินทางกลับวันนี้หลายคนมีกระเป๋าเพิ่มเพราะว่าซื้อของฝากกันเยอะ
การข้ามกลับฮ่องกงก็กลับทางเดิมคือทางรถไฟ พอมาถึงฮ่องกงก็มีฝนตกเล็กน้อย เรานำกระเ่ป๋าสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมเพื่อสะดวกต่อการช๊อปปิ้ง เพราะว่าเป็นวันสุดท้ายของการอยู่ฮ่องกง ผมได้นั่งรถใต้ดินไปแถว MONG KOK ไปซื่อของราคาถูกที่เค้าเรียกว่าย่าน เรดี้ มาเก็ต เที่ยวฮ่องกง
เราก็ซื้อของกันจนถึงเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ก็ขึ้นรถเดินทางไปยังสนามบิน เพราะว่าเที่ยวบินที่เราเดินทางเป็นเที่ยวบินเหมาลำ ดังนั้นคนจะเยอะมาก ทางหัวหน้าทัวร์จึงแนะนำว่าเราไปเร็วๆจะดีกว่า จะได้มีเวลาไปพักผ่อนที่สนามบิน แล้วก็เยอะจริงเวลาประมาณ 1 ทุ่มทุกคนมาพร้อมกันที่สนามบินมันเยอะมากจริงๆทัวร์ฮ่องกง

หลังจากที่คณะของเราโหลสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าไปเดินดูของ และทานอาหารอยู่ด้านใน รอเวลาเครื่องออก ขากลับล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดประมาณ 20 นาที
เนื่องจากคนเยอะมาก แต่ทุกคนก็ได้ขึ้นเครื่องบิน บินกลับสู่กรุงเทพโดยปลอดภัย แต่ขากลับคณะเราจะดูพิเศษกว่าคณะอื่นๆ
เพราะว่าสนิทกันจึงเล่นและคุยกันเสียดังไปนิด
แต่ก็อยู่ในมารยาทที่งดงาม
หลังจากเครื่องลงที่สุวรณภูมิทุกคนก็ได้ร่ำลากัน และแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน

ประสบการณ์ในการเดินทางนี้ผมอยากจะบอกทุกท่านที่ได้อ่านมาตั้งแต่แรกจบจบว่า
ผมประทับใจมากกับการเดินทางตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้เจอเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน ทัวร์ฮ่องกง
เพราะว่าเจ้าหน้าที่สามารถทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นกับการเดินทางต่างประเทศครั้งแรก
และทุกคนในคณะเดินทางก็มีน้ำใจไมตรีเหมาะสมกับคำว่าสยามเมืองยิ้ม สยามเมืองพุทธ


เรื่องทัวร์ฮ่องกง เที่ยวฮ่องกงถามเราซิคะ

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน3

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน3"

ถ้าเดินออกจากหน้าโรงแรมไปทางขวามือจะมี 


เซเว่น ด้วย และถ้าไม่เกิน 3 ทุ่ม ถึง 3 ทุ่มครึ่งเดินเลย เซเว่นไปนิดเดียว เราก็จะเห็นร้าน บะหมีเกี้ยว ผมอยากจะบอกให้ท่านทราบว่า เกี้ยวกุ้งที่ฮ่องกง อร่อยมากครับเพราะว่ากุ้งตัวใหญ่ม๊ากมาก... 

เนื่องจากกุ้งตัวใหญ่มากเลยครับ ใช้กุ้งทั้งตัว (ถ้าต้องการกลับสามารถติดต่อซื้อที่ร้านได้เลย ราคาประมาณ 30 – 45 เหรียญฮ่องกง ประมาณ 10 ชิ้น) ทัวร์ฮ่องกง
วันที่ 2 ของการเดินทาง ตื่นตอน 7 โมงเช้า ออกจากโรงแรมไปรับทานอาหารแบบติ่มซำ ที่ภัตราคาร ใกล้ๆ โรงแรม ROYAL GARDEN ย่านจิมซานจุ่ย สิ่งที่ผมสังเกตุภัตราคารที่ฮ่องกงคือ จะตกแต่งสวยงาม สีจะเน้นโทนสีชมพู ขาว ครีม เนื่องจากว่าต้องรองรับงานเลี้ยง งานแต่ง เพราะว่าฮ่องกงพื้นที่จำกัดไม่เหมือน ประเทศไทยที่อาจจะจัดกันที่โรงแรมหรือที่บ้าน อาหารเช้าน่าทานมาก และก็รสชาติไม่จัด เหมือนกับการรับทานตอนเช้า
ทานอาการเสร็จแล้วเราก็เดินทางไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ อ่าวน้ำตื้น ลอดอุโมงค์ ที่ไกด์บอกว่าเป็นอุโมงค์ที่ทำลอดใต้ทะเล มีรถใช้ประการอุโมงค์นี้ประมาณ 4-5 พันคันต่อวัน เที่ยวฮ่องกง

ถึงวัดเจ้าแม่กวนอิมก็ได้ฟังประวัติ และได้ไหว้สักการะเจ้าแม่กวนอิม ข้ามสะพานอายุยืน เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เนื่องจากที่เราย้ำมาเสมอว่าคนฮ่องกงมีความเชื่อเรื่อง “ฮวงจุ้ย” เป็นอย่างมาก ดังนั้นคนฮ่องจึงชอบที่จะมาพักผ่อนที่อ่าวน้ำตื้น และมาไหว้พระขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่นี้กันมาก
หลังจากได้รับพรเต็มที่แล้วเราก็เดินทางไปยังจุดชมเมื่อฮ่องกงที่สวยทีสุดของฮ่องกงที่เรียกกันว่า วิคตอเรียพีค “VITORIA PEAK”

เดินทางกลับสู่เมืองฮ่องกงเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทางเราได้แวะชมโรงงาน จิวเวอร์รี่ มีหลายคนในทริปนี้สนใจเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ว่ากังหันจะช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายออกจากตัวเรา และนำสิ่งดีๆมาให้ตัวเรา ผลิตภัณฑ์มีหลายแบบทั้ง จี้ สร้อย แหวน ต่างหู และเครืองประดับอื่นๆ เดินดูกันจนลืมหิวไปเลย ได้เวลาพอมควร เราก็เดินทางไปร้านอาหารรับประทานอาหารกลางวัน มื้อนี้เป็นเป็ดย่าง ซีโคร่งน้ำแดง ปลานึง ฯลฯ เที่ยวฮ่องกง

หลังจากที่เราอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศเราก็พากันเดินทางไปสู้เกาะลันตา เพื่อนมัสการพระใหญ่ที่วัดโป่หลิน นั่งกระเช้า 360 องศา กระเช้ามี 2 แบบ คือกระเช้ากระจกธรรมดา และกระเช้าคลิสตัล คณะทัวร์ส่วนใหญ่นั่งกระเช้าธรรมดา แต่ว่ากระเช้าคลิสตัลถ้าโดนแสงแดดแล้วจะสวยงามมากๆ เราเพราะจะมีแสงระยิบระยับ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที 
ในระหว่างที่กระเช้ากำลังพาเราไปถึงยอดเราจะมองเห็นองค์พระสำริดที่มีขนาดใหญ่ สูงสุดแล้ว เราก็ต้องเดินไปอีกประมาณ 500 เมตร แต่ในระหว่างทางที่เดินไปขึ้นไหว้พระจะมีพิพิธภัณฑ์ ต่างๆให้เราได้ชม (ต้องจ่ายค่าเข้าชมเอง) หลังจากที่เราไหว้พระเรียบร้อย เรานัดพบกันที่ CITY GRATE เพราะเราจะเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟไปยังเซิ่นเจิ้น ทัวร์ฮ่งกง
ได้เวลาทุกคนพร้อมขึ้นรถกลับเข้าในเมืองประมาณ 25 นาทีเราก็ถึงสถานีรถไฟ (ฮอง ฮัม HUNG HOM) ประมาณหัวลำโพงบ้านเรา ถึงสถานีทุกคนเตรียมแพ็คของให้กระเป๋าเหลือน้อยที่สุด เพราะว่าต้องขึ้นรถไฟและต้องลากกระเป๋าเอง
ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึงด่านเซิ่นเจิ้นการข้ามด่านไปเซิ่นเจิ้นต้องให้เอกสารการเข้า-ออกเมือง หรือ ตม. ออกฮ่องกง และเข้าเซิ่นเจิ้น เจ้าหน้าที่ทางบริษัทได้เขียนให้เราแล้ว ลากกระเป๋าเดินตามหัวหน้าทัวร์ ใช้เวลารอที่หน้าด่านประมาณ 20-30 นาทีก็ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

หลังจากนั้นทุกคนหิวมากเพราะว่าเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว เราก็เดินทางไปยังร้านอาหารก่อนเข้าโรงแรม หลังจากนั้นเดินทางไปยังโรงแรม DAY’S HOTEL 
เป็นโรงแรม 4 ดาว ถ้าอยู่ชั้น 5 ของตึก จากโรงแรมสามารถมองเห็น ตลาด LOWU สามารถเดินไปได้ประมาณ 300 เมตร แต่เนื่องจากถนนมีอุโมงค์ จึงต้องเดินอ้อมนิดหน่อย 
โรงแรมนี้สามารถเดินหาของรับทานได้ง่ายเพราะว่าข้างโรงแรมทางด้านซ้ายมือจะมี มินิมาร์ท หรือถ้าท่านเมื่อยล้า จากการเดิน ชั้น 4 ของโรงแรม จะมีบริการ สปา นวดตัว นวดเท้า อัตราค่าบริการก็ไม่แพง เริ่มต้นที่ 40 หยวด สถานที่สะอาดดี 

หลังจากที่เราพักผ่อน เจอกันช่วงเช้า หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเป็นแบบ American breakfast. ห้องอาหารอยู่ชั้นเดียวกับแผนกต้อนรับของโรงแรม (Reception) 
หลังจากอาหารเ้ช้า เราก็เริ่มเดินทางท่องเที่ยวในตัวเซิ่นเจิ้น เนื่องจากเซิ่นเจิ้นเป็นเมืองที่ประวัติศาสตร์ยังไม่ยาวนานนัก ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น โบราณสถาน โบราณวัตถุจะไม่ค่อยมี แต่ว่าส่วนใหญ่จะมา shopping ของมากกว่า เนื่องจาก การออกแบบของที่นี้ จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับของที่มียี่ห้อดังๆ แต่ว่าเราก็ได้ไปชม โรงงาน หยก เพราะว่า ราคาหยกที่เซิ่นเจิ้นจะราคาไม่แพง หลายคนในคณะซื้อเรือสำเภาหยก กลับมาเพราะว่ามีความเชื่อเรื่องการค้าขาย เนื่องจากเรือสำเภาเป็นพาหนะในการออกธุระกิจของชาวจีน และยังมีผีชิว หรือ ผีซิ่ว บางคนเรียก ผีเซี้ย เป็นสัตว์นตำนานเป็นสัตว์์ที่ผสมกันหลายชนิด หลังจากทุกคนซื้อของฝากกันเรียบร้อย เราทุกคนก็เดินทางไปยังจุดหมาย ที่หลายๆคนตั้งใจ คือ ตลาด LOWU เป็นอาคารที่ขายของเหมือนจริง หรือของ COPPY 

เรื่องทัวร์ฮ่องกง เที่ยวฮ่องกงถามเราซิคะ

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน2

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน2"

แล้วเค้าก็เดินนำตามทางไปเรื่อยๆ 


หลายท่านมีแวะเข้าห้องน้ำ เดินไปจนถึงทางแยกที่จะต้องไปขึ้นรถของสนามบิน เพราะว่า สนามบิน “เช็คลับก๊อก” เป็นสนามบินที่ใหญ่มากติดอันดับต้นๆ จึงต้องนั่งรถไฟไปอาคารใหญ่
(บางท่านไม่กล้าขึ้นเพราะว่ากลัวว่าจะไม่ได้ไปที่เดียวกัน แต่ว่ารถไฟ วิ่งไปแล้วก็วิ่งกลับเท่านั้น )
นั่งรถไฟไปถึงที่อาคารใหญ่เราก็ตามทาง เห็นตรงหน้าจอบอกว่า OX2316 ต้องไปรับกระเป๋าที่สายพาน 5 ก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วทุกคนก็ไปรอรับกระเป๋า แล้วก็เดินตามกันออกไปแล้วก็เจอ ไกด์ท้องถิ่นชื่อ “คุณทอม” ที่ประตู EXIT B ทัวร์ฮ่องกง
คุณทอมพาเราทุกคนไปที่รถใช้เวลาประมาณ 20 นาที เราเอากระเป๋าขึ้นรถและเลือกที่นั่งกันเสร็จ เราเดินทางไปตามเส้นทางที่เข้าสู่เมืองฮ่องกง 
เรามารู้จัก เกาะฮ่องกง กันคร่าวๆ ฮ่องกงแบบออกเป็นเกาะเล็กใหญ่มากมาย แต่ว่าเกาะที่สำคัญของฮ่องกง มีทั้งทั้งหมด 3 เกาะหลักๆ คือ 
1.เกาะลันตา หรือ เกาะลันเตา เกาะนี้เป็นเหมือนประตูเข้า ฮ่องกงเพราะว่ามีสนามบิน สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ โอเชี่ยนปาร์ค และพระใหญ่ ที่คนไทยเรียกกันว่าพระใหญ่เกาะลันตา 
2.เกาะเกาลูน เกาะนี้เป็นที่ชื่นชอบมากของคนทั่วไปเพราะเป็นเกาะแห่งแฟชั่น เนื่องจากมีถนนแห่งการ ช้อปปิ้ง เช่น จิมซานจุ่ย เรดี้มาเก็ต ถนนดารา Avenues of Star ฯลฯ 
3.เกาะฮ่องกง เกาะนี้เปรียบเสมือนเมืองธุระกิจ เพราะว่าอาคารสำนักงานต่างๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เกาะนี้รวมทั้ง วิคตอเรียพีค อ่าวน้ำตื่น มาเที่ยวฮ่องกง

หลังจากที่เรารู้จักฮ่องกงกันเรียนร้อยแล้ว ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ วัดหวังต้าเซียน เป็นวัดที่ชาวฮ่องกงให้ความนับถือเป็นอันมากเพราะว่าทุกคนเชื่อว่า “วัดหวังต้าเซียน” หรือเทพต้าเซียนเป็นเทพเจ้าแห่งหมอรักษาโรคภัยต่างๆ 


หลังจากขอพรเรียบร้อยแล้วเราก็ไปทานอาหารกลางวัน แบบกวางตุ้ง 
อาหารแบบกวางตุ้ง จะมีรสชาติไม่จัดเหมือนอาหารไทย แต่คนไทยส่วนใหญ่จะทานไม่ได้เยอะ แต่ว่าบริษัททัวร์ก็มีน้ำจิ้ม แจ่ว และซีฟู๊ดมาให้ด้วย ทุกอย่างบนโต๊ะเราไม่เหลือเลย เพราะว่าทุกคนหิวมาก จากนั้นก็ถึงเวลาที่หลายๆท่านรอคอยเพราะว่าหลงจากทานอาหารเราก็ได้ไปที่ถนนจิมซานจุ่ย 
จิมซานจุ่ยเป็นถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง เราเดินจับจ่ายกันจนเพลินก็ได้เวลาดูแสงสีเสียงพอดี ประมาณ 2 ทุ่มของทุกวันยืนดูความตระกาลตาของแสง สี เสียง “ Symphony of Lights” มีการยิงแสง เรซอร์ จากเกาะเกาลูน ไปยังตึกของฝั่งฮ่องกง ที่เปรียบเสมือน ฉากหลังที่อลังกาล 

และไม่ไกลจากที่เรายืนก็เป็นถนนดารา “Avenue Of Star” จะมีรอยประทับฝ่ามือของดาราดังๆ หลายคน หลังจากที่โชว์จบเราก็ได้เดินไปพบหัวหน้าทัวร์ยังจุดนัดหมาย หน้าศูนย์ช้อปปิ้ง SOGO PLAZA ไปยังโรงแรม  HERBOUR PLAZA 8 DEGREE HOTEL โรงแรมนี้เป็นโรงแรมใหม่ และมีลักษณะแปลก เนื่องจากเลข 8 เป็นเลขที่ถือเป็นมงคลของคนจีน และคนฮ่องกง เพราะว่าเป็นเลขที่ไม่มีจุดขาดของเส้น โรงแรมจึงมีสัญลักษณ์ต่างที่เป็น การเสริมฮ่วงจุ้ย แต่ว่าโรงแรมนี้ห้องจะไม่กว้างมากนักเนื่องจากเป็นโรงแรมที่อยู่ในเมือง แต่ว่าผมว่าห้องเค้าก็น่าอยู่สะอาด และหน้าโรงแรมยังมีตลาดเล็กๆ มีผลไม้สดๆให้เราได้เลือกซื้อ 

เที่ยวฮ่องกง ทัวร์ฮ่องกงด้วยกันซิคะ

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน1

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน1"

เป็นประสบการณ์ที่หลายๆท่านอาจจะต้องอิจฉาเลยที่เดียว 


เพราะว่า ผมเดินทาง 4 วันเต็มๆเลย ใช้ชีวิตอยู่ ฮ่องกง และเซินเจิ้น อย่างคุ้มค่ามากๆ เพราะว่าผมบินโดยสายการบิน โอเรี้ยนไทย (ORIENT THAI) OX 2316 เป็นเที่ยวบินเหมาลำ ทั้งเครื่องมีแต่คนไทยทั้งหมด ประมาณ 500 กว่าที่นั่ง ตอนแรกที่มาถึงสนามบินผมเห็นคนเยอะมาก คิดว่าวันนี้อย่างไงก็ต้องตกเครื่องกันบ้างล่ะ (คิดในใจ) แต่ว่าเจ้าหน้าที่ของ ทาง บริษัททัวร์ ต่างๆ ก็ช่วยกันอย่าง ขะมักเขม้น จนทุกคนได้ขึ้นเครื่องตามเวลา

หลังจากที่ทุกคนได้บัตรโดยสาร แล้ว เราก็ต้องเซ็นชื่อตามที่เจ้าหน้าที่ของ บริษัท ได้ให้มา รู้สึกถึงความสะดวกสบายมาก 
ไม่ต้องกรอกเอง คณะเรา ก็พากันเดินไปที่ ตรวจคนเข้าเมือง (INMIGATION) คนเยอะมากเลยต่อแถวกันพักใหญ่ แต่ว่าจะ 
แยกระหว่างช่องคนไทย (คนไทยช่วงสีเขียว เขียนว่า “THAI PASSENGER”) กับชาวต่างชาติ เสร็จจากตรงนี้เดินผ่านเจ้าหน้าที่ 
ที่ทำหน้านิ่งๆไปแล้ว เราก็ต้อง X-RAY กระเป๋าที่เราถือขึ้นเครื่อง ตรงนี้สำคัญเพราะว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ย้ำเรื่องของเหลวที่ห้ามนำขึ้นเครื่อง เที่ยวฮ่องกง

1.ของเหลวต่างๆ ที่มีปริมาณไม่เกิน 100 มิลลิลิตร (ML.) เช่น น้ำเปล่า นม แยม น้ำผึ้ง ซอส น้ำหอม โยเกิร์ต เจลใส่ผม ยาสีฝัน 

2.ของมีคมต่างๆ เช่น กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ มีดพก ตะกุด ลูกปืน 

ผมต้องถอดเข็มขัดด้วยครับ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ให้ถอด อายมากๆ บางคนต้องถอดรองเท้าด้วย “ไม่รู้ว่ากลิ่นจะไหวไหมอ่ะ” บางคนไม่เข้าใจต้องเอาทิ้งเลยเพราะว่าเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำ น้ำ, นม,หรือน้ำผลไม้ เข้า แต่ว่าเราสามารถ ซื้อด้านในได้ ทัวร์ฮ่องกง
ผมก็ งง อยู่เหมือนกัน 555 เสร็จจากตรงนี้แล้ว ก็ได้เดิน ช้อปปิ้ง สินค้าปลอดภาษีด้วย เพราะว่ายังมีเวลาอยู่เล็กน้อย 
เดินดูไปเรื่อยๆจึงเจอกับผู้เดินทางที่อยู่ในคณะเดียวกัน เห็นเค้ากำลัง รับของที่ไปซื้อที่ KING POWER ซอยรางน้ำอยู่จึงเดินไป
ที่ GATE พร้อมกัน สนามบินสุวรรณภูมิ บ้านเรากว้างมากๆ ดังนั้นการเดินไปที่ GATE ต้องใช้เวลา จึงต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย 
มองเห็น GATE แต่ไกลๆ อยู่คนละชั้นกับที่เราอยู่ต้องเดินลงบันไดลงไปรอด้านล่าง


พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ของสายการบินก็เรียกทั้งหมดเข้าไปยังตัวเครื่อง ตรงนี้น่าสนใจเพราะว่า ตอนที่เราได้บัตรที่นั่งมานั้น บัตรจะแบ่งเป็น 2 ส่วน เจ้าหน้าที่จะดึงส่วนที่ ยาวๆไว้ แล้วคืนส่วนสั้นๆ ให้เราไปเพื่อให้เราไปที่เครื่อง 

เราก็เดินตามช่องทางเข้าไปยังตัวเครื่อง จะมีเจ้าหน้าที่ของสายการบิน คอยบอกว่าที่นั่งของเราต้องเดินไปทางไหน เพราะว่าที่นั่งบนเครื่องจะมีทางเดิน 2 ทาง เนื่องจากเป็น BOEING 747 จึงเป็นเครื่องลำใหญ่ ที่นั่งเป็น 3 / 4 / 3 ผมได้นั่งกลางๆเครื่อง ไม่ได้นั่งตรงปีก น่าเสียดายมากที่ ไม่เห็นด้านนอก แต่อย่างไงก็ มืดอยู่ดี ^^" เพราะว่าเครื่องเราออกจาก กรุงเทพตอน ตี 5 นั่งซักพัก เจ้าหน้าที่บริการบนเครื่อง หรือที่เราเรียกว่า แอร์โฮสเตด (Airhostess) และสจ๊วต (Steward) 
ก็เหมือนว่าจะเช็คผู้โดยสาร ประมาณ 5 นาทีก็มีเสียประกาศจากกัปตัน ต้อนรับเราแล้วก็แจ้งว่าเรากำลัง จะไปไหนกันจะถึงกี่โมง เครื่องเริ่มมีการเคลื่อนตัวเจ้าหน้าที่จะมาสาธิตการระบบความปลอดภัยให้ชม เนื่องจากสายการบินนี้เป็นสายการบินกึ่ง Low Cross ไม่มีจอให้เราชม แต่ว่าผมว่าแบบนี้ก็ดีนะครับ เพราะว่าพนักงาน น่ารักดี ^0^ หลังจากเครื่องไต่ระดับจนเครื่องนิ่งๆ แอร์ จะเดินมาถามว่าใครต้องการ อะไรเพิ่มเติม เช่น ผ้าห่ม,หูฟัง ฯ เครื่องเดินทางไปได้ซักครู่หนึ่ง ผมก็หลับเนื่องจากว่าวันนี้ผมตื่นเช้ามาก หลับตาไปพักใหญ่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะว่าได้กลิ่นอาหารหอมๆ ลืมตามาเห็นแอร์กำลังเสริฟ

เทอริยากิ” ของโออิชิ “Oishi” เป็นอาหารแบบญี่ปุ่นมี 2 แบบให้เลือกคือ หมู่ และไก่ และน้ำบริการ เช่น น้ำส้ม, น้ำเปล่า, น้ำอัดลม, น้ำชาฯลฯ หลังจากที่ทุกคนกำลังทานอาหารกันอย่างมีความสุขก็มองเห็นเกาะฮ่องกงแล้ว

พอลงเครื่องที่สนามบินทุกคน เริ่มตื่นเต้น เพราะว่าหลายๆคนเดินทางมาฮ่องกงครั้งแรก เครื่องจอดสนิทคนเริ่มออก จากเครื่อง เนื่องจากว่าเราอยู่กลางเครื่องเราก็ออกไม่เร็วเท่าไหร่ แต่ว่าออกมาจากเครื่องแล้วก็เจอะหัวหน้าทัวร์ คุณเมย์ และคุณดา เป็นหัวหน้าทัวร์ของเราที่เดินทางมาพร้อมกัน เค้าก็เรียกรวมอธิบายเรื่องการใช้ใบ ตม. เข้าฮ่องกง 

เที่ยวฮ่องกง ทัวร์ฮ่องกงกับเราซิคะ

ข้อมูลเบื้องต้นประเทศจีน

ข้อมูลเบื้องต้นประเทศจีน


ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของภาคพื้นทวีปยุโรป หรือทางฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ภูมิประเทศของจีนโดยทั่วไป จะเป็นที่ราบสูงทางทิศตะวันตก แล้วค่อย ๆ ลดต่ำลงมาทางทิศตะวันออก ลักษณะภูมิประเทศจะมีลักษณะต่าง ๆ กัน ตั้งแต่เป็นเทือกเขาสูงเสียดเมฆ จนถึงมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีขนาดและรูปร่างต่าง ๆ กัน อันได้แก่ที่ราบสูงเนินเขา และที่ราบอันกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ ทะเลทรายและทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่จะแผ่ปกคลุมแผ่นดินจีนทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขณะที่แม่น้ำลำคลองและปากแม่น้ำฉางเจีย-แยงซี อยู่ทางตะวันออก ถ้ามองจากเบื้องบนลงมา ลักษณะเส้นขอบของภูมิประเทศจีนจะมีลักษณะเหมือนขั้นบันไดสูงจากตะวันตกแล้วลดเป็นขั้น ๆ มาทางตะวันออกตามลำดับ คือจากที่ราบสูงซิงไฮ-ทิเบต มายังตะวันออกและฝั่งทะเล ขั้นสูงที่สุดของ ภูมิประเทศ ได้แก่ ที่ราบสูงชิงไฮ-ทิเบต สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 4,000 เมตร นับว่าเป็นที่ราบสูงที่สูงที่สุดของโลกจนรู้จักกันทั่วไปว่าเป็น "หลังคาของโลก"

พื้นที่ถัดมาทางตะวันออกจะลดระดับความสูงเหลือเพียง 2,000-1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งประกอบด้วยที่ราบลุ่มแม่น้ำจุงกา ตาริม และซือฉวน ตลอดจนที่ราบสูงมองโกเลียใน และที่ราบสูงยูนนาน-ไกวเจา เที่ยวจีน ทัวร์จีน

เมื่อข้ามแนวยาวของเทือกเขาต่าง ๆ ทางตะวันออกของบันไดขั้นที่สองอันได้แก่เทือกเขาใหญ่ฮิงกัน ไทหาง อู่ชาน อู่หลิง และซุยเฟง มายังฝั่งทะเลระดับความสูงของพื้นดินจะลดลงเหลือน้อยกว่าระดับ 500 เมตรที่สูงจากระดับน้ำทะเลโดยทั่ว ๆ ไป ทำให้กลายเป็นบันไดขั้นที่สามซึ่งประกอบด้วยดินแดนจากทางเหนือมาใต้คือ ที่ราบจีนตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ราบจีนเหนือ ที่ราบแยงซีเกียงหรือฉางเจียงตอนกลาง และดินดอนสามเหลี่ยมชูเจียง (แม่น้ำเพิร์ล) ขอบเขตของที่ราบทั้งหลายดังกล่านี้จะเป็นเชิงเขาและชนบทที่มีลักษณะเป็นเนินเขา ไม่เกิน 200 เมตร เป็นที่ซึ่งแม่น้ำพัดพาทรายและโคลนลงไปยังทะเล บริเวณนี้นับเป็นบันไดขั้นสุดท้าย ดูข้อมูลจีนได้ที่นี่

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น


การเมืองการปกครอง 

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะประเทศญี่ปุ่นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิทรงเป็นประมุข แต่พระจักรพรรดิไม่มีพระราชอำนาจในการบริหารประเทศ โดยมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ อำนาจการปกครองส่วนใหญ่ตกอยู่กับนายกรัฐมนตรีและสมาชิกอื่น ๆ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนอำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของชาวญี่ปุ่น พระจักรพรรดิทรงทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐในพิธีการทางการทูต พระองค์ปัจจุบันคือจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ส่วนรัชทายาทคือมกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลสูงสุดของญี่ปุ่นองค์กรนิติบัญญัติของญี่ปุ่น คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ญี่ปุ่น: 国会 Kokkai ?) หรือที่เรียก "ไดเอ็ต" เป็นระบบสองสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (ญี่ปุ่น: 衆議院 Shugi-in ?) เป็นสภาล่าง มีสมาชิกสี่ร้อยแปดสิบคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งสี่ปี และมนตรีสภา (ญี่ปุ่น: 参議院 Sangi-in ?) เป็นสภาสูง มีสมาชิกสองร้อยสี่สิบสองคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งหกปี โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกมนตรีสภาจำนวนครึ่งหนึ่งสลับกันไปทุกสามปี สมาชิกของสภาทั้งสองมาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์เป็นต้นไปพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นพรรครัฐบาลมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งพรรคใน พ.ศ. 2498จนในปี พ.ศ. 2552 พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้ง จึงทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียตำแหน่งพรรครัฐบาลซึ่งครองมายาวนานกว่า 54 ปี ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

หัวหน้ารัฐบาล นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีและให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายนะโอะโตะ คัง หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น ระบบกฎหมายของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทางประวัติศาสตร์จากกฎหมายของจีน และมีพัฒนาการเฉพาะตัวในยุคเอโดะผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ประมวลกฎหมายคุจิกะตะโอะซะดะเมะงากิ (ญี่ปุ่น: 公事方御定書) ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษ 2400 เป็นต้นมา ได้มีการวางรากฐานระบบตุลาการในญี่ปุ่นขนานใหญ่โดยใช้ระบบซีวิลลอว์ของยุโรปโดยเฉพาะของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นต้นแบบ เช่นใน พ.ศ. 2439 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งของตน เรียก "มินโป" (ญี่ปุ่น: 民法) โดยมีประมวลกฎหมายแพ่งของเยอรมันเป็นต้นแบบ และคงมีผลใช้บังคับอยู่นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบัน และบรรดากฎหมายแม่บทของญี่ปุ่นมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้ตรา พระจักรพรรดิเป็นผู้ทรงประกาศใช้โดยต้องทรงประทับพระราชลัญจกรเป็นการประกาศใช้ ทั้งนี้ โดยนิตินัยแล้วพระจักรพรรดิไม่ทรงมีพระราชอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ส่วนศาลของญี่ปุ่นนั้นแบ่งเป็นสามชั้นจากต่ำขึ้นไป ดังนี้ ศาลชั้นต้น ประกอบด้วย ศาลชั้นต้นทั่วไป ศาลแขวง "รปโป" (ญี่ปุ่น: 六法) มีสภาพเป็นประมวลกฎหมายที่สำคัญหกฉบับ เรื่องสนุกๆรออยู่ที่wonderfulpackage

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่ 



แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485 ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตกและทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลินเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประณามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941

ระเบิดนิวเคลียร์แฟทแมนที่ถูกทิ้งลงนะงะซะกิในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ 


ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 , 9 และ  15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี 1956 หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตกเศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551 ข้อมูลมากมายที่นี่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา


วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมากเที่ยวญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จทัวร์ญี่ปุ่น

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้นความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลงที่นี่

TRAVEL TIPไปไหนได้บ้าง ถ้าไม่ทำ วีซ่า

"TRAVEL TIPไปไหนได้บ้าง ถ้าไม่ทำ วีซ่า"

รายชื่อประเทศที่ยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA) สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางไทย

รายชื่อประเทศที่ทำความตกลงโดยได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำการตรวจลงตรา (visa) หรือการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa on arrival) ในการเข้าประเทศเหล่านี้สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย สามารถอยู่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด

ทวีปเอเชีย
สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ ลาว 30 วัน กัมพูชา 30 วัน เวียดนาม 30 วัน มองโกเลีย 30 วัน ฮ่องกง 30 วัน โอมาน 30 วัน มาเก๊า 30 วัน พม่า 30 วัน เกาหลีใต้ 90 วัน จีน 30 วัน สิงคโปร์ 30 วัน ญี่ปุ่น 90 วัน ศรีลังกา 30 วัน ฟิลิปปินส์ 90 วัน มาเลเซีย 30 วัน มาเลเซีย 90 วัน บรูไน 30 วัน อินโดนีเซีย 90 วัน อินโดนีเซีย 30 วัน สิงคโปร์ 90 วัน บาห์เรน 14 วัน ตุรกี 90 วัน (Visa On Arrival)  เนปาล 90 วัน ฟิลิปปินส์ 21 วัน อิสราเอล 90 วัน จอร์แดน 30 วัน (Visa On Arrival)  อิหร่าน 14 วัน (Visa On Arrival)  กัมพูชา 14 วัน ไต้หวัน 30 วัน

(สำหรับผู้ที่มีวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุของ ประเทศ ออสเตรเลีย, แคนาดา, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, กลุ่มเชงเกน, อังกฤษ or อเมริกา โดยสมัครผ่าน https://nas.immigration.gov.tw/nase)

ทวีปยุโรป
สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท ออสเตรีย 90 วัน รัสเซีย 30 วัน เบลเยียม 90 วัน โครเอเชีย 90 วัน สาธารณรัฐเช็ก 90 วัน เยอรมนี 90 วัน ฮังการี 90 วัน อิตาลี 90 วัน ลักเซมเบิร์ก 90 วัน เนเธอร์แลนด์ 90 วัน โปแลนด์ 90 วัน โรมาเนีย 90 วัน รัสเซีย 90 วัน สวีเดน 90 วัน สโลวาเกีย 90 วัน


ทวีปอเมริกา
สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ อาร์เจนตินา 90 วัน คอสตาริกา 90 วัน บราซิล 90 วัน เม็กซิโก 90 วัน ชิลี 90 วัน เปรู 90 วัน

ทวีปแอฟริกา
สำหรับหนังสือเดินทางทุกประเภท สำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการ แอฟริกาใต้ 30 วัน แอฟริกาใต้ 90 วัน ตูนิเซีย 90 วัน

เที่ยวญี่ปุ่นเล่นสกีรีสอร์ท

"เที่ยวญี่ปุ่นเล่นสกีรีสอร์ท"

ทัวร์ญี่ปุ่น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกีหรืออยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ขอแนะนำลานสกีที่น่าสนใจในแต่ละภาคของประเทศญี่ปุ่น

(หมายเหตุ: ช่วงระยะที่เปิดให้บริการของสกีรีสอร์ตแต่ละแห่งจะไม่เหมือนกัน และยังแตกต่างกันในแต่ละปี สำหรับข้อมูลช่วงที่เปิดที่ระบุไว้ในแต่ละรีสอร์ทข้างล่างนี้เป็นข้อมูลของปี 2013 - 2014 เพื่อให้คุณได้เห็นภาพคร่าว ๆ ว่าแต่ละรีสอร์ทเปิดบริการในช่วงไหน กรุณาตรวจสอบข้อมูลวันที่เปิดล่าสุดของแต่ละสถานที่ในเว็บไซต์อีกครั้ง)

(ภูมิภาค Hokkaido)

Sahoro Resort
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 1 เมษายน

Hidaka Kokusai 
ช่วงที่เปิด: 22 ธันวาคม

Mount Racey
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม

Furano : Prince Snow Resort
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - 6 พฤษภาคม

Kamoi-dake Kokusai
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - 7 เมษายน

Kamui Ski Links
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม 

Sapporo Kokusai
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - พฤษภาคม

Sapporo Moiwa-yama
ช่วงที่เปิด: กสางเดือน ธันวาคม - มีนาคม

Sapporo Teine
ช่วงที่เปิด: 3 ธันวาคม - 25 มีนาคม 

Kiroro Snow World
ช่วงที่เปิด: 22 พฤศจิกายน - เมษายน

Rusutsu Resort
ช่วงที่เปิด: 23 พฤศจิกายน - 07 เมษายน

Niseko Gran-hirahu
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 07 เมษายน

Niseko Village Ski Resort
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 7 เมษายน

Niseko-annupuri Kokusai
ช่วงที่เปิด: 10 ธันวาคม - 24 เมษายน

Tomamu
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - มีนาคม

Northern Arc Resort
ช่วงที่เปิด: 31 ธันวาคม - 1 มีนาคม

(ภูมิภาค Tohoku)

Oowani Onsen
ช่วงที่เปิด: 22 ธันวาคม - ยังไม่มีกำหนด กรุณาเชคจากเว็บไซต์อีกครั้ง 
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น 
http://www.owani-ski.com/
ภาษาอังกฤษ 
http://www.snowjapan.com/e/resorts/resortdetail.php?resid=107 

Hakkoda-san
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนพฤศจิกายน - กลางเดือนพฤษภาคม

Moya Hills
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม

Naqua Shirakami
ช่วงที่เปิด: 15 พฤศจิกายน - 1 เมษายน

Tazawa-ko
ช่วงที่เปิด: 16 ธันวาคม - 22 เมษายน

Appi Kogen
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 31 มีนาคม

Shizukuishi Ski
ช่วงที่เปิด: 09 พฤศจิกายน - 31 มีนาคม

Miyagi Zao Eboshi
ช่วงที่เปิด: 12 ธันวาคม - 13 มีนาคม

Zao-onsen
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม - พฤษภาคม

Gassan
ช่วงที่เปิด: สกีฤดูร้อนบนพื้นหญ้า: 11 เมษายน - ปลายเดือนกรกฎาคม

Minowa
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนพฤศจิกายน - 15 เมษายน

Listel Fantasia
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม

Inawashiro
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม 

Aizu-kougen Takatsue
ช่วงที่เปิด: ต้นธันวาคม - ต้นเมษายน

Alts Bandai
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Grandeco Snow Resort
ช่วงที่เปิด: ปลายพฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม

Urabandai Nekoma
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนพฤษภาคม

(ภูมิภาค Hokuriku)

Naeba
ช่วงที่เปิด: 7 ธันวาคม - 6 เมษายน

Naspa
ช่วงที่เปิด: 13 ธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Joetsu Kokusai
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Gala Yuzawa
ช่วงที่เปิด: 23 ธันวาคม - 3 เมษายน

Akakura
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Myoko Kogen
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Tateyama Sanroku
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - 24 มีนาคม

Hakusan Sena-kogen
Ishikawa-ken
ช่วงที่เปิด : ช่วงกลางเดือนธันวาคม 

Hakusan Ichirino-onsen
ช่วงที่เปิด: ช่วงกลางเดือนธันวาคม

Imajo 365
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - กลางเดือนมีนาคม

SKI JAM
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - กลางเดือนเมษายน

(ภูมิภาค Kanto)

Manza-onsen
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - 7 เมษายน

Kusatsu Kokusai
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนพฤษภาคม

Fujiten Snow Resort
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Karuizawa Snow Park
ช่วงที่เปิด: ต้นเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Hunter Mountain Shiobara
ช่วงที่เปิด: ปลายพฤศจิกายน - กลางเดือนกลางเดือน

(ภูมิภาค Chubu)

Karuizawa Prince Hotel
ช่วงที่เปิด: 9 พฤศจิกายน - 31 มีนาคม

Asama 2000 Park
ช่วงที่เปิด: 23 พฤศจิกายน

Nozawa-onsen
ช่วงที่เปิด: 11 พฤศจิกายน - 6 พฤษภาคม

Shiga-kogen Sun Valley
ช่วงที่เปิด: 15 พฤศจิกายน - 25 เมษายน

Shiga-kogen Ichinose Family
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม - เมษายน

Shiga-kogen Ichinose Diamond
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 6 พฤษภาคม

Madarao-kogen
ช่วงที่เปิด: 15 ธันวาคม - 31 มีนาคม

Ryuo Ski Park
ช่วงที่เปิด: ธันวาคม - พฤษภาคม

Chateraise Ski Resort Yatsugatake
ช่วงที่เปิด: 08 ธันวาคม

Yachiho-kogen
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 31 มีนาคม

Tsugaike-kogen
ช่วงที่เปิด: 22 พฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม

Pilatus Tateshina Snow Resort
ช่วงที่เปิด: 8 ธันวาคม - 7 เมษายน 

Shirakabako Royal Hill
ช่วงที่เปิด: 22 ธันวาคม - 24 มีนาคม

Ontake 2240
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม

Norikura-kogen Onsen
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายน

Hakuba Goryu
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - 31 มีนาคม

Hakuba 47 Winter Sports Park
ช่วงที่เปิด: 01 ธันวาคม - 06 พฤษภาคม

Hakuba Happou-one
ช่วงที่เปิด: 08 ธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม

Wing Hills Shiratori Resort
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม

Snow Wave Park Shiratori-kogen
ช่วงที่เปิด: 21 พฤศจิกายน - กลางเดือนเมษายน

Takasu Snow Park
ช่วงที่เปิด: ปลายเดือนธันวาคม - กลางเดือนเมษายน

White Pia Takasu
ช่วงที่เปิด: 17 พฤศจิกายน - ปลายเดือนมีนาคม

Hida Takayama
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ปลายเดือนมีนาคม

Hakodate-yama
ช่วงที่เปิด: 14 ธันวาคม - 24 มีนาคม (วันปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

Kannabe-kogen Up-kannabe
ช่วงที่เปิด: ติดตามประกาศทางเว็บไซต์ของ Up-Kannabe


(ภูมิภาค Chugoku)

Daisen
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนธันวาคม - ปลายเดือนเมษายน

Mizuho-Highland
ช่วงที่เปิด: 1 ธันวาคม - 30 มีนาคม

Utopia-saioto
ช่วงที่เปิด: กลางเดือนพฤศจิกายน - ปลายเดือนมีนาคม

Megahira-onsen
ช่วงที่เปิด: 15 พฤศจิกายน - กลางเดือนมีนาคม

(ภูมิภาค Kyushu)

Tenzan Resort
ช่วงที่เปิด: 22 เดือนธันวาคม - ปลายเดือนเมษายน 
ส่วนที่เป็นสกีตอนกลางคืนหรือที่เรียกว่า Nighter เล่นได้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน เท่านั้น

ติดตามแฟนเพจได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage



เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น

"เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น"



เนื้อหา: ฤดูหนาวของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ มีเทศกาลและการจัดกิจกรรมมากมายหลายแห่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องความหนาวแล้วไปเที่ยวสนุกกันดีกว่า

ข้อมูลโดยรวม

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/1111/specialwinter.html


เทศกาลที่ญี่ปุ่น

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/location/festivals/index.html

ชื่องาน: Sapporo Snow Festival
เนื้อหา: Sapporo Snow Festival นับเป็นเทศกาลฤดูหนาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทัวร์ญี่ปุ่น ทุกปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนไปร่วมงาน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยี่ยมชมงานจำนวนประมาณ 5 หมื่นคนด้วย ที่นี่มีงานแกะสลักหิมะขนาดใหญ่และอลังการมากมายหลายชิ้นจัดแสดง
ช่วง:วันที่ 5-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013

วิธีไป:
สถานที่จัดงานแบ่งได้เป็น 3 แห่ง วิธีการเดินทางไปแตกต่างกันดังนี้
Odori: อยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Odori
Tsu-domu: นั่งรถรับส่งจากสถานีรถไฟใต้ดิน Sakae Machi
Susukino: อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินสถานี Susukino
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.snowfes.com/index.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.snowfes.com/english/index.html
ชื่องาน: Asahikawa Winter Festival
เนื้อหา:Asahikawa เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีสวนสัตว์ที่น่าไปเที่ยวอย่าง Asahiyama Zoo เทศกาล Asahikawa Winter ได้บันทึกลงในกินเนสบุ๊คว่า มีประติมากรรมที่สร้างจากหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีบันไดเลื่อนยักษ์ทำจากหิมะ และมีเวิร์คช้อปทำประติมากรรมจากหิมะด้วย
ช่วง:วันที่ 6-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟ JR ขบวนด่วนพิเศษ 1 ชั่วโมง 20 นาที เพื่อไปลงที่สถานี Asahikawa
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/
ภาษาอังกฤษ
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/index.htm#leaf
ชื่องาน:Shikaribetsuko Kotan
เนื้อหา:Kotan เป็นภาษาไอนุ แปลว่าหมู่บ้าน เทศกาลนี้จัดขึ้นบนทะเลสาบ Shikaribetsuko โดยมีการสร้างหมู่บ้านจำลองขึ้นมาบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง รวมทั้งมีน้ำพุร้อนกลางน้ำแข็ง บาร์น้ำแข็ง โบสถ์น้ำแข็ง โรงแรมน้ำแข็ง โรงงานน้ำแข็งด้วย ที่โรงงานทำน้ำแข็งมีกิจกรรมทำแก้วน้ำแข็งด้วยตนเองด้วยค่ะ นั่งกินเหล้าสาเกที่รินอยู่ในแก้วที่ทำขึ้นมาเองในขณะที่ดื่มด่ำกับหิมะและน้ำแข็งรอบๆตัวก็คงเป็นประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่น่าจดจำนะคะ
ช่วง:วันที่ 26 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Obihiro นั่งรถบัส Hokkaido Takushoku ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.gutabi.jp/spot/detail/1473
ภาษาอังกฤษ
http://www.japanican.com/special/eastern_hokkaido/index02.aspx
ชื่องาน:Yokote Kamakura
เนื้อหา:สัมผัสกับความอบอุ่นท่ามกลางหิมะ ใน Kamakura บ้านที่ทำขึ้นจากหิมะ
ช่วง:วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี Akita นั่งรถไฟสาย JR Oou Honsen? 55 นาที ลงที่สถานี Yokote
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.yokotekamakura.com/01_event/04_winter/kamakura_kaisai_h25.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/festival/kamakurasnow.html
ชื่องาน:Tokamachi Snow Festival
เนื้อหา: เทศกาลนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 62 ปี มีประติมากรรมหิมะซึ่งสร้างสรรโดยชาวเมืองเอง มีการแสดงแสงสีเสียง
ช่วง:17-19 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป: นั่งรถไฟสาย JR iiyama (Nagano-Echigo Kawaguchi) หรือ สาย Hokuetsu Kyuko (Echigo Yuzawa-Naoetsu) ลงที่สถานี Tokamachi
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://snowfes.jp/
ภาษาอังกฤษ
http://enjoyniigata.com/english/03/tokamachi-snow-festival.html

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ"

ทัวร์ญี่ปุ่น

11. สวนเค็นโรขุเอ็ง
ที่ตั้ง : เมืองคะนะซะวะ จังหวัดอิชิกะวะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR คานาซาว่า 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนเค็นโรกุเอนเป็นหนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่เที่ยวญี่ปุ่น ภายในมีต้นซากุระ 420 ต้น เมื่อถึงเวลาที่ดอกซากุระบานเต็มที่จะงดงามมาก นับว่าเป็นฤดูที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ดอกซากุระบาน จะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระขึ้น ซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ทั้งยังสามารถชมดอกซากุระยามราตรีได้อีกด้วยเค็นโรขุเอ็งคิขุซากุระซึ่งเป็นดอกซากุระหายาก ที่มีกลีบมากถึง 300 กลีบ ของที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

12. ชิระกะวะโก
ที่ตั้ง : โอโอโนะ – กุง จังหวัดกิฟุ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ทะคะยะมะ 90 นาที 
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : หมู่บ้านชิระกะวะโกตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่ชื่อว่ากัตโชทจึคุริซึ่งหมายถึง การสร้างหลังคาบ้านลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว แม้ว่าจะมีต้นซากุระอยู่ไม่มากนัก แต่ที่นี่ท่านจะได้ชมความงามของชิดาเระซากุระที่มีกิ่งย้อยลงด้านล่างและโอโอตะซากุระซึ่งเป็นซากุระที่มีกลีบซ้อนกันถึง 90 กลีบ และมีเกสรตัวเมียมากถึง 15-20 อัน

13. สวนผลไม้ โทโงขุชัง เมืองนาโงย่า
ที่ตั้ง : เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR โคโชจิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นชิดาเระซากุระอยู่ถึง 1,000 ต้น ในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกชิดาเระซากุระ แต่ไม่ใช่แค่ดอกซากุระเท่านั้น ที่นี่จะได้ชมต้นผลไม้นานาชนิด สมกับชื่อสวนในช่วงเวลาเดียวกับที่ซากุระผลิดอก ท่านจะได้เห็นดอกของแอปเปิ้ลสาลี่ และท้อที่บานในเวลาเดียวกัน 

14. คะวะซุซากุระ
ที่ตั้ง : คาโมะ – กุง จังหวัดชิสึโอกะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ คะวะซุ (รถไฟด่วนสายอิสึ) 6 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนกุมภาพันธ์ - ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลน่ารู้ : ซากุระของที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากผลิดอกเร็วที่สุดในเกาะฮอนชู ช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานยาวนานถึง 1 เดือน ซากุระที่นี่เริ่มผลิดอกตั้งแต ่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในเมืองคะวะซุจะมีการจัดเทศกาลชมดอกซากุระนานถึง 1 เดือน ซึ่งคะวะซุซากุระของที่นี่จะมีสีชมพูเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะเนื่องจากที่นี่มีน้ำพุร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอยากแนะนำให้ไปเที่ยวน้ำพุร้อนควบคู่กันไปด้วย

15. ทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ด้านเมืองโยชิดะ
ที่ตั้ง : เมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยะมะนะชิ 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากสถานีรถไฟ ฟูจิโยชิดะ (รถไฟด่วนสายฟูจิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : ท่านสามารถชมดอกซากุระบนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเที่ยวญี่ปุ่น ที่นี่มีซากุระพันธุ์ฟูจิซากุระปลูกอยู่ถึง 2 หมื่นต้นฟูจิซากุระมีอีกชื่อว่ามาเมะซากุระหรือโอโตเมะซากุระเป็นซากุระที่มีลำต้นและดอกขนาดเล็กดูน่ารัก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกฟูจิซากุระขึ้น 

16. สวนสาธารณะ ทากาโทโฮโจชิ
ที่ตั้ง : ทาคาโทโอะ – โจ จังหวัดนะงะโนะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR อินะชิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 250 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน สวนสาธารณะแห่งนี้จะจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระขึ้น ประมาณ 1 เดือน ในช่วงเวลาดังกล่าว ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรีได้ถึงเวลา 5 ทุ่ม ซากุระที่ มีชื่อเสียงมากของที่นี่คือ ซากุระพันธ์หายากที่ชื่อว่าทาคาโทโอโคอิงังซากุระซึ่งมีอยู่ถึง 1,500 ต้น ดอกของซากุระพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็กและมีสีเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะหากมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปตรงสะพานโออุงเคียว

17. หุบเขา นะงะโทโระ
ที่ตั้ง : จิจิบุ – กุง จังหวัดไซตามะ 
การเดินทาง : ใกล้สถานีรถไฟ นะงะโทโระ (รถไฟจิจิบุเท็ตจึโด)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : หุบเขานะงะโทโระอยู่ห่างจากโตเกียวทางรถยนต์ราว 2 ชั่วโมง ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน เนื่องจากมีซากุระปลูกอยู่เต็มไปหมดเกือบ 3,000 ต้น บรรยากาศของเมืองทั้งเมืองจึงเหมือนกับงานเทศกาลชมดอกซากุระ แต่ที่แนะนำเป็นพิเศษคือ ช่วงระยะทาง 4 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟ นะงะโทโระ เลียบริมแม่น้ำอะระงะวะไปจนถึงสะพานทากาชาโงะบาชิซึ่งมีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่สองข้างทางเป็นจำนวนถึง 600 ต้น จนดูเหมือนเป็นอุโมงค์ซากุระ

18. แม่น้ำ เมงุโระงะวะ
ที่ตั้ง : เขตเมงุโระ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ อิเคจิริโอโออาชิ (รถไฟสายโตคิวเต็นเอ็งโทชิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : แม่น้ำเมงุโระงะวะเป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่อ่าวโตเกียว มีความยาวราว 8 กิโลเมตร ทางเดินเลียบริมแม่น้ำส่วนหนึ่งระยะทาง 3.8 กิโลเมตร มีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่ถึง 830 ต้น เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน บริเวณดังกล่าวมักจะกลายเป็นสถานที่นัดพบของคู่รัก ในยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟ ทำให้สามารถเกินชมดอกซากุระยามราตรีได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ไดกังยะมะแหล่งแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากวัยรุ่นที่มาทัวร์ญี่ปุ่น ซึ่งคงจะเป็นที่ถูกใจผู้ชื่นชอบแฟชั่นแน่นอน 

19. สวนสาธารณะ อุเอะโนะ
ที่ตั้ง : เขตไทโต กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR อุเอะโนะ 1 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว และเป็นสถานที่เลื่องชื่อในการชมดอกซากุระมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เนื่องจากเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดที่ชาวโตเกียวสามารถมาชมซากุระได้ ปัจจุบัน
สวนสาธารณะแห่งนี้ จึงยังคงเป็นที่รักของชาวเมืองโตเกียวอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เมื่อถึงเทศกาลชมดอกซากุระวันที่แน่นขนัดมากๆ มีคนมาชมซากุระถึง 2 แสน 4 หมื่นคน สวนสาธารณะแห่งนี้หาง่าย แม้แต่ชาวต่างชาติก็สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก

20. จิโดริงาฟูจิ
ที่ตั้ง : เขตจิโยดะ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน คุดันชิตะ 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลและนิฮอนบุโดคันแม้จะมีต้นซากุระไม่มากนักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่ด้วยความสวยงามที่ไม่รองใคร วันที่แน่นขนัดมากๆจะมีคนมาชมถึง 6 หมื่นคน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระจะมีการประดับไฟ ภาพซากุระยามราตรีที่สะท้อนแสงไฟสีฟ้าขาว กระทบลงบนแผ่นน้ำหน้าพระราชวังอิมพีเรียล เป็นภาพที่น่าประทับใจไม่อาจลืม หากเช่าเรือล่องไปตามทางน้ำของพระราชวังชมดอกซากุระจะโรแมนติกไม่น้อย

21. หมู่บ้านซามูไร คะกุโนะดะเตะ
ที่ตั้ง : เมืองเช็มโบคุ จังหวัดอะกิตะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR คะคุโนดาเทะ 20 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ที่คะกุโนะดะเตะมีหมู่บ้านซามูไรอยู่ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ซากุระที่เลื่องชื่อของที่นี่คือชิดะเระซากุระภาพของชิดะเระซากุระที่ผลิดอกอยู่ในหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในฉากหนึ่งของภาพยนต์ ซึ่งที่นี่ก็ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์อยู่เรื่อยมา ต้นซากุระส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อน บางต้นมีอายุมากกว่า 300 ปีหากได้เดินอยู่ในหมู่บ้านซามูไร ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่โปรยปรายลงมา คงจะรู้สึกเหมือนได้เป็นซามูไรกับเขาด้วย

22. บริเวณรอบปราสาท ฮิโระซะกิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิโระซะกิ จังหวัดอะโนะโมะริ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ฮิโระซะกิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซะกุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : มีผู้คนเดินทางมาร่วมเทศกาลชมดอกซะกุระของปราสาทฮิโระซะกิ กันล้นหลามมากถึงปีละ 2 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2005 มีถึง 2,500,000 คน งานเทศกาลของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม สาเหตุที่ได้รับความนิยมมากป็นเพราะ ความงดงามของภาพดอกซากุระ ปราสาท และภูเขาอิวะกิ นอกจากโชเมอิโยชิโนะแล้วยังมีซากุระพันธุ์อื่นๆ เช่นชิดาเระซากุระ และยาเอะซากุระให้ได้ชมกันด้วย 

23. สวนสาธารณะ โกเรียวคะคุ
ที่ตั้ง : เมืองฮะโกะดะเตะ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ โกเรียวคะคุโคเอ็งมาเอะ (รถไฟฮะโกะดะเตะชิเต็น) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่เป็นที่แรกในทัวร์ญี่ปุ่นที่มีการสร้างปราสาทสไตล์ยุโรป ทั้งยังเป็นสมรภูมิรบในสงครามฮะโกะดะเตะซึ่งเป็นสงครามภายในครั้งสุดท้าย ลักษณะเด่นของที่นี่คือ หากมองจากข้างบนลงมาจะเห็นเป็นรูปร่างคล้ายดวงดาว ภาพซากุระที่สะท้อนบนผิวน้ำในคูรอบโกเรียวคาคุนั้น มีความงดงามมากใกล้ๆยังมีหอคอยโกเรียวคาคุที่สามารถชื่นชมภาพทิวทัศน์ซากุระจากด้านบนได้ 

24. สวนสาธารณะ มะทสุมะเอะ
ที่ตั้ง : มะทสุมะโอะ – โจ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากตัวเมือง ฮะโกะดะเตะ 2 ชั่วโมง
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ปลายเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่มีซากุระมากถึง 250 พันธุ์ แต่ที่มีมากที่สุดคือยะเอะซากุร ซึ่งมีอยู่ถึง 10,000 ต้น ดอกซากุระแต่ละชนิดจะค่อยๆเบ่งบานตามลำดับ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนทำให้สามารถชมดอกซากุระได้ตลอด 1 เดือนเต็ม ยิ่งไปกว่านั้น ที่ฮอกไกโดดอกซากุระและดอกบ๊วยจะบานพร้อมกัน จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกบ๊วยและดอกทสึบากิที่ศาลเจ้า มะทสุมะเอะภายในสวนได้ด้วย เทศกาลชมดอกซากุระของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนที่ปราสาทมะทสุมะเอะจะมีการประดับไฟยามค่ำคืน ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระยามราตรีได้ด้วย


ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ wonderfulweb