โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทัวร์ญี่ปุ่น แสดงบทความทั้งหมด

Hakone เมืองท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

Hakone เมืองท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น

Hakone Kora Park

เที่ยวญี่ปุ่น

เมื่อลองเดินตามถนนเลียบทางขึ้นรถไฟไปราวๆ 10 นาทีก่อนที่จะถึงสถานีโกร่า จะสังเกตุเห็นป้ายบอกทางไปยังสวนโกร่าปาร์ค (Gora Park) ที่ชี้ขึ้นไปบนเนินเขาสูงชัน ทำเอาเกือบจะถอดใจไปเหมือนกัน แต่ไหนๆก็อุส่าเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว จะถอยกลับก็คงไม่ได้ เอาเว๊ย ต้องลองสักครั้ง!! กว่าจะเดินถึงและกว่าจะหาทางเข้าเจอ ทำเอาท้อเหมือนกัน ภายในสวนโกร่าแห่งนี้เป็นสวนหินขนาดใหญ่ มีทั้งต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธ์ุ แล้วยังมีสระน้ำพุยักษ์ (Gigantic Fountain Pond)

Sounzan Cable Car

  หลังกจากที่เดินชมสวนโกร่าเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาลงเขาเพื่อไปขึ้นรถรางเคเบิ้ลคาร์ (Sounzan Cable Car) ซึ่งอยู่ที่สถานีโกร่า (Gora) เพื่อขึ้นไปยังสถานี Sounzan บนยอดเขาที่มีระดับความสูง 761 เมตรโดยประมาณ ตัวรถเคเลิ้ลนั้นจะมีเพียงแค่ 2 ตู้ ออกทุกๆ 15-30 นาที แล้วจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 นาที และจะแวะจอดตามสถานีเล็กๆตามรายทางที่ค่อยๆสูงขึ้นไปด้วย (ประมาณ 3-4 สถานีได้) ส่วนค่าโดยสารนั้นอยู่ที่คนละ 410 เยน ด้วยรถที่มีบริการจำกัดและนานๆก็จะออกที จัดทำให้บนรถอัดแน่นด้วยผู้โดยสารเหมือนปลากระป๋อง - -"




กระเช้าไฟฟ้า Hakone Ropeway


  จากสถานี Sounzan นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Rope way) ต่อไปอีก 7 นาทีก็จะมาถึงสถานีโอวาคุดานิ (Owakudani) ในระหว่างทางมองลงไปข้างล่างจะเห็นควันออกจากบ่อกำมะถันที่พวยพุ่งขึ้นมาจากภูเขา ที่โอวาคุดานิมีอาหารที่ขึ้นชื่อและเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ "ไขดำโอวาคุดานิ" แวะชิมไปด้วยในขณะที่นั่งกระเช้า กระเช้าสามารถรับผู้โดยสารได้ครั้งละ 8 คน


  หลังจากแวะชิมไข่ดำแล้วเปลี่ยนกระเช้า ในครั้งนี้จะเป็นกระเช้าที่จุได้ 4 คนเท่านั้น ผ่านสถานีอูบาโกะ (Ubako) ซึ่งไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 18 นาทีก็จะมาถึงสถานีโทเดนได (Todendai) เพื่อเตรียมจะลงเรือล่องในทะเลสาปอาชิต่อไป ประเทศญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น









ระหว่างทางบนกระเช้าและที่สถานีโอวาคุดานิ ท่องเที่ยวญี่ปุ่น จะอยู่ที่ระดับความสูงถึง 1,044 เมตร แล้วในวันที่อากาศแจ่มใสปรอดโปร่งก็สามารถที่จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนอีกด้วย สำหรับค่าโดยสารกระเช้าไฟฟ้าทั้งสองช่วงแบ่งเป็น เที่ยวเดียวราคาอยู่ที่ 1,330 เยน และแบบไป-กลับ อยู่ที่ 2,340 เยน

ขอบคุณข้อมูลจาก Wonderfulpackage.com
Cr.รูปภาพจาก Google

ภูเขาไฟฟูจิ - เที่ยวญี่ปุุ่น

ภูเขาไฟฟูจิ

ท่องเที่ยวญี่ปุ่น

  บริเวณของภูเขาฟูจิตั้งอยู่ในเขตชูบุ (Chubu) รายล้อมไปด้วยทะเลสาปยามานากะ คาวากูชิ ไซ โชจิและโมโตสึ ภูเขาไฟฟูจิเปรียบเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี เป็นภูเขาที่มีความงดงามด้วยรูปทรงกรวยที่สมส่วน บนยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดปี ผู้ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นต่างมุ่งตรงไปยังที่นี่หรือไม่ก็ชมอยู่ห่างๆก็พอใจแล้ว เพราะทางญี่ปุ่นให้สามารถปีนขึ้นไปได้ในช่วงเดือนกรกฏาคม - สิงหาคมเท่านั้น

เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่วัดฮาเสะเดระ - ญี่ปุ่น

เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่วัดฮาเสะเดระ - ญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น

จากวัดพระใหญ่เดินลงมาไม่ไกล มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ที่วัดฮาเสะ (Hasedera Temple) เห็นโคมไฟสีแดงใบใหญ่แขวนอยู่ตรงประตูทางเข้าวัด

เข้าไปด้านในวัดดูสวยงามด้วยการจัดสวนแบบญี่ปุ่น สระน้ำที่มีปลาคาร์ฟสวยๆว่ายอยู่ในบ่อ ต้นซากุระที่นี่กำลังออกดอกห้อยระย้าไม่เหมือนที่อื่น ก่อนที่จะขึ้นไปนมัสการองค์เจ้าแม่กวนอิมจะต้องแวะชมรูปปั้นหินเทวรูปหิน "จิโสะ" กันก่อนมีจำนวนกว่าพันองค์เลทีเดียว เทวรูหินเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่ออุทศให้แด่เด็กทารกที่เสียชีวิตจากการทำแท้ง เราจึงเห็นผ้าเอี๊ยมกับหมวกไหมพรมสีแดงสดใส่บนองค์เทวรูป

เดินขึ้นบันไดไปจึงจะถึงวิหารที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้หุ้มด้วยทององค์ใหญ่ปาง 11 พักตร์ สูงถึง 9.18 เมตร ใหญ่สุดในญี่ปุ่นรวมทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆประทับอยู่กลางแจ้งอีกหลายองค์


ที่มุมด้านหน้าของวิหารใหญ่เป็นจุดชมวิวสามารถมองเห็นชายฝั่งทะเลอ่าวซากะมิของเมืองคามาคุระจากตรงนี้ได้อย่างชัดเจน

ก่อนออกมาอย่าลืมไปมุดเข้าถ้ำ ภายในมีพุทธรูปเล็กๆองค์สีเหลืองตั้งเรียงรายอยู่หลายร้ององค์ บรรยากาศภายในดูร่มรื่นมาก ก่อนออกมามีแม่ชีคอยยืนส่งทางให้ด้วยเช่นกัน บริเวณด้านหน้าทางเข้าวัดมีร้านขายสินค้าที่ระลึกอยู่หลายร้านเลือกซื้อกันได้ตามสะดวก จากนั้นเดินไปขึ้นรถไฟสาย Enoden ที่สถานีฮาเสะที่อยู่ใกล้ๆกลับไปยังสถานีคามาคุระ

เที่ยวญี่ปุ่น

ค่าเข้าชมวัดฮาเสะ ผูใหญ่ 300 เยน เด็กอายุ 6-11 ปี 100 เยน
เวลาเปิดปิดให้เข้าชม ทุกวันเวลา 08.00-17.30น. (ในเดือนจุลาคม-กุมภาพันธ์ เปิดถึง 16.30น.)

ตั๋วโปรโมชั่นสำหรับเที่ยวชมเมืองคามาคุระ
1.Kamakura Enoshima Free Kippu สามารถใช้ขึ้นรถไฟของ JR,Enoden Line และ Shonan Monorail สามารถใช้เดินทางได้ไม่จำกัดในเมืองคามาคุระ รวมทั้งใช้เดินทางไป-กลับจากสถานีรถไฟ JR Yamanote สถานีไหนก็ได้ในโตเกียว ตั๋วมีอายุใช้งานได้ 2 วัน สามารถหาซื้อได้ตามตู้ขายตั๋วอัตโนมัติในสถานีรถไฟ JR ทุกแห่ง

*สำหรับผู้ที่มีบัตรโดยสาร JR Rail Pass สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่คามาคุระได้ เพียงแต่ต้องจ่ายค่าโดยสารรถไฟสาย Enoden หรือรถเมล์เพิ่มอีกหน่อย - เที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

Yokohama Landmark Tower ตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

Yokohama Landmark Tower ตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น


   ถ้าเราลองเดินออกมาจากสถานี JR Sakuragi-cho ก็จะสามารถมองเห็นตึกตั้งสูงเด่นเป็นตกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นมี 70 ชั้น มีความสูงที่ 296 เมตร โดยสามารถขึ้นลิฟท์ที่เร็วที่สุดในโลก (Sky Rockets) โดยขึ้นจากชั้นล่างสุดไปยังชั้นที่ 69 ใช้เวลาแค่เพียง 40 วินาทีเท่านั้นเองก็จะสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองโยโกฮาม่าได้ และในวันไหนที่สภาพอากาศแจ่มใส มีฟ้าโปร่งก็จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน

จากทางออกสถานีซากุระกิโจ จะมีทางเดินเชื่อมต่อตึก โดยทางผ่านจะเป็นศูนย์การค้า อาคาร Queen Tower ไปสิ้นสุดที่ Queen's Square เป็นช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ติดกับอ่าวโยโกฮาม่า และถ้าเดินต่อไปอีกนิดก็จะมี Pacifico Yokohama เป็นศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ พร้อมด้วยโรงแรมหรู Grand Intercontinental Hotel ระดับห้าดาว เป็นรูปทรงเรือใบตั้งอยู่



*Sky Garden เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น อยู่บนชั้นที่ 69 ตึก Yokohama Landmark Tower 
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เยาวชน 800 เยน และเด็ก 500 เยน
เวลาเปิด-ปิด เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. (วันเสาร์เปิดถึง 22.00 น.) ทัวร์ญี่ปุ่น


เมืองหลวงเดิมของญี่ปุ่น-คามาคุระ

เมืองหลวงเดิมของญี่ปุ่น-คามาคุระ

คามาคุระ

ถึงแม้ว่าสถานีรถไฟใหญ่ของเมืองจะเป็นสถานีคามาคุระ (Kamakura) แต่เราควรจะเริ่มต้นที่สถานี Kita-Kamakura (Kita แปลว่าทิศเหนือ) เพราะสถานที่ท่องเที่ยวจะเริ่มมาจากสถานีนี้ จากนั้นจึงไปเที่ยวต่อบริเวณใกล้ๆสถานีรถไฟฮาเสะ (Hase Station) ด้วยรถไฟสาย Enoden Line หรือรถบัส จะได้ไม่ต้องย้อนกลับไปมา

ญี่ปุ่น


คามาคุระเป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรราวๆสองแสนคน แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีวัดไม่ต่ำกว่า 65 แห่ง ศาลเจ้าอีก 19 แห่ง เพราะสมัยก่อนนั้นเมืองคามาคุระเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นมาก่อนถึง 141 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 1735 ช่วงนั้นพุทธศาสนากำลังเจริญรุ่งเรืองมากโดยมีท่านโชกุนมินาโมโตะ โน โยริโมโต้ ซึ่งเป็นผู้สถาปนาคามาคุระขึ้นเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่

เที่ยวญี่ปุ่น


คามาคุระถูกรุกรานจากมองโกเลียช่วงราชวงศ์หยวนถึง 2 ครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไปทุกครั้งจากภัยธรรมชาติใต้ฝุ่น ละเรื่องนี้เองก็ได้เล่าขานกันต่อมาจนถึงปัจจุบันว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระใหญ่ที่ช่วยปกป้องรักษาเมืองแห่งนี้เอาไว้นั่นเอง....




ขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวและทัวร์ญี่ปุ่นจาก Wonderfulpackage.com
ติดตามเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage

ขึ้นรถไฟญี่ปุ่นใครว่ายาก

ขึ้นรถไฟญี่ปุ่นใครว่ายาก


   หลายคนคงอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นซักครั้งในชีวิตกันใช่มั้ยคะ แต่ถ้าไปกับทัวร์ญี่ปุ่นเองก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครที่อยากไปผจญภัยด้วยตัวเอง แค่พูดฟังภาษาอังกฤษก็ยังดำน้ำ แล้วจะไปพูดไปฟัง หรือไปอ่านภาษาญี่ปุ่นเนี่ยนะ ตายดีกว่าาาา หยุดก่อนค่ะ ของให้หยุดความคิดเหล่านั้นไว้เลย วันนี้เรามีเทคนิคเล็กๆน้อยในการขึ้นรถไฟญี่ปุ่นกันค่ะ รับรองพออ่านบทความนี้จบแล้วไม่กลัวหลงอีกต่อไป

สิ่งแรกสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราหลังจากที่ลงเครื่องบินมาแล้วนั้นก็คงต้องอยากขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายที่ต้องการกันใช่ไหมคะ แต่เราไม่สามารถอ่านภาษาญี่ปุ่นออกเลยนะ? จะทำยังไงดี? ข้อแนะนำในการดูป้ายสัญลักษณ์ต่างๆของรถไฟชินคันเซ็น โดยหลักๆแล้วจะมีทั้งหมด 3 ป้ายดังนี้

1.ป้ายขบวน Nozomi


ป้ายนี้เป็นป้ายที่ติดอยู่ข้างขบวนรถไฟค่ะ เป็นป้ายสีเหลือง เริ่มต้นที่สถานี Nozomi ปลายทางอยู่ที่ Shin-Osaka ค่ะ

2.ป้ายขบวน Hiraki - Okayama


ป้ายนี้เป็นป้ายสีแดง ซึ่งเริ่มที่สถานี Hikari ปลายทางที่ Okayama

3.ป้ายขบวน Kodama - Nagoya


ป้ายสุดท้ายเป็นสีฟ้าหรือ/น้ำเงิน สถานีเริ่มที่ Kodama และปลายทางสิ้นสุดที่ Nagoya ค่ะ

นอกจากป้ายที่อยู่ข้างขบวนรถไฟแล้วยังมีอีกป้ายที่เป็นจุดสังเกตุเห็นได้ง่ายเหมือนกันค่ะ นั่นคือ ป้ายแขวนบอกเวลาเดินรถไฟค่ะ โดยเ้จาป้ายนี้จะบอกว่า ขบวนรถไหนกำลังจะมา จะมาถึงกี่โมง ปลายทางต่อไปจะไปไหนค่ะ


ถ้ายังไม่แน่ใจยังมีป้ายอยู่ตรงพื้นบอกอีกด้วยค่ะ โดยตรงพื้นนั้นจะบอกว่าถ้าเรายืนรอตรงจุดนี้จะตรงกับขบวนอะไร ตู้ที่เท่าไหร่ (ละเอียดมากค่ะ) ......คราวนี้เพื่อนๆที่อยากจะลองขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นเองนั้นคงอุ่นใจขึ้นเยอะเลยใช่ไหมคะ ไว้คราวหน้ามีเรื่องเล่าอะไรแปลกๆสนุกๆนำมาฝากกันอีก คอยติดตามกันด้วยนะคะ ซาโยนาระ!!!


ขอขอบคุณเรื่องเล่าและข้อมูลดีๆจาก Wonderfulpackage.com
สามารถติดตามแฟนเพจได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage & twitter.com/wonderfulweb

ท่องเที่ยวญี่ปุ่นชิมราเมนต้นตำหรับ

ท่องเที่ยวญี่ปุ่นชิมราเมนต้นตำหรับ

เที่ยวญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะเพื่อนๆในคราวที่แล้วเราก็ได้รู้จักกับพิพิธภัณฑ์ราเมนแสนอร่อยที่เมืองโยโกฮาม่าประเทศญี่ปุ่น (Shin Yokohama Ramen Museum) ซึ่งทางเราก็มีโอกาศได้ไปทัวร์ญี่ปุ่นขอพยายามที่จะหาเรื่องราวสนุกๆแปลกใหม่ตอนที่ได้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาฝากกันค่ะ ในวันนี้จะเล่าถึงประวัติของราเมนกันสักเล็กน้อย เพื่อเวลาท่านได้ไปรับประทานจะได้เข้าใจและอิ่มอร่อยได้ยิ่งขึ้้นค่ะ

"ราเมน" หรือ "ราเม็ง" (Raumen,Ramen) มีความหมายว่าเส้นบะหมี่ที่นำมาต้มแล้วใส่น้ำแกงลงไป มีการตั้งข้อสันนิฐานกันว่าราเมนนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน และก็ได้แพร่หลายในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จนคิดได้ว่าเป็นราเมนสูตรเฉพาะของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อด้วยความอร่อยและความพิถีพิถันในการทำอย่างมาก จึงไม่แปลกเลยที่จะกลายมาเป็นอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างนึงของญี่ปุ่นค่ะ 

ทัวร์ญี่ปุ่น

ปัจจุบันนั้นมีราเมนที่เป็นแบบกึ่งสำเร็จรูปเหมือนกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไป มีขายทั้งเครื่องหยอดเหรียญ และตามร้านสะดวกซื้อมากมายค่ะ

*การเดินทางไปยังพิพธภัณฑ์ราเมน (Shin Yokohama Ramen Museum) สามารถเดินทางได้ดังนี้
- จากสถานี Shin Yokohama เดินขึ้นมาจากสถานีประมาณ 5 นาทีก็จะพบพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 300 เยน
- เด็ก 100 เยน
เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00น. - 23.00 น. (กรุณาเข้าก่อน 22.00น.)



ขอขอบคุณข้อมูลทัวร์ญี่ปุ่นและสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นจาก wonderfulpackage.com ค่ะ

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

ญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางง่ายๆจากกรุงโตเกียวไปยังโยโกฮาม่า มีหลากหลายเส้นทางแต่ในวันนี้จะขอแนะนำวิธีที่สะดวกที่สุดอีกหนึ่งเส้นทางดังนี้
1.จากสถานีโตเกียว ให้นั่งJR Keihin-Tohoku Line หรือ JR Yokosuka Line มาถึงสถานีโยโกฮาม่าโดยใช้เวลาประมาณ 25-40 นาทีค่าโดยสาร 450 เยน ให้เลือกนั่งขบวน Rapid หรือ Limited Express ค่ะ ซึ่งจะมีรถออกทุกๆ 5-10 นาที
2.จากสถานีชินจูกุ นั่งJR Shonan Shinjuku Line ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 540 เยน มีรถออกทุก 20-30 นาที
3.จากสถานีชิบูย่า นั่ง Tokyo Toyoko Line/Minato Line ถึงสถานีโยโกฮาม่าใช้เวลา 25-40 นาที ค่าโดยสาร 260 เยนรถออกทุก 10 นาที
4.จากสถานีโตเกียวนั่ง JR Tokaido Shinkansen ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลาประมาณ20นาที มีรถออกทุกๆ 20-40 นาที
5.จากสถานี Shin-Yokohama สามารถเดินทางไปยังสถานีโยโกฮาม่าได้โดยนั่ง Yokohama Subway ใช้เวลาประมาณ 12 นาที

ขอบคุณข้อมูลจาก facebook.com/wonderfulfanpage

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทจึยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาท "ทจึยะมะ" ปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของญี่ปุ่นในแต่ละปีเมื่อถึงฤดู ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น


การเมืองการปกครอง 

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะประเทศญี่ปุ่นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิทรงเป็นประมุข แต่พระจักรพรรดิไม่มีพระราชอำนาจในการบริหารประเทศ โดยมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ อำนาจการปกครองส่วนใหญ่ตกอยู่กับนายกรัฐมนตรีและสมาชิกอื่น ๆ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนอำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของชาวญี่ปุ่น พระจักรพรรดิทรงทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐในพิธีการทางการทูต พระองค์ปัจจุบันคือจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ส่วนรัชทายาทคือมกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลสูงสุดของญี่ปุ่นองค์กรนิติบัญญัติของญี่ปุ่น คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ญี่ปุ่น: 国会 Kokkai ?) หรือที่เรียก "ไดเอ็ต" เป็นระบบสองสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (ญี่ปุ่น: 衆議院 Shugi-in ?) เป็นสภาล่าง มีสมาชิกสี่ร้อยแปดสิบคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งสี่ปี และมนตรีสภา (ญี่ปุ่น: 参議院 Sangi-in ?) เป็นสภาสูง มีสมาชิกสองร้อยสี่สิบสองคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งหกปี โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกมนตรีสภาจำนวนครึ่งหนึ่งสลับกันไปทุกสามปี สมาชิกของสภาทั้งสองมาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์เป็นต้นไปพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นพรรครัฐบาลมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งพรรคใน พ.ศ. 2498จนในปี พ.ศ. 2552 พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้ง จึงทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียตำแหน่งพรรครัฐบาลซึ่งครองมายาวนานกว่า 54 ปี ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

หัวหน้ารัฐบาล นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีและให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายนะโอะโตะ คัง หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น ระบบกฎหมายของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทางประวัติศาสตร์จากกฎหมายของจีน และมีพัฒนาการเฉพาะตัวในยุคเอโดะผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ประมวลกฎหมายคุจิกะตะโอะซะดะเมะงากิ (ญี่ปุ่น: 公事方御定書) ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษ 2400 เป็นต้นมา ได้มีการวางรากฐานระบบตุลาการในญี่ปุ่นขนานใหญ่โดยใช้ระบบซีวิลลอว์ของยุโรปโดยเฉพาะของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นต้นแบบ เช่นใน พ.ศ. 2439 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งของตน เรียก "มินโป" (ญี่ปุ่น: 民法) โดยมีประมวลกฎหมายแพ่งของเยอรมันเป็นต้นแบบ และคงมีผลใช้บังคับอยู่นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบัน และบรรดากฎหมายแม่บทของญี่ปุ่นมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้ตรา พระจักรพรรดิเป็นผู้ทรงประกาศใช้โดยต้องทรงประทับพระราชลัญจกรเป็นการประกาศใช้ ทั้งนี้ โดยนิตินัยแล้วพระจักรพรรดิไม่ทรงมีพระราชอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ส่วนศาลของญี่ปุ่นนั้นแบ่งเป็นสามชั้นจากต่ำขึ้นไป ดังนี้ ศาลชั้นต้น ประกอบด้วย ศาลชั้นต้นทั่วไป ศาลแขวง "รปโป" (ญี่ปุ่น: 六法) มีสภาพเป็นประมวลกฎหมายที่สำคัญหกฉบับ เรื่องสนุกๆรออยู่ที่wonderfulpackage

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่ 



แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485 ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตกและทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลินเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประณามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941

ระเบิดนิวเคลียร์แฟทแมนที่ถูกทิ้งลงนะงะซะกิในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ 


ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 , 9 และ  15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี 1956 หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตกเศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551 ข้อมูลมากมายที่นี่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา


วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมากเที่ยวญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จทัวร์ญี่ปุ่น

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้นความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลงที่นี่

เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น

"เทศกาลหิมะของญี่ปุ่น"



เนื้อหา: ฤดูหนาวของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ มีเทศกาลและการจัดกิจกรรมมากมายหลายแห่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องความหนาวแล้วไปเที่ยวสนุกกันดีกว่า

ข้อมูลโดยรวม

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/indepth/exotic/JapanesQue/1111/specialwinter.html


เทศกาลที่ญี่ปุ่น

เว็บไซต์

ภาษาอังกฤษ

http://www.jnto.go.jp/eng/location/festivals/index.html

ชื่องาน: Sapporo Snow Festival
เนื้อหา: Sapporo Snow Festival นับเป็นเทศกาลฤดูหนาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในทัวร์ญี่ปุ่น ทุกปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคนไปร่วมงาน โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเยี่ยมชมงานจำนวนประมาณ 5 หมื่นคนด้วย ที่นี่มีงานแกะสลักหิมะขนาดใหญ่และอลังการมากมายหลายชิ้นจัดแสดง
ช่วง:วันที่ 5-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013

วิธีไป:
สถานที่จัดงานแบ่งได้เป็น 3 แห่ง วิธีการเดินทางไปแตกต่างกันดังนี้
Odori: อยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Odori
Tsu-domu: นั่งรถรับส่งจากสถานีรถไฟใต้ดิน Sakae Machi
Susukino: อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินสถานี Susukino
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.snowfes.com/index.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.snowfes.com/english/index.html
ชื่องาน: Asahikawa Winter Festival
เนื้อหา:Asahikawa เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีสวนสัตว์ที่น่าไปเที่ยวอย่าง Asahiyama Zoo เทศกาล Asahikawa Winter ได้บันทึกลงในกินเนสบุ๊คว่า มีประติมากรรมที่สร้างจากหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีบันไดเลื่อนยักษ์ทำจากหิมะ และมีเวิร์คช้อปทำประติมากรรมจากหิมะด้วย
ช่วง:วันที่ 6-11 เดือนกุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟ JR ขบวนด่วนพิเศษ 1 ชั่วโมง 20 นาที เพื่อไปลงที่สถานี Asahikawa
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/
ภาษาอังกฤษ
http://www.city.asahikawa.hokkaido.jp/files/kankou/awf/index.htm#leaf
ชื่องาน:Shikaribetsuko Kotan
เนื้อหา:Kotan เป็นภาษาไอนุ แปลว่าหมู่บ้าน เทศกาลนี้จัดขึ้นบนทะเลสาบ Shikaribetsuko โดยมีการสร้างหมู่บ้านจำลองขึ้นมาบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง รวมทั้งมีน้ำพุร้อนกลางน้ำแข็ง บาร์น้ำแข็ง โบสถ์น้ำแข็ง โรงแรมน้ำแข็ง โรงงานน้ำแข็งด้วย ที่โรงงานทำน้ำแข็งมีกิจกรรมทำแก้วน้ำแข็งด้วยตนเองด้วยค่ะ นั่งกินเหล้าสาเกที่รินอยู่ในแก้วที่ทำขึ้นมาเองในขณะที่ดื่มด่ำกับหิมะและน้ำแข็งรอบๆตัวก็คงเป็นประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่น่าจดจำนะคะ
ช่วง:วันที่ 26 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2013
วิธีไป:จากสถานี JR Obihiro นั่งรถบัส Hokkaido Takushoku ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.gutabi.jp/spot/detail/1473
ภาษาอังกฤษ
http://www.japanican.com/special/eastern_hokkaido/index02.aspx
ชื่องาน:Yokote Kamakura
เนื้อหา:สัมผัสกับความอบอุ่นท่ามกลางหิมะ ใน Kamakura บ้านที่ทำขึ้นจากหิมะ
ช่วง:วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป:จากสถานี Akita นั่งรถไฟสาย JR Oou Honsen? 55 นาที ลงที่สถานี Yokote
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://www.yokotekamakura.com/01_event/04_winter/kamakura_kaisai_h25.html
ภาษาอังกฤษ
http://www.jnto.go.jp/eng/location/spot/festival/kamakurasnow.html
ชื่องาน:Tokamachi Snow Festival
เนื้อหา: เทศกาลนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 62 ปี มีประติมากรรมหิมะซึ่งสร้างสรรโดยชาวเมืองเอง มีการแสดงแสงสีเสียง
ช่วง:17-19 กุมภาพันธ์ 2013
วิธีไป: นั่งรถไฟสาย JR iiyama (Nagano-Echigo Kawaguchi) หรือ สาย Hokuetsu Kyuko (Echigo Yuzawa-Naoetsu) ลงที่สถานี Tokamachi
เว็บไซต์
ภาษาญี่ปุ่น
http://snowfes.jp/
ภาษาอังกฤษ
http://enjoyniigata.com/english/03/tokamachi-snow-festival.html

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ"

ทัวร์ญี่ปุ่น

11. สวนเค็นโรขุเอ็ง
ที่ตั้ง : เมืองคะนะซะวะ จังหวัดอิชิกะวะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR คานาซาว่า 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนเค็นโรกุเอนเป็นหนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่เที่ยวญี่ปุ่น ภายในมีต้นซากุระ 420 ต้น เมื่อถึงเวลาที่ดอกซากุระบานเต็มที่จะงดงามมาก นับว่าเป็นฤดูที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ดอกซากุระบาน จะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระขึ้น ซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ทั้งยังสามารถชมดอกซากุระยามราตรีได้อีกด้วยเค็นโรขุเอ็งคิขุซากุระซึ่งเป็นดอกซากุระหายาก ที่มีกลีบมากถึง 300 กลีบ ของที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

12. ชิระกะวะโก
ที่ตั้ง : โอโอโนะ – กุง จังหวัดกิฟุ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ทะคะยะมะ 90 นาที 
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : หมู่บ้านชิระกะวะโกตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่ชื่อว่ากัตโชทจึคุริซึ่งหมายถึง การสร้างหลังคาบ้านลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว แม้ว่าจะมีต้นซากุระอยู่ไม่มากนัก แต่ที่นี่ท่านจะได้ชมความงามของชิดาเระซากุระที่มีกิ่งย้อยลงด้านล่างและโอโอตะซากุระซึ่งเป็นซากุระที่มีกลีบซ้อนกันถึง 90 กลีบ และมีเกสรตัวเมียมากถึง 15-20 อัน

13. สวนผลไม้ โทโงขุชัง เมืองนาโงย่า
ที่ตั้ง : เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR โคโชจิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นชิดาเระซากุระอยู่ถึง 1,000 ต้น ในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกชิดาเระซากุระ แต่ไม่ใช่แค่ดอกซากุระเท่านั้น ที่นี่จะได้ชมต้นผลไม้นานาชนิด สมกับชื่อสวนในช่วงเวลาเดียวกับที่ซากุระผลิดอก ท่านจะได้เห็นดอกของแอปเปิ้ลสาลี่ และท้อที่บานในเวลาเดียวกัน 

14. คะวะซุซากุระ
ที่ตั้ง : คาโมะ – กุง จังหวัดชิสึโอกะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ คะวะซุ (รถไฟด่วนสายอิสึ) 6 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนกุมภาพันธ์ - ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลน่ารู้ : ซากุระของที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากผลิดอกเร็วที่สุดในเกาะฮอนชู ช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานยาวนานถึง 1 เดือน ซากุระที่นี่เริ่มผลิดอกตั้งแต ่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในเมืองคะวะซุจะมีการจัดเทศกาลชมดอกซากุระนานถึง 1 เดือน ซึ่งคะวะซุซากุระของที่นี่จะมีสีชมพูเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะเนื่องจากที่นี่มีน้ำพุร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอยากแนะนำให้ไปเที่ยวน้ำพุร้อนควบคู่กันไปด้วย

15. ทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ด้านเมืองโยชิดะ
ที่ตั้ง : เมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยะมะนะชิ 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากสถานีรถไฟ ฟูจิโยชิดะ (รถไฟด่วนสายฟูจิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : ท่านสามารถชมดอกซากุระบนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเที่ยวญี่ปุ่น ที่นี่มีซากุระพันธุ์ฟูจิซากุระปลูกอยู่ถึง 2 หมื่นต้นฟูจิซากุระมีอีกชื่อว่ามาเมะซากุระหรือโอโตเมะซากุระเป็นซากุระที่มีลำต้นและดอกขนาดเล็กดูน่ารัก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกฟูจิซากุระขึ้น 

16. สวนสาธารณะ ทากาโทโฮโจชิ
ที่ตั้ง : ทาคาโทโอะ – โจ จังหวัดนะงะโนะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR อินะชิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 250 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน สวนสาธารณะแห่งนี้จะจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระขึ้น ประมาณ 1 เดือน ในช่วงเวลาดังกล่าว ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรีได้ถึงเวลา 5 ทุ่ม ซากุระที่ มีชื่อเสียงมากของที่นี่คือ ซากุระพันธ์หายากที่ชื่อว่าทาคาโทโอโคอิงังซากุระซึ่งมีอยู่ถึง 1,500 ต้น ดอกของซากุระพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็กและมีสีเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะหากมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปตรงสะพานโออุงเคียว

17. หุบเขา นะงะโทโระ
ที่ตั้ง : จิจิบุ – กุง จังหวัดไซตามะ 
การเดินทาง : ใกล้สถานีรถไฟ นะงะโทโระ (รถไฟจิจิบุเท็ตจึโด)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : หุบเขานะงะโทโระอยู่ห่างจากโตเกียวทางรถยนต์ราว 2 ชั่วโมง ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน เนื่องจากมีซากุระปลูกอยู่เต็มไปหมดเกือบ 3,000 ต้น บรรยากาศของเมืองทั้งเมืองจึงเหมือนกับงานเทศกาลชมดอกซากุระ แต่ที่แนะนำเป็นพิเศษคือ ช่วงระยะทาง 4 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟ นะงะโทโระ เลียบริมแม่น้ำอะระงะวะไปจนถึงสะพานทากาชาโงะบาชิซึ่งมีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่สองข้างทางเป็นจำนวนถึง 600 ต้น จนดูเหมือนเป็นอุโมงค์ซากุระ

18. แม่น้ำ เมงุโระงะวะ
ที่ตั้ง : เขตเมงุโระ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ อิเคจิริโอโออาชิ (รถไฟสายโตคิวเต็นเอ็งโทชิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : แม่น้ำเมงุโระงะวะเป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่อ่าวโตเกียว มีความยาวราว 8 กิโลเมตร ทางเดินเลียบริมแม่น้ำส่วนหนึ่งระยะทาง 3.8 กิโลเมตร มีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่ถึง 830 ต้น เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน บริเวณดังกล่าวมักจะกลายเป็นสถานที่นัดพบของคู่รัก ในยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟ ทำให้สามารถเกินชมดอกซากุระยามราตรีได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ไดกังยะมะแหล่งแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากวัยรุ่นที่มาทัวร์ญี่ปุ่น ซึ่งคงจะเป็นที่ถูกใจผู้ชื่นชอบแฟชั่นแน่นอน 

19. สวนสาธารณะ อุเอะโนะ
ที่ตั้ง : เขตไทโต กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR อุเอะโนะ 1 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว และเป็นสถานที่เลื่องชื่อในการชมดอกซากุระมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เนื่องจากเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดที่ชาวโตเกียวสามารถมาชมซากุระได้ ปัจจุบัน
สวนสาธารณะแห่งนี้ จึงยังคงเป็นที่รักของชาวเมืองโตเกียวอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เมื่อถึงเทศกาลชมดอกซากุระวันที่แน่นขนัดมากๆ มีคนมาชมซากุระถึง 2 แสน 4 หมื่นคน สวนสาธารณะแห่งนี้หาง่าย แม้แต่ชาวต่างชาติก็สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก

20. จิโดริงาฟูจิ
ที่ตั้ง : เขตจิโยดะ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน คุดันชิตะ 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลและนิฮอนบุโดคันแม้จะมีต้นซากุระไม่มากนักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่ด้วยความสวยงามที่ไม่รองใคร วันที่แน่นขนัดมากๆจะมีคนมาชมถึง 6 หมื่นคน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระจะมีการประดับไฟ ภาพซากุระยามราตรีที่สะท้อนแสงไฟสีฟ้าขาว กระทบลงบนแผ่นน้ำหน้าพระราชวังอิมพีเรียล เป็นภาพที่น่าประทับใจไม่อาจลืม หากเช่าเรือล่องไปตามทางน้ำของพระราชวังชมดอกซากุระจะโรแมนติกไม่น้อย

21. หมู่บ้านซามูไร คะกุโนะดะเตะ
ที่ตั้ง : เมืองเช็มโบคุ จังหวัดอะกิตะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR คะคุโนดาเทะ 20 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ที่คะกุโนะดะเตะมีหมู่บ้านซามูไรอยู่ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ซากุระที่เลื่องชื่อของที่นี่คือชิดะเระซากุระภาพของชิดะเระซากุระที่ผลิดอกอยู่ในหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในฉากหนึ่งของภาพยนต์ ซึ่งที่นี่ก็ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์อยู่เรื่อยมา ต้นซากุระส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อน บางต้นมีอายุมากกว่า 300 ปีหากได้เดินอยู่ในหมู่บ้านซามูไร ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่โปรยปรายลงมา คงจะรู้สึกเหมือนได้เป็นซามูไรกับเขาด้วย

22. บริเวณรอบปราสาท ฮิโระซะกิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิโระซะกิ จังหวัดอะโนะโมะริ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ฮิโระซะกิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซะกุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : มีผู้คนเดินทางมาร่วมเทศกาลชมดอกซะกุระของปราสาทฮิโระซะกิ กันล้นหลามมากถึงปีละ 2 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2005 มีถึง 2,500,000 คน งานเทศกาลของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม สาเหตุที่ได้รับความนิยมมากป็นเพราะ ความงดงามของภาพดอกซากุระ ปราสาท และภูเขาอิวะกิ นอกจากโชเมอิโยชิโนะแล้วยังมีซากุระพันธุ์อื่นๆ เช่นชิดาเระซากุระ และยาเอะซากุระให้ได้ชมกันด้วย 

23. สวนสาธารณะ โกเรียวคะคุ
ที่ตั้ง : เมืองฮะโกะดะเตะ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ โกเรียวคะคุโคเอ็งมาเอะ (รถไฟฮะโกะดะเตะชิเต็น) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่เป็นที่แรกในทัวร์ญี่ปุ่นที่มีการสร้างปราสาทสไตล์ยุโรป ทั้งยังเป็นสมรภูมิรบในสงครามฮะโกะดะเตะซึ่งเป็นสงครามภายในครั้งสุดท้าย ลักษณะเด่นของที่นี่คือ หากมองจากข้างบนลงมาจะเห็นเป็นรูปร่างคล้ายดวงดาว ภาพซากุระที่สะท้อนบนผิวน้ำในคูรอบโกเรียวคาคุนั้น มีความงดงามมากใกล้ๆยังมีหอคอยโกเรียวคาคุที่สามารถชื่นชมภาพทิวทัศน์ซากุระจากด้านบนได้ 

24. สวนสาธารณะ มะทสุมะเอะ
ที่ตั้ง : มะทสุมะโอะ – โจ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากตัวเมือง ฮะโกะดะเตะ 2 ชั่วโมง
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ปลายเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่มีซากุระมากถึง 250 พันธุ์ แต่ที่มีมากที่สุดคือยะเอะซากุร ซึ่งมีอยู่ถึง 10,000 ต้น ดอกซากุระแต่ละชนิดจะค่อยๆเบ่งบานตามลำดับ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนทำให้สามารถชมดอกซากุระได้ตลอด 1 เดือนเต็ม ยิ่งไปกว่านั้น ที่ฮอกไกโดดอกซากุระและดอกบ๊วยจะบานพร้อมกัน จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกบ๊วยและดอกทสึบากิที่ศาลเจ้า มะทสุมะเอะภายในสวนได้ด้วย เทศกาลชมดอกซากุระของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนที่ปราสาทมะทสุมะเอะจะมีการประดับไฟยามค่ำคืน ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระยามราตรีได้ด้วย


ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ wonderfulweb

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอน1"

ไปทัวร์ญี่ปุ่น

1. สวนไดโนเสาร์ ซากุระจิมะ
ที่ตั้ง : เมืองคะโงะชิมะ จังหวัดคะโงะชิมะ
การเดินทาง : โดยเรือเฟอรี่ซากุระจิมะ จากท่าเรือคะโงะชิมะฮงโค (ใกล้สถานีรถไฟ JR คะโงะชิมะ) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : เป็นสวนสาธารณะบนภูเขาไฟ "ซากุระจิมะ" ซึ่งลอยอยู่ในอ่าว "คิงโค" ห่างจากฝั่งตัวเมือง คะโงะชิมะ 4 กิโลเมตร "ซากุระจิมะ" เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ปัจจุบันยังคงมีควันลอยออกมาจากปล่องอยู่ เมื่อต้นซากุระจำนวน 3,000 ต้นของที่นี่ผลิดอก ผู้คนจำนวนมาก จะเดินทางมาเพื่อนั่งชมดอกซากุระ บนสนามหญ้าของสวนสาธารณะแห่งนี้ นอกจากนั้นภายในสวนยังมีหุ่นจำลองไดโนเสาร์ 7 ชนิด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่เด็กๆ ต่างชื่นชอบ

2. บริเวณรอบๆปราสาท คุมะโมะโตะ
ที่ตั้ง : เมืองคุมะโมะโตะ จังหวัดคุมะโมะโตะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจําทางจาก สถานีรถไฟ JR คุมะโมะโตะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ปราสาทคุมะโมะโตะ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งในสามปราสาท ที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี หากได้เดินชมตัวปราสาทที่อาบแสงไฟ และดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว จะได้รับรู้ถึงกับความสุขกับบรรยากาศแสนโรแมนติก 

3. สะพานคินไตเคียว
ที่ตั้ง : เมืองอิวะกุนิจังหวัดยะมะงุจิ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิวะกุนิ หรือสถานีรถไฟ JR ชินอิวะกุนิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สะพานคินไตเคียวเป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่างจากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อเริ่มต้นเข้าเดือนเมษายนบริเวณรอบๆ สะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพานคินไตเคียวจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงฤดูชมดอกซากุระยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟด้วย กิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับที่นี่คือ การล่องเรือชมสะพานคินไตเคียวและดอกซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง 

4. สวนสาธารณะ ทสุรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทสุยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาททสุยะมะปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของประเทศ แนะนำไปทัวร์ญี่ปุ่นดีกว่าค่ะ

5. สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองมะทสุยะมะ จังหวัดเอะฮิเมะ 
การเดินทาง : ลงรถไฟสาย อิโยะเท็ตสึโด ที่สถานีไคโคโต แล้วต่อรถกระเช้าขึ้นไปอีก 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: นอกจากจังหวัดเอะฮิมะจะเป็นที่รู้จักในเรื่อง บ่อน้ำพุร้อนโดโงะ ดอกซากุระของปราสาทมะทสุยะมะมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามด้วย ในงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของมะทสุยะมะนอกจากจะได้ชมดอกซากุระแล้ว ยังจะได้ชมการจำลองจัดขบวนทัพของเหล่านักรบ ที่มีชื่อว่าไดเมียวเกียวเร็ตทจึและการแข่งขันเล่นยาคิวเค็งระดับประเทศด้วย

6. ปราสาท ฮิเมะจิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิเมะจิ จังหวัดเฮียวโงะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR ฮิเมจิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดโฮริวหยิที่นาราและปราสาทฮิเมะจิแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1993 ภายในตัวปราสาทนอกจากจะมีทรัพย์ สมบัติของชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าเก็บรักษาอยู่แล้ว 


7. โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเทมมาบาชิ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน (เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงหนึ่งสัปดาห์)
ข้อมูลน่ารู้ : เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาในโรงกษาปณ์ เพื่อชื่นชมความงามของดอกซากุระตามทางเดินริมน้ำ ที่มีชื่อว่าซากุระโนะโทโอรินุเคะได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีเท่านั้น จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาถึงปีละล้านกว่าคน ที่พลาดไม่ได้คือ การเดินผ่านถนนที่มีดอกซากุระปกคลุมอยู่ด้านบนเต็มไปหมด คล้ายกับกำลังเดินผ่านอุโมงค์ดอกซากุระ ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างงดงามสามารถเข้าชมได้จนถึงเวลา 3 ทุ่ม

8. สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซาก้า จังหวัดโอซาก้า 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน ทานิมาจิยนโจเมะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของปราสาทโอซาก้า ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ภายในสวนมีซากุระกว่า 600 ต้น เมื่อเข้าสู่ฤดูชมดอกซากุระ ที่นี่จะคับคั่งไปด้วยบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่พาครอบครัวมาเที่ยว เฉพาะในช่วงฤดูชมซากุระเท่านั้น ที่จะมีการประดับโคมไฟกระดาษกว่า 200 อัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมปราสาทโอซาก้า และดอกซากุระในยามค่ำคืนได้


9. วัดคิโยมิสึ
ที่ตั้ง : เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR เกียวโต ลงที่ป้าย คิโยมิสึ แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : วัดคิโยมิสึเป็นสัญลักษณ์ของเกียวโตเมืองหลวงเก่าของการไปเที่ยวญี่ปุ่น วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีก่อนปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในฤดูชมซากุระกลีบดอกจากต้นซากุระที่มีอยู่กว่า 1,000 ต้น ในวัดแห่งนี้จะโปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม ในช่วงที่ดอกซากุระบานทางวัดจะประดับไฟยามค่ำคืนเป็นเวลา 1 เดือน ท่านสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงาม ของลานคิโยมิสึบุโด และหอ 3 ชั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกซากุระ 


10. ภูเขา โยชิโนะ
ที่ตั้ง : โยชิโนะ – โจ จังหวัดนารา 
การเดินทาง: ใกล้สถานีรถไฟ โยชิโนะ (รถไฟคินเท็ตสึ สายโยชิโนะ)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นซากุระอยู่ถึง 30,000 ต้น มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังมีซากุระมากถึง 200 สายพันธุ์ ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระ ได้ตลอดเดือนเมษายน พื้นที่บนภูเขานั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วน จะมีช่วงที่ดอกซากุระบานไม่พร้อมกัน ของฝากที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ ขนมที่มีส่วนผสมของดอกและใบซากุระ.....

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้...ท่านที่สนใจเดินทางทัวร์ญี่ปุ่นสามารถติดตามอันดับที่เหลือได้ในคราวหน้าค่ะ


ติดตามแฟนเพจของเราได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ Twitter wonderfulweb

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

โยโกฮาม่าเมืองอุตสหกรรมและศูนย์กลางขนส่งทางทะเลของญี่ปุ่น เราได้ยินและคุ้นเคยกับเมืองโยโกฮาม่าของญี่ปุ่นเมืองนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเอง หรือคนไทยบ้านเราก็อยากที่จะเข้าไปทำงานและอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้หลายหมื่นคน

เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียวในเขตจังหวัดคากานาว่า (Kaganawa ken) โดยมีเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีคือเมืองคาวาซากิ (Kawasaki) คามาคุระ (Kamakura) รวมถึงฮาโกเน่ (Hakone)

โยโกฮาม่า เป็นเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เป็นเมืองศูนย์กลางการค้า อุตสาหกรรม แฟชั่นและการคมนาคมไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ

คาวาซากิ เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมหนัก ที่รู้จักกันดีคืออุตสาหกรรมโรงงานผลิตรถยี่ห้อ Kawasaki โรงงานผลิตรถไฟชินคังเซ็นที่วิ่งไปทั่วญี่ปุ่นก็มีฐานการผลิตอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้เห็นปล่องควันจากโรงงานต่างๆมากมายอยู่ตลอดเส้นทางที่จะต้องผ่านไปยังเมืองโยโกฮาม่านั่นเองค่ะ

ยังมีทัวร์ญี่ปุ่นที่น่าสนใจอยู่อีกมากมายติดตามได้ที่นี่เลยจ้า....

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

การเดินทางจากโตเกียวไปนิคโก้

เที่ยวญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางที่สะดวกง่ายดายที่สุดจากกรุงโตเกียว(ญี่ปุ่น) ไปยังเมืองแห่งความสงบเมืองนิคโก้มี 2แบบดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1
1.เดินทางโดยวิธีนั่งรถไฟสายโทบุ (Tobu Nikko Line)
ขึ้นจากสถานีโทบุ อาซากุสะ (Tobu Asakusa) นั่งไปยังสถานีนิคโก้ (Tobu Nikko) มีให้เลือกย่อยออกไปอีก2แบบด้วยกันคือขบวน Rapid ใช้เวลาเดินทาง 130 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 1,320 เยน และขบวน Limited Express ใช้เวลาเดินทาง 110 นาทีค่าโดยสารอยู่ที่ 2,620 เยน(ต้องไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี Omiya)

2.เดินทางโดยรถไฟ JR
ขึ้นจากสถานีโตเกียว หรือ อุเอโนะ (Ueno) นั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen มาลงที่สถานี Utsunomiya (50 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 4,600 เยน) แล้วจากนั้นต่อไปสาย JR Nikko ลงสถานี JR Nikko (40 นาที ค่าโดยสาร 740 เยน) ทั้งนี้สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ

วิธีที่ 2
นั่งโดยรถไฟร่วมระหว่าง Tobu กับ JR
จากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) หรืออิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) นั่งขบวน Direct Shinjuku-Nikko Limited Express ผ่านสถานี Omiya มาลงที่สถานี Tobu Nikko ใช้เวลาเดินทาง 120 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 3,900 เยน (ไม่สามารถใช้บัตร JR Rail Pass ได้ค่ะ)

เพื่ออำนวยความสะดวกและให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้เซฟค่าใช้จ่ายกันได้บ้าง จึงมีการออกตั๋วโปรโมชั่นให้เลือกหลายแบบ ดังต่อไปนี้
1.ตั๋ว All Nikko Pass ราคาผู้ใหญ่ 4,400 เยน เด็ก 2,210 เยน ใช้เดินทางไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa ถึงสถานี Tobu Nikko รวมทั้งใช้โดยสารรถไฟของ Tobu และรถบัสในเมืองนิคโก้รวมถึงบริเวณรอบนอกได้แบบไม่จำกัด ตั๋วมีอายุ 4 วัน โดยใช้เป็นส่วนลดในการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆได้
2.ตั๋ว World Heritage Pass ราคาผู้ใหญ่ 3,600 เยน เด็ก 1,700 เยนใช้โดยสารรถไฟไป-กลับจากสถานี Tobu Asakusa แล้วใช้โดยสารรไฟของ Tobu ในเมืองนิคโก้ได้ทุกสถานี แต่ใช้โดยสารรถบัสได้ระหว่างสถานีโทบุ นิคโก้ กับบริเวณแหล่งมรดกโลก (World Heritage Site) เท่านั้น ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยตั๋วมีอายุ 2 วัน 
*ขอแนะนำแบบนี้ค่ะ เพราะสามารถใช้เข้าชมโบราณสถานในบริเวณ World Heritage Site ได้

3.ตั๋ว Kinugawa Themepark Pass เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวญี่ปุ่นชมสวนสนุกทั้งสองแห่งคือ Edo Wonderland และ Tobu World Square ใช้เดินทางไป-กลับระหว่างสถานี Tobu Asakusa กับ Nikko รถไฟในเมืองนิคโก้และรถบัสรับส่งระหว่างสวนสนุกกับสถานีรถไฟเท่านั้น จึงไม่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ หรือแม้แต่คณะมากับทัวร์ญี่ปุ่นด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งควรที่จะไปเที่ยวชมแหล่งมรดกโลกและความงดงามของธรรมชาติมากกว่า หรือถ้ามีตั๋วทั้ง2แบบข้างต้นแล้วอยากที่จะไปเที่ยวชมสวนสนุกจริงๆ ค่อยซื้อตั๋วเข้าชมเป็นแห่งๆไป จะเหมาะกว่านะคะ

ตั๋วทุกแบบนั้นสามารถหาซื้อกันได้ที่สำนักงาน Tobu Sightseeing Service Center หรือ Tobu Travel ในสถานีรถไฟ Tobu Asakusa (ริมแม่น้ำซูมิดะ ใกล้ๆวัดอาซากุสะ) หรือสำนักงาน Tobu Travel ในสถานีรถไฟใหญ่ๆในกรุงโตเกียวค่ะ

*สำหรับผู้ที่มีตั๋ว JR Rail Pass แล้วควรใช้บัตรใบนี้ให้คุ้มค่าดีกว่าค่ะ

สุดยอด7สถานที่ในนิคโก้-ญี่ปุ่น

สุดยอด7สถานที่ในนิคโก้-ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

เมืองนิคโก้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีก ที่บริเวณทะเลสาปซูเซ็นจิอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเมือง ซึ่งถ้ามีเวลาควรหาโอกาสไปเที่ยวชม โดยเริ่มต้นนั่งรถเมล์ได้ที่หน้าสถานีรถไฟโทบุดังนี้

1.ทะเลสาปซูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) เป็นที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น โดยเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลราว 1,200 เมตร มองเห็นภูเขานันไต (Nantaisan) ได้อย่างชัดเจน มีทิวทัศน์ที่สวยงามในทุกฤดู
ทะเลสาปซูเซ็นจิ

2.น้ำตกเคง่อน (Kegon Waterfall) ความสูงของสายน้ำตก 99 เมตร สายน้ำไหลหล่นมาจากหน้าผาของแม่น้ำโอจิริ (Ojiri)
น้ำตกเคง่อน

3.วัดซูเซ็นจิ (Chuzenji Temple) เป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมพันกรที่แกะสลักขึ้นจากไม้สนซีด้าร์ ที่มีปลูกขึ้นมากมายในบริเวณนี้
วัดซูเซ็นจิ

4.บ่อน้ำพุร้อนซูเซ็นจิ (Chuzenji Hot Springs) มีร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมและเรียวกังที่ให้บริการบ่อน้ำร้อนออนเซ็น เหมาะสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นที่ไปเป็นหมู่คณะ
ออนเซ็นซูเซ็นจิ

5.ยูโมะโตะออนเซ็น (Yumoto-onsen) โรงแรมแบบญี่ปุ่นให้บริการบ่อน้ำร้อน ท่ามกลางธรรมชาติขุนเขาและทะเลสาป
ออนเซ็น

6.เมืองจำลอง Tobu World Square จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั่วโลกรวบรวมไว้ที่แห่งนี้ โดยค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็ก 1,200 เยน เปิดให้บริการทุกวัน 09.00-17.00 น.
Tobu World Square

7.สวนสนุก Edo Wonderland เมืองนินจา ภายในตกแต่งอาคารและถนนหนทางให้เหมือนสมัยเอโดะ มีการแสดงโชว์นินจา ขบวนพาเหรดย้อนยุคในชุดพื้นเมืองและกิโมโน
Edo Wonderland

ติดตามแฟนเพจ facebook.com/wonderfulfanpage
และ https://twitter.com/wonderfulweb

บ้านไม้อายุกว่า 200 ปี บ้านตระกูลดาเตะที่เซ็นได

"บ้านไม้อายุกว่า 200 ปี บ้านตระกูลดาเตะที่เซ็นได"

ทัวร์ญี่ปุ่น



บ้านตระกูลดาเตะ (Date clan’shouse)
แม้ปัจจุบันบ้านไม้อายุกว่า 200 ปีหลังนี้จะไม่ได้ตั้งอยู่บนสถานที่เดิมแล้ว เนื่องจากได้มีการโยกย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบัน แต่ก็ยังคงใช้วัสดุอุปกรณ์ของบ้านหลังเดิมเกือบทั้งหมดและแม้บ้านหลังดังกล่าวจะผันมาเปิดเป็นร้านอาหาร แต่ก็ยังคงอนุรักษ์และรักษาสภาพของการเป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลสำคัญของเมืองไว้เป็นอย่างดี โดยเป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นล่างเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศเพียบพร้อมด้วยอาหารชุดสุดหรู ปรุงแต่งอย่างปราณีต ส่วนชั้นบนยังคงเก็บรักษาสภาพของห้องทำงาน ห้องเก็บหนังสือ ห้องสมุด และห้องลับของเจ้าของบ้านซึ่งหลังจากชมห้องด้านบนแล้ว พนักงานประจำร้านยังพาเดินลงบันไดมายังห้องด้านล่างที่แบ่งทางเดินเป็น 2 ระดับ โดยระดับที่สูงกว่าเป็นทางเดินเฉพาะของเจ้าของบ้านส่วนทางเดินที่ต่ำลงมาเป็นทางดินของคนรับใช้และข้าทาสบริวาร

บ้านไม้หลังใหญ่นี้ยังมีสวนแบบญี่ปุ่นสวยๆที่จัดวางโต๊ะสำหรับพิธีชงชาไว้ด้านนอก ทำให้ผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของบ้านแบบญี่ปุ่นได้อย่างเข้าถึงและอิ่มเอม


ท่านสามรถดูโปรแกรมท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้ที่ "ทัวร์ญี่ปุ่น" ค่ะ

ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น

ความงดงามของวัดอิเอะมิตสุ ไทยูอิน - ญี่ปุ่น

เที่ยวญี่ปุ่น

ชมความงามของโบราณสถานมรดกโลกเสร็จแล้ว จะกลับมาขึ้นรถเมล์ตรงป้ายเดิมเพื่อจะได้ลงจากเขา หรือถ้าจะเดินไปทางซ้ายมือจากซุ้มขายตั๋วตรงปากทางเข้าวัดรินโนจิก็ได้ เที่ยวญี่ปุ่นต่อโดยลงเขาไปประมาณ10นาที ก็จะถึงสะพานชินเคียวที่ไม่ควรพลาดชม
เที่ยวญี่ปุ่น
สะพานโค้งสีแดงทอดข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) ตรงเชิงเขาปากทางขึ้นสู่แหล่งมรดกโลกที่เพิ่งไปชมมานี้มีชื่อว่าสะพานชินเคียว หรือสะพานอสรพิษคู่มีความยาว 28เมตร กว้าง7เมตร อยู่สูงจากระดับน้ำราวๆ10เมตร สร้างจากไม้โดยมีเสาหินรองรับน้ำหนัก ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของบรรดาสะพานไม้โบราณในการเดินทางไปทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ และสะพานแห่งนี้ก็จะทาด้วยสีแดงสด
ทัวร์ญี่ปุ่น

หากอยากเดินทางข้ามสะพานเพื่อเข้าไปชมความงดงามใกล้ๆต้องเสียค่าเข้าชม โดยผู้ใหญ่ 500 เยน เยาวชน 300 เยนและเด็ก 200 เยน แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเพียงแค่ยืนชมจากสะพานคอนกรีตที่ทอดยาวขนานกันกับสะพานนี้ ก็สามารถชมความสวยงามของสะพานชินเคียวได้แบบชัดเจนพอๆกัน
ทัวร์ญี่ปุ่น

ใกล้ๆกันนั้นมีป้ายรถเมล์ชินเคียว สามารถเดินทางขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นอื่นๆต่อ หรือจะกลับไปยังสถานีรถไฟเจอาร์และสถานีรถไฟโทบุ ค่าโดยสาร 250 เยน ถ้าใครที่ต้องการจะชมเมืองจากจุดนี้ใช้เวลาประมาณ20นาทีก็จะเดินถึงสถานีรถไฟเจอาร์นิคโก้ เดินสบายค่ะ เพราะจะเป็นทางลาดค่อยๆลงเนินอย่างที่ได้บอกไปในตอนแรกค่ะ


แฟนเพจ : facebook.com/wonderfulfanpage