โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

หลวงพระบาง สถานที่ท่องเที่ยวลาวที่นิยมมาทัวร์กัน

หลวงพระบาง สถานที่ท่องเที่ยวลาวที่นิยมมาทัวร์กัน

หลวงพระบางที่สวยงาม

สวัสดีครับเพื่อนๆ ใกล้จะเข้าสู่สมาคมอาเซียนหรือ AEC กันแล้วครับ (ได้ข่าวว่าเลื่อนออกไปอีกหนึ่งปี) ช่วงนี้ก็ขอเล่าเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านกันบ่อยหน่อยนะครับ อยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมกันมาก และในวันนี้ขอเล่าถึงสถานที่เที่ยวที่มีชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทยนิยมเดินทางมาเที่ยว นั่นคือประเทศลาว หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ย่อๆว่า สปป.ลาว) นั่นเอง

วัดที่แม่น้ำไหลโขงผ่าน

ทัวร์ลาวมาลงเยอะนะครับเห็นประเทศเล็กๆอย่างนี้ ประเทศลาวมีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนต่อปีเดินทางมายังที่แห่งนี้ เมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เวียงจันทน์ และ หลวงพระบาง แต่ที่จะเล่าก็คือเมืองหลวงพระบางครับ เพราะว่าหลายๆคนได้ยินชื่อบ่อยๆ

องค์พระใหญ่ที่หลวงพระบาง

หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าที่มีมาตั้งแต่สมัยล้านช้าง ช่วงที่สถาปนาอาณาจักรนั้นเดิมหลวงพระบางมีชื่อว่า "เมืองซวา" ต่อมาภายหลังในปีพ.ศ. 1300 ขุนลอซึ่งเป็นกษัตริย์ของลาวได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นเมืองเชียงทอง

บ้านเรือนที่มีศิลปะมาจากสมัยก่อน

ในช่วงปีพ.ศ. 1896 เป็นช่วงที่พระเจ้าฟ้างุ้มได้เสด็จกลับมาจากประเทศกัมพูชา (ท่านได้ลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์องค์ก่อน) หลังจากนั้นจึงได้เกิดการสู้รบขึ้น เพื่อยึดอำนาจกลับคืนมาจนสำเร็จ และในเวลาต่อมาสมัยพระโพธิราชเจ้าทรงได้อาราธนาพระบางมาประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงทอง (แต่เดิมตั้งอยู่ที่เมืองเวียงคำ) หลังจากนั้นเมืองเชียงทองจึงถูกเรียกว่า "หลวงพระบาง" แต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

พระที่หลวงพระบาง และสามเณร

ด้วยความที่หลวงพระบางนั้นเป็นเมืองเก่าเมืองแกมาก่อนจึงได้มีการยกให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ด้านทางวัฒนธรรมประเพณี และความเป็นอยู่ของชาวลาวนั่นเองครับ

วิวพระอาทิตย์ตกที่หลวงพระบาง

หลวงพระบางหลักๆก็จะเป็นวัดวาอารามที่มีการสร้างจากศิลปะในสมัยก่อน มีองค์พระประดิษฐานอยู่มากมาย จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาที่นี่อย่างต่อเนื่อง นอกจากเรื่องวัดลาวกันแล้ว ที่นี่ยังมีแม่น้ำโขงซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของชาวลาวไหลผ่านอีกด้วยครับ (ทัวร์ลาวมักจะมาลงแวะชมกันเยอะ)

เที่ยวพระธาตุหลวงถ้าไม่ไปทัวร์ลาวแล้วจะไปทัวร์ไหน

เที่ยวพระธาตุหลวงถ้าไม่ไปทัวร์ลาวแล้วจะไปทัวร์ไหน

พระธาตุหลวง ณ ประเทศลาว

สวัสดีครับเพื่อนๆที่ชอบท่องเที่ยวทุกท่าน วันนี้ผมจะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆประเทศไทยครับนั่นก็คือประเทศลาวนั่นเอง แต่วันนี้จะมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาของวัดที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของชาวลาวครับ จะเป็นวัดอะไรนั้นตามมาเลยครับ

สีทองสะท้อนแสงวับวาวอร่ามมากเลยครับ

วัดพระธาตุหลวง หรือชื่อเต็มๆว่า พระเจดีย์โลกะจุฬามณี พระธาตุหลวงแห่งนี้เป็นสถานที่อันสำคัญยิ่งของกรุงเวียงจันทน์ครับ พระธาตุแห่งนี้มีตำนานกล่าวไว้ว่าได้มีการสร้างขึ้นมากว่าพันปีแล้ว (พอๆกับพระธาตุพนมของไทยเราครับ) และยังมีความเกี่ยวพันกับดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงด้วย พระธาตุหลวงยังปรากฏอยู่ในตราแผ่นดินของลาวที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันครับ

พระธาตุหลวงตั้งเด่นมากเลยครับ
สำหรับตัวขององค์พระธาตุหลวงนั้นมีความสูง 45 เมตร ลักษณะภายนอกมีรูปร่างคล้างดอกบัวตูม ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าดอกบัวตูมหมายถึงสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ชั้นสองของพระธาตุหลวงจะมีพระธาตุเล็กตั้งอยู่ทั้งสี่ด้าน ทั้งหมด 30 องค์เรียกกันว่า "สัมมติงสบารมี" อยู่ในพระธาตุองเล็ก 30 องค์  พระธาตุองค์เล็กนั้นผู้สร้างได้เอาทองมาหลอมแล้วหล่อเป็นองค์ขึ้นมา ซึ่งแต่ละองค์หนักราวๆ 4 บาท และทองคำที่เหลือจากการหล่อก็นำมาตีเป็นแผ่นลักษณะเหมือนใบลานเรียกว่า "ลานคำ" 30 แผ่น โดยที่แต่ละแผ่นก็จะเขียนคำว่า "เยธัมมา เหตุปปัพวา เตสัง เหตุง คถาคโต เตสัญจะ โย นิโรโธ จะ เอวัง วาทิ มหาสมโณ” แปลว่า “ธรรมทั้งหลายเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และเพราะเหตุเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติตรัสเช่นนี้"

พระธาตุหลวงองค์ใหญ่ตั้งอยู่กลางแจ้ง

การที่สร้างพระธาตุองค์เล็กขึ้นมามีความหมายว่า "ผู้ที่จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะต้องได้สร้างคุณงามความดีไว้ให้ถึง 30 ประการ มีทานบารมี เป็นต้น จนถึงอุเบกขา ปรมัตถบารมีเป็นปริโยสาน"

เรื่องราวของพระธาตุหลวงยังไม่จบนะครับ ไว้คราวหน้าจะมาเล่าต่อครับ.....บ๊ายบาย

ขอบคุณเรื่องเล่าสนุกๆจาก ทัวร์ลาว ภาพจาก Google.com

ติดตามเรื่องสนุกอื่นๆได้ที่นี่


หนีร้อนไป ทัวร์ลาว กันเถอะ

หนีร้อนไป ทัวร์ลาว กันเถอะ


  สาวๆที่ลาวน่ารักๆเยอะนะครับ แหม่เริ่มหัวเรื่องก็พาออกเส้นทางซะแล้ว มาครับ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปทัวร์ลาวกันครับ เพื่อนบ้านที่เดินทางไปได้อย่างง่ายดาย ประเทศลาว มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว ลาวเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลาวมีพื้นที่ 236,800 ตารางกิโลเมตร ประเทศลาวมีพรมแดนติดกับจีนทางเหนือ ติดพม่าทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทางตะวันออกติดกับเวียดนามทางทิศใต้ติดกับกัมพูชา และสุดท้ายติดต่อกับไทยทางด้านทิศตะวันตก ในบางช่วงของพรมแดนก็จะกั้นด้วยแม่น้ำโขงครับ



บางคนอาจจะเคยเห็นคำว่า "Laos" หรือ "Lao" ซึ่งอันที่จริงแล้ว Laos นั้นใช้เรียกชื่อประเทศครับ ส่วน Lao ใช้เรียกชื่อคนลาวรวมถึงภาษลาวนั่นเองครับ อย่าจำสลับกันนะครับ

ภูมิประเทศลาวนั้นแบ่งได้เป็น 3 เขตใหญ่คือ
1. เขตภูเขาสูง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 เมตรขึ้นไปตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ
2. เขตที่ราบสูง คือพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรทางทิศตะวันออกเฉียงใต้บนที่ราบสูงยาวไปจนถึงชายแดนกัมพูชา ประเทศลาวมีที่ราบสูงขนาดใหญ่อยู่ 3 แห่งคือ 1.ที่ราบสูงเมืองพวน 2.ที่ราบสูงนากาย 3.ที่ราบสูงบริเวณ
3. เขตที่ราบลุ่ม เป็นเขตตามฝั่งแม่น้ำโขงยาวตลอดแนว เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดในเขตพื้นที่ทั้ง 3 เขต ซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศก็ว่าได้ แนวที่ราบลุ่มเหล่านี้เรียกว่าที่ราบลุ่มเวียงจันทน์ ผ่านที่ราบลุ่มสุวรรณเขต อยู่ทางใต้ของเซบั้งไฟและเซบั้งเหียน ปรากฏตามแนวแม่น้ำโขงไปตลอดจนชายแดนประเทศกัมพูชา


สภาพภูมิอากาศที่ประเทศลาวก็ไม่ต่างอะไรจากทางบ้านเราครับ พื้นที่เป็นภูมิอากาศเขตร้อน แต่สำหรับภูเขาทางภาคเหนือจะมีลักษณะกึ่งร้อนกึ่งหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 15-30 องศาเซลเซียส มีความแตกต่างของอุณหภูมิกันในช่วงกลางวันและกลางคืน 10 องศาเซลเซียส


ประเทศลาวนั้นมีการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แต่ทางลาวเรียกว่าระบอบประชาธิปไตยประชาชน โดยมีพรรคประชาชนปฏิวัติลาวเป็นองค์กรชี้นำประเทศ

ทางด้านสภาวะเศรษฐกิจของประเทศลาวมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่เปลี่ยนระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมไปเป็นระบบเสรีการตลาดในปี 2529 ประเทศลาวมีอัตราการขยายเศรฐกิจต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 6.2 ต่อปี ประชากรมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ(ปี2529) เพิ่มขึ้นเป็น 491 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2548 ภาคอุตสาหกรรมได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากคิดเป็นร้อยละ 10 ต่อปีอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับทางประเทศนั้นคือ อุตสาหกรรมด้านพลังงานไฟฟ้า


แต่ถึงเศรฐกิจจะเติบโตอย่างไรก็ตาม ลาวก็ยังคงประสบกับปัญหาอย่างเช่น ปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ปัญหาค่าเงินที่ไม่มีความเสถียรภาพ รายได้ที่ต่ำ ลาวนั้นมีแหล่งทรัพยากรที่สำคัญได้แก่ ไม้ ดีบุก ยิปซัม ตะกั่ว เหล็ก ลิกไนต์ สังกะสี ทองคำ อัญมณี หินอ่อน น้ำมัน และที่สำคัญคือแหล่งน้ำที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า

ถ้าในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่เพื่อนๆที่ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวที่ไหนลองมาเที่ยวลาวกันดูซิครับ
http://wonderfulpackagetravel.blogspot.com/

ทัวร์ปีใหม่ ไปฮาร์บินกันเถอะ

ทัวร์ปีใหม่ ไปฮาร์บินกันเถอะ


ปีใหม่นี้เพื่อนๆอยากไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ ลองไปเที่ยวต่างประเทศกันดีไหมหรือจะไป ทัวร์ปีใหม่ เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเคาท์ดาวน์ค่ะ ฮาร์บินเป็นเมืองอยู่ในมณฑลเฮย์หลงเจียง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ทางใต้จะอยู่ติดกับแม่น้ำซงหัว


ฮาร์บินเป็นศูนย์กลางของการปกครองทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมทั้งการสื่อสารคมนาคมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นจึงถือว่าเมืองฮาร์บินนั้นเป็นเมืองที่สำคัญทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอเซีย


ฮาร์บิน มีความหมายที่มาจากภาษาแมนจูนั้นว่า "สถานที่ตากแหจับปลา" ฮาร์บินมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ราวๆ 9.54 ล้านคน และอาศัยอยู่ในเขตเมือง 4.64 ล้านคน พื้นที่ทั้งหมดของเมืองคือ 53,775 ตารางกิโลเมตร ถ้านับเฉพาะเขตเมืองมีประมาณ 7,086 ตารางกิโลเมตร



ฮาร์บินมีชื่อที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า "ไข่มุกบนคอหงส์" เป็นเพราะว่าที่มณฑลเหยหลงเจียงนั้นมีรูปลักษณะคล้ายกับหงส์ แต่ก็ยังมีชื่อเรียกอื่นๆอีกด้วยกันอย่าง "มอสโกแห่งตะวันออก หรือ ปารีสแห่งตะวันออก" หน้าไป ทัวร์ปีใหม่ เนอะที่มีสมญานามเช่นนี้เพราะว่า ลักษณะสถาปัตยกรรมของตัวอาคารบ้านเรือนที่มีความละม้ายคล้ายกับกรุงมอสโก และปารีสของฝรั่งเศสนั่นเอง


นอกจากนี้ฮาร์บินก็ยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวคือ "เมืองน้ำแข็ง" เพราะว่าที่เมืองฮาร์บินมีช่วงฤดูหนาวที่ยาวนานกว่าที่เมืองอื่นๆ และด้วยอุณหภูมิที่หนาวเย็นนั้นจึงเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวต่างพากันมาเที่ยวที่ฮาร์บินนั่นเอง




ทริป ทัวร์ปีใหม่ ยังมีอีกมากมายค่ะไว้ครั้งต่อไปจะพาไปเที่ยวแห่งใดนั้นคอยติดตามชมกันด้วยนะคะ
http://wonderfulpackagetravel.blogspot.com/

หวงซาน เขาที่เป็นมรดกโลกของประเทศจีน

หวงซาน เขาที่เป็นมรดกโลกของประเทศจีน


เขาหวงซานเป็นเทือกเขาที่อยู่ทางตอนใต้ของมณฑลอันฮุย อยู่ทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เขาหวงซานนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องทิวทัศน์อันงดงามของยอดเขาที่เกิดขึ้นจากหินแกรนิต รวมทั้งต้นสนหวงซานที่มีรูปร่างดูแปลกตาประกอบกับภาพของก้นเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้าใกล้ๆกับภูเขา ใกล้ๆกับเขาหวงซานยังมีน้ำพุร้อนและบ่อน้ำธรรมชาติมากมาย

เพราะความงดงามที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจึงมักจะมีงานศิลปะภาพวาดเป็นรูปสถานที่ของเขาหวงซานอย่างมากมาย และเคยมีอยู่ในวรรณกรรมจีนหลายเรื่องอีกด้วย ต่อมาในปัจจุบันองค์การยูเนสโกก็ได้จัดให้เขาหวงซานขึ้นเป็นมรดกโลก และจัดให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติและชาวจีนมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกด้วย


เขาหวงซานนั้นประกอบด้วยยอดเขาเป็นจำนวนมาก มียอดเขาที่นับได้อยู่ที่ 72 ยอด และมี 77 ยอดเขาที่มีความสูงกว่า 1,000 เมตร มียอกเขาที่สูง 3 อันดับแรกคือ
1.ยอดเขาเหลียนหัว หรือยอดเขาดอกบัว มีความสูงถึง 1,867 เมตร
2.ยอดเขากวงหมิง หรือยอดเขาสว่าง มีความสูงถึง 1,840 เมตร
3.ยอดเขาเทียนตู่ ยอดเขาเมืองหลวงแห่งสวรรค์ มีความสุงถึง 1,829 เมตร


เขาหวงซานมีเขตที่เป็นมรดกโลกมีพื้นที่ 154 ตารางกิโลเมตร รอบเทือกเขาอีก 142 ตารางกิโลเมตร เขาหวงซานนั้นถูกค้นพบในยุคเมโซโซอีกเมื่อ 100 ล้านปีก่อนซึ่งเกิดจากการที่พื้นใต้ทะเลนั้นยกตัวขึ้น ต่อมายุควอเทอร์นารี พื้นผิวของภูเขาที่ถูกน้ำแข็งกัดเซาะมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดเป็นเสาหินขึ้น ภายหลังเกิดป่าขึ้นบนเสาหินเหล่านั้น


ในราชวงศ์จีน เทือกเขาหวงซานเรียกว่า "ยี่ซาน" เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่แล้วใช้จนถึงในปัจจุบันจากการค้นพบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบทกวีของลิโป้ (Li Po) ซึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่าเทือกเขาหวงซานคือชื่อยี่ซานในปัจจุบันนั่นเอง ที่ความสูงต่ำกว่า 1,100 เมตรจะเป็นลักษณะของป่าชื้น ความสูงระหว่าง 1,100-1,800 เมตร จะเป็นป่าผลัดใบ และระดับความสูง 1,800 เมตรขึ้นไปจะเป็นทุ่งหญ้าลักษณะสูงที่ขึ้นตามบริเวณเทือกเขา


ยอดเขาต่างๆมักจะอยู่เหนือระดับเมฆ ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามได้จากบนยอดเขาจึงทำให้เกิดปรากฏแสงทั้ง "ทะเลเมฆ"และ"แสงพระพุทธ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากันมากมาย แล้วโดยเฉลี่ยปรากฏการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น


Cr. ข้อมูลเที่ยวต่างประเทศ ทัวร์จีน เที่ยวจีน
http://wonderfulpackagetravel.blogspot.com/

ทัวร์ญี่ปุ่น โอกินาวาจังหวัดตอนใต้ของญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น โอกินาวาจังหวัดตอนใต้ของญี่ปุ่น


จังหวัดโอกินาวา (Okinawa) เป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้ของประเทศญี่ปุ่นคือหมู่เกาะริวกิวกว่าร้อยเกาะ เรียงกันยาวกว่าพันกิโลเมตรตั้งแต่ตะวันเฉียงใต้ของเกาะคิวชูไปจนถึงเกาะไต้หวัน เมืองหลักของจังหวัดโอกินาวาคือเมืองนาฮา (Naha) อยู่ทางตอนใต้ของโอกินาวาเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงและใหญ่มากที่สุดของโอกินาวา เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะคิวชูกับเกาะไต้หวัน เกาะเซ็นคาคุเป็นข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นและสาธารณรัฐจีน ก็ถูกญี่ปุ่นจัดอยู่ในจังหวัดโอกินาวาด้วย


จังหวัดโอกินาวานั้นแต่เดิมเคยใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกา ในสมัยสงครามโลก เมืองนาฮาที่เป็นเมืองเอกในปัจจุบันนี้ สมัยก่อนเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรริวกิว แต่ก็ถูกญี่ปุ่นยึดรวมเข้าด้วยกัน ในปัจจุบันกลายเป็นเมืองไว้สำหรับมาพักตากอากาศกันซะมากกว่า


โอกินาวา เป็นเมืองที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดศิลปะการต่อสู้อันมีชื่อเสียงนั่นคือ "คาราเต้" เมืองนาฮานั้นอยู่ติดกับทะเลมีหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าครามและมีปะการังที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหน้าร้อนของชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ



เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2515 เมืองโอกินาวาได้กลับคืนสู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น หลังจากการถูกปกครองโดยกองทัพจากสหรัฐอเมริกาตั้งแต่หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2



ที่จังหวัดโอกินาวามีสัดส่วนของผู้สูงอายุที่มีมากกว่า 100 ปี และโดยเฉลี่ยผู้ชายจะมีอายุถึง 90 ปี และผู้หญิงจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 93.2 ปีซึ่งมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยมีสาเหตุมีการคาดการกันว่าทำไมคนที่นี่จึงมีอายุเฉลี่ยที่สูงมาก อาจเป็นเพราะว่าสภาพของสังคมและอาหารที่ถูกสุขลักษณะ มลพิษที่น้อย


Cr. ข้อมูลเที่ยวต่างประเทศ ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง - ลงมือทำกันเถอะ

รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง - ลงมือทำกันเถอะ



จากในเรื่องราวตอนที่แล้ว (พูดอย่างกับบรรยายภาพยนต์ ฮา) ในครั้งที่แล้วนั้นผมก็ติดเรื่องวิธีหารายได้เสริมครับว่าที่เราเห็นๆกันในปัจจุบันนั้นส่วนมากเค้ามีวิธีอย่างไรกันบ้าง เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูบทความได้ที่นี่ครับ

รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง

 รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง



   ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น ต้องดิ้นรนต่อสู้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวกสบาย ชื่อเสียง และแน่นอน "เงิน" คนไทยกว่า 70 ล้านคนนั้นต้องแข่งขันกันมากมาย บางคนก็อยากมีชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้าง จะเรียกว่าถีบตัวเองก็คงไม่ผิดอะไรนัก มนุษย์เงินเดือน ข้าราชการ ชนชั้นแรงงาน แม้แต่เพื่อนบ้านที่เข้ามาหางานทำในบ้านเรา (ต่างด้าวนั่นแหล่ะ) ทุกคนล้วนเป็นคนทำมาหากินดิวยกันทั้งนั้น เมื่อหลายๆปีก่อน อาจจะเคยได้ยินคำว่า "ปัจจัยสี่" ได้แก่ ยา เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และอาหาร แต่เดี๋ยวนี้แค่ 4 อย่างเห็นจะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันเสียแล้ว เงิน คำนี้ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของมวลมนุษย์ชาติก็ว่าได้  จะเห็นได้ว่าอัตราการใช้จ่าย หรือค่าครองชีพของเรานั้นสูงขึ้น มีการแข่งขันกันมากขึ้น ทั้งภายในและภายนอก ระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บางประเทศอาจจะสวนทางกับสิ่งที่พูดมา


แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เงิน นั้นมีอิทธิพลกับเรามากเพียงใด แต่บางคนอาจจะค้านว่า เงินมันไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างในชีวิต มันก็อาจจะจริงก็ได้ครับไม่ว่ากัน แต่ลองคิดดูง่ายๆนะครับ แค่เวลาที่คุณหิวคุณก็ต้องกินข้าว แล้วคุณจะกินข้าวคุณก็ต้องมีเงินเพื่อที่จะไปซื้อข้าวเพื่อเอามาประทังชีวิตใช่ไหมครับ ถึงคุณจะบอกว่าคุณทำกับข้าวกินเอง คุณก็ต้องเสียเงินในการซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารของคุณอยู่ดี แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือเราต้องรู้จักวิธีใช้เงินครับ ใช้ให้ประหยัดอย่างไร ออมเงิน แบบไหนถึงเรียกว่าคุ้มค่า มีช่องทางในการลงทุนได้ทางใดบ้าง ผมขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าตัวของผมนั้นไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนใดๆทั้งสิ้น


อย่างแรกครับ เมื่อเราได้เงินเดือนมาเงินเดือนออกนั่นแหล่ะ เราลองบวกลบดูครับว่า ถ้าเราวางแผนการใช้เงินแล้วเราจะเหลือเงินที่เป็นเงินเก็บจริงๆเท่าไหร่ และเงินที่เหลือเก็บนี่แหล่ะครับที่จะเอามาลงทุนหรืออดออมต่อไปได้ ผมสมมุติให้ง่ายๆนะครับ สมมุติว่า ผมมีเงินเดือนๆละ 15,000 บาท  วิธีของผมคือ หักค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงคำนวนค่าใช้จ่ายเพื่อใหัอยู่รอดยุงเดือนถัดไปครับ เช่น หักค่าเดินทางไปกลับที่ทำงาน 3,000 บาท ค่ากิน เช้าถึงเย็น 5,000 บาท ค่าหัอง 3,000 บาท ค่าน้ำไฟค่าอินเตอเน็ตรวม 3,500 บาท สรุป เดือนนึงผมใช้ไป 14,500 บาท ผมเหลือเก็บ 500 บาท ถ้าคูณ 1ปี  ผมมีเงินเก็บ 6,000 บาท ถือว่าน้อยมากครับในยุคปัจจุบันนี้  และจะทำอย่างไรดีมันมีวิธีครับ


ลองหาอาชีพเสริมดู เช่น ขายพวกอุปกรณ์โทรศัพท์ครับ หรือบางคนเก่งทางด้านไอที ก็ลองหาของขายบนเว็ป โซเชียลที่เราเล่นกันอยู่ทั้งวันนั่นแหล่ะครับ สร้างเพจขายของเราขึ้นมาแล้วก็บอกไปว่าของที่เราขายมันมีจุดเด่นอะไรบ้าง หรือ คิดอะไรไม่ออกไม่อยากขายของ นี่เลยครับเล่นหุ้น หรือฝากเงินกับธนาคาร กินดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ วิธีนี้ไดิเงินดูเหมือนจะไม่มาก แต่มีความเสี่ยงน้อยสุดครับ และยังได้กำไรหรือที่เรียกว่าเงินปันผล หรือบ้านๆก็ดอกเบี้ยแน่นอนครับ แต่คุณจะเลือกแบบไหนนั้นก็อยู่ที่ตัวของคุณเองแล้วครับ และที่สำคัญต่อใหิคุณหาเงินมาได้มาก แต่คุณก็ใช้จ่ายออกไปมาก มันก็คงไม่เป็นผลดีในระยะยาวแน่นอนครับ


จากที่เหมือนว่าผมจะพูดข้ามไปหน่อยนึง(มั้ง) ผมจะบอกต่อครับว่า ถ้าคุณคิดว่า 1ปีคุณเก็บได้แค่ 6,000 มันไม่พอครับ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตของคุณด้วยครับ บางคนอาจจะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่าเดินทางอาจจะลดลงกว่านั้นก็ได้ ค่าใช้จ่ายของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ มาต่อกันครับตอนนี้คุณอาจจะมีคำถามขึ้นว่า " แล้วผมใช้วิธีไหนในการเพิ่มรายได้หล่ะ? " ผมบอกเลยครับว่า ผมเองไม่ค่อยถนัดในการขายของ ผมไม่มีความรู้ในเรื่อฝการลงทุนกับธนาคาร แต่ผมมีความรู้ในเรื่องการหารายได้จากการทำเว็ปไซต์ ง่ายๆก็ที่กำลังเขียนใน blog เนี่ยล่ะครับ



ผมเชื่อว่าหลายท่านที่ใช้มือถือหรือเลืนเน็ตเข้าเฟสคุยไลน์ ส่องนู่นนี่นั่น มีเยอะกว่า 50 ล้านคนทั้วประเทศแน่นอนครับ แล้วใยจึงไม่เอาเวลาตรงนี้มาหาเงินเข้ากระเป๋าของเราให้มันโตๆกันหล่ะครับ เดี๋ยในี้มันเป็นยุคของเทคโนโลยีอย่างแท้จริงครับ เราก็แค่อาศัยตรงจุดนี้มาแปลงเป็นเงินเข้ากระเป๋าเราครับ ช่องทางในการโฆษณาออนไลน์มีเยอะมาก วันๆคุณค้นหาข้อมูลในอากู๋กี่ครั้ง เราก็สามารถทำเงินจากเค้าได้ด้วยครับ อย่าง Adsense ที่ทำให้เราได้เงินจากค่าคลิ้ก เรียกว่า Pay per click (PPC) หรือถ้าอยากให้เว็ปของเรามีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจมากๆ อย่างเว็ปใหญ่ๆ ก็ Adword ซึ่งเป็นการโฆษณาหรือโปรโมทของเว็ปไซต์เราครับ ซึ่งผมจะค่อยอธิบายในรายละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้หลายคนคงเริ่มสนใจกันขึ้นมาบ้างแลัวใช่ไหมครับไว้ครั้งหน้าผมจะมาเล่าถึงขั้นตอนในการหารายได้เบื้องต้นจากกูเกิ้ลกันครับ....บ๊าย บาย