โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

วัดนันเซ็นจิ ที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่น

วัดนันเซ็นจิ ที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่น


วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji Temple) การเดินทางมายังวัดนี้นั้นให้นั่งรถบัสสาย 5 เพราะเป็นรถสายเดียวที่ผ่านวัดนี้ครับ (สายอื่นไกลครับกว่าจะเดินทาถึงทางเข้าวัด) จากป้าย Nanzenji Eikando-michi เดินไปไกลอยู่ครับกว่าจะถึงทางเข้าวัด มีเนินที่ต้องเดินผ่านด้วยครับ ถึงมันจะไม่ชันมากก็เถอะ (ขาลากต่อ) เป็นที่สังเกตุได้ครับว่า วัดส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองเกียวโตนั้น มักจะตั้งอยู่บนเชิงเขาครับ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมถึงต้องไปสร้างอยู่บนเนินเขา?

ในที่สุดก็เดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าวัดจนได้ ที่วัดเซ็นนันจิมีประตูทางเข้าวัดขนาดใหญ่ มีชื่อเรียกว่า " ประตูซันมง (Sanmon) " ซึ่งสร้างขึ้นจากต้นไม้ใหญ่ทั้งต้น และถ้าอยากจะขึ้นชมประตูนี้ก็จะต้องเสียค่าเข้าชม 500 เยนด้วยครับ ประตูซันมงแห่งนี้ได้สร้างเสร็จในปีพ.ศ.2171


เมื่อเข้ามายังภายในบริเวณวัดก็จะมองเห็นสะพานอิฐแดงขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งสะพานอิฐแดงนี้ใช้เป็นที่วางท่อน้ำจากทะเลสาปบิวา (Lake Biwa) เพื่อนำน้ำเข้ามาใช้ภายในวัดแห่งนี้ในสมัยก่อนครับ (ปัจจุบันได้เลิกใช้ไปแล้ว)


แต่เดิมนั้นวัดนันเซ็นจิเป็นวัดที่เคยเป็นวังมาก่อนครับ เป็นวังที่ใช้ประทับของพระจักรพรรดิคาเมยามะหลังจากที่ได้ทรงสละราชสมบัติไปในปีพ.ศ. 1817 โดยตัวของพระองค์นั้นทรงเลื่อมใสในการนั่งกรรมฐาน จึงได้ยกวังแห่งนี้ให้สร้างเป็นวัดนันเซ็นจิในปีพ.ศ.1834 จนถึงปัจจุบันนั่นเอง


นอกจากนั้นยังใช้เป็นที่ทำการใหญ่ของนิกายรินไซ (นิกายย่อยของพุทธศาสนานิกายเซน) ในอีกไม่กี่ปีต่อมาบริเวณศาลา Seiryo-den ที่เป็นอาคารหลักของวัด ก็มีชื่อเสียงในเรื่องของการตกแต่งสวนหินอย่างสวยงาม อีกทั้งประตูบนศาลาเป็นแบบประตูบานเลื่อน (Fusuma) อีกด้วย ซึ่งบนประตูก็มีการตกแต่งลวดลายที่สวยงามเช่นกัน ( ต้องเสียค่าเข้าชม 500 เยน เวลาเปิด 08.40 - 17.00น. ครับ )




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
wikipedia.com
ทัวร์เกียวโต เที่ยวเกียวโต

ภาพจาก google

เกียวโต เมืองหลวงเก่าเสน่ห์แบบญี่ปุ่นขนานแท้

เกียวโต เมืองหลวงเก่าเสน่ห์แบบญี่ปุ่นขนานแท้

ทัวร์เกียวโต

เมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นจังหวัดหนึ่งที่ตุ้งอยู่ในเขตคันไซ และแน่นอนว่าสมัยก่อนนั้นเมืองเกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน (ในช่วงปี พ.ศ. 1337 - 2412) โดยแต่เดิมนั้นเกียวโตเคยมีชื่อว่า "เฮอันเกียว" มาก่อน ซึ่งมีความหายว่า "เมืองแห่งความสวยงาม" เฮอันเคียวหรือเกียวโตนี้ในสมัยก่อนเป็นที่ประทับขององค์พระจักรพรรดิญี่ปุ่นมาก่อน จนมาถึงสมัยยุคการปฏิรูปเมจิ (ปี พ.ศ. 2411) จึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตไปยังเอโดะ (โตเกียวปัจจุบัน)

เที่ยวเกียวโต

เนื่องด้วยที่แต่เดิมนั้นเมืองเกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน จึงไม่แปลกที่เมืองแห่งนี้จะมีความเจริญครบแทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ และที่เด่นๆเลยก็เห็นจะเป็นวัดหรือศาลเจ้าที่มีมากกว่า 1,650 แห่งทั่วเมือง นอกนี้ยังมีศาลเจ้าลัทธิชินโตราวๆ 400 แห่ง รวมถึงปราสาท พระราชวังที่พระจักรพรรดิเคยประทับอยู่

เที่ยวเกียวโต

ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะทำสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ตาม เมืองต่างๆหลายเมืองก็ถูกทำลาย เสียหายจากการทิ้งระเบิดหลายเมืองไม่ว่าจะเป็น โตเกียว ฮิโรชิมา นางาซากิต่างก็เสียหายมากมาย แต่เมืองเกียวโตและเมืองนารากลับไม่ถูกโจมตีจากฝ่ายสัมพันธมิตร นั่นจึงทำให้คนรุ่นหลังยังคงได้เห็นความเป็นอยู่ วัฒนธรรมศิลปะและสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามคงเหลือไว้จนถึงปัจจุบัน


การที่จะเดินทางไปเที่ยวเกียวโตนั้นควรใช้เวลาอย่างน้อยๆซัก 2 วันเพื่อชมวัดวาอาราม ศาลเจ้าทั่วเกียวโตเพราะแต่ละแห่งนั้นมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ประจำสถานที่นั้นๆ เกียวโตนั้นเป็นเมืองที่มีสเน่ห์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี


ในปัจจุบันนั้นเมืองเกียวโตเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของญี่ปุ่น ดดยมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคน เกียวโตมีพื้นที่ราวๆ 610 ตารางกิโลเมตร (ข้อมูลจาก wiki) เมืองเกียวโตเป็นเมืองที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆในเรื่องของการท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรมและโบราณสถาน นั่งจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่น จึงมาเที่ยวชมเมืองนี้เป็นอันดับต้นๆก็ว่าได้....


การเดินทางจากโอซาก้าไปยังเกียวโต มีวิธีดังต่อไปนี้


  1. JR Tokyo Line จากสถานีโอซาก้าไปลงที่สถานีเกียวโต ใช้เวลาเดินทาง 25 นาทีโดยประมาณ (ค่าโดยสาร 540 เยน)
  2. JR Tokaido Shinkansen จากสถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ลงที่สถานีเกียวโต ใช้เวลาเดินทาง 16 นาที (ค่าโดยสาร 1,380 เยน)
  3. JR Haraku Airport Express ขึ้นจากสนามบินคันไซ จะมีสถานีให้เลือกหลายสายได้แก่ สถานี Tennoji, Nishikujo, Shin-Osaka ไปลงยังสถานีเกียวโต
  4. Keihan Railway จากสถานีโยโดบาชิ (Yodobashi) ไปลงที่สถานี Sanjo Station ในเกียวโต ใช้เวลาประมาณ 50 นาที (ค่าโดยสาร 400 เยน)
  5. Hankyu Railway จากสถานีอูเมดะ (Umeda) ไปลงที่สถานี Karasuma ในเกียวโต ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที (ค่าโดยสาร 390 เยน) ทัวร์เกียวโต



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.wonderfulpackage.com
http://th.wikipedia.org

ขอคุณรูปภาพจาก
Google.in.th
wallpoper.com
unforbiddingcity.files.wordpress.com
jmjtravels.com

การเดินทางจากสนามบินคันไซเข้าตัวเมือง

การเดินทางจากสนามบินคันไซเข้าตัวเมือง


หากเดินทางไปจากเมืองไทยและมาลงที่สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport) มีวิธีการเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายๆดันต่อไปนี้


1.นั่ง JR Haruka Limited Express รถไฟสายด่วนพิเศษจากสนามบินนานาชาติคันไซ ที่นั่งกว้างขวางนั่งสบาย มีที่วางกระเป๋าใบใหญ่ๆ ผ่านสถานีเท็นโนจิ (Tennoji) ทางใต้ของโอซาก้าอ้อมเมืองขึ้นไปผ่านสถานี Shin-Osaka ที่สามารถต่อรถไฟชินคันเซ็นไปยังเมืองอื่นได้ หรือจะนั่งเลยไปยังสถานีเกียวโต ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง รถจะออกทุก 30 นาที ตั้งแต่เวลา 06.34-22.16น.

  • ถึงสถานี Tennoji ใช้เวลาในการเดินทาง 30 นาที ค่าโดยสาร 2,100 เยน
  • ถึงสถานี Shin-Osaka ใช้เวลาในการเดินทาง 50 นาที ค่าโดยสาร 2,800 เยน
  • ถึงสถานี Kyoto ใช้เวลาในการเดินทาง 70 นาที ค่าโดยสาร 3,500 เยน

ถ้านั่งตู้ Non-Reserved Seat ค่าโดยสารจะถูกกว่านี้ แนะนำให้นั่งแบบนี้ก็พอเพราะนั่งสบายเหมือนกัน ราคาตามข้างบนนั้นเป็นราคาโดยสารในตู้ชั้นหนึ่ง (Green Car) เท่านั้น ผู้ที่มีบัตร JR Pass ใช้นั่งตู้ Non-Reserved Seat ได้เหมือนกัน


2.นั่ง JR Kansai Airport Rapid Service เป็นอีกทางเลือกที่ประหยัดเช่นกัน ใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าแบบที่ 1 ประมาณ 20 นาที รถไฟวิ่งจากสถานีโอซาก้ามาสิ้นสุดที่สถานีโคบาชิ (Kyobashi) เชื่อมทางเข้ากับรถไฟสาย JR Osaka Loop Line ที่วิ่งวนรอบเมืองโอซาก้า

  • เดินทางมาถึงสถานีเท็นโนจิ (Tennoji) ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที ค่าโดยสารราวๆ 1,030 เยน
  • เดินทางมาถึงสถานีโอซาก้า (Osaka) ใช้เวลาเดินทาง 70 นาที ค่าโดยสารราวๆ 1,160 เยน

โดยจะมีรถออกทุก 20 นาที แต่ถ้าหากไม่รีบร้อนเดินทางและก็ไปยังแค่สถานีโอซาก้านั้น การเลือกนั่งขบวนนี้ก็จะทำให้ประหยัดไปได้หลายตังค์เลยทีเดียว (สามารถนั่งขบวนนี้กลับไปยังสนามบินได้อีกด้วย)


3.นั่งรถไฟสาย Nankai Railways ลงที่สถานีนัมบะ (Numba) อยู่ใกล้ๆย่านชินไซบาชิ โดยรถไฟสายนี้จะมีให้เลือกอยู่ 2 ขบวนได้แก่

  1. สาย Nankai Rapid จะมีรถออกทุก 30 นาที รถไฟสายนี้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที ค่าโดยสารที่ 1,400 เยน
  2. สาย Nankai Airport Express รถจะออกทุกๆ 30 นาที ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 890-900 เยน


4.นั่ง Airport Limousine Bus ซึ่งจะมีหลายเส้นทางให้เลือกใช้บริการ อย่างเช่น

  • Osaka Station ใช้เวลาในการเดินทางราว 60 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 1,300 เยน
  • Kyoto Station ใช้เวลาในการเดินทางราว 100 นาที หรือประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ค่าโดยสารอยู่ที่ 2,500 เยน
  • Kobe Sannomiya Station ใช้เวลาเดินทางราว 70-75 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 1,800 เยน
  • JR Nara Station ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 80 นาที ค่าโดยสารอยู่ที่ 1,800 เยน (ราคาเท่ากันกับสาย Kobe Sannomiya Station แต่ใช้เวลาในการเดินทางมากกว่า) ทัวร์โอซาก้า เที่ยวโอซาก้า


Cr.google pic
บทความ ใครๆก็เที่ยวญี่ปุ่นได้

นั่งรถบัสฮาโกเน่กลับโอดาวาระ - ทัวร์ฮอกไกโด

นั่งรถบัสฮาโกเน่กลับโอดาวาระ - ทัวร์ฮอกไกโด


ขึ้นมาจากท่าเรือฮาโกเน่มาชิ (Hakonemachi) มีร้านขายของที่ระลึกและท่ารถบัสกลับไปยังโอดาวาระ (Odawara) จากตรงจุดนี้เดินไปทางซ้ายมือประมาณ 5 นาทีก็จะมาถึง Hakone Checkpoint มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นละแวกนี้ในอดีต


จุดนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางโทไกโดะ (Tokaido) ที่เป็นจุดแวะพักและทางผ่านของเส้นทางจากเกียวโตมายังโตเกียวในสมัยเอโดะ เมื่อครั้งที่การคมนาคมยังไม่ค่อยสะดวกเหมือนอย่างทุกวันนี้


จุดแวะพักของเส้นทางโทไกโดะจากเกียวโตมาเอโดะ (โตเกียวเก่า) มีทั้งหมด 53 จุดซึ่งก็คือสถานีรถไฟต่างๆ ของรถไฟ JR Tokaido จากโตเกียวเลยไปถึงโกเบในปัจจุบันนี้



จากท่าเรือ Hakonemachi นั่งรถบัส Hakone Tozan Bus รอขึ้นที่ป้ายหมายเลย 1 ไปยังสถานีโอดาวาระ (Odawara) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารราว 1,150 เยน ใครที่มีตั๋ว Hakone Freepass ก็นั่งสายโอดะคิว (Odakyu) กลับไปยังชินจูกุ (Shinjuku) ใครมีบัตร JR Rail Pass ก็นั่ง รถไฟชินคันเซ็นกลับโตเกียวได้ตามสะดวก


สรุปค่าเดินทางจากสถานี Odawara กรณีไม่ได้ซื้อตั๋ว Hakone Freepass
-ค่ารถไฟจากสถานีโอดาวาระถึงสถานีโกร่า (Gora) 650 เยน
-ค่ารถ Cable Car จากสถานี Gora ถึงสถานี Sounzan ราคา 410 เยน
-ค่ากระเช้าไฟฟ้า Ropeway จากสถานี Sounzan-Owadani-Togendai ราคา 1,330 เยน
-ค่าล่องเรือที่ทะเลสาปอาชิ  จากสถานี Togendai ถึง Hakonemachi ราคา 970 เยน
-ค่ารถบัสจากสถานี Hakonemachi ถึงสถานี Odawara ราคา 1,150 เยน
รวมทั้งสิ้น 4,510 เยน ซึ่งแพงกว่าตั๋ว Hakone Freepass วันหยุดสำหรับผู้ใหญ่จากสถานี Odawara ที่มีราคาถูกว่าเพียง  4,130 เยนเท่านั้น แถมยังสามารถที่จะเข้าชม Gora Park ได้อีกด้วย ทัวร์ฮอกไกโด เที่ยวฮอกไกโด


Cr.pic google

Black Egg แวะชิมไข่ดำที่โอวาคุดานิ - ทัวร์ญี่ปุ่น

Black Egg แวะชิมไข่ดำที่โอวาคุดานิ - ทัวร์ญี่ปุ่น


นั่งจากสถานีกระเช้าโอวาคุดานิมองขึ้นไปบนเขา เห็นควันพวยพุ่งขึ้นมาเดินตามทางไปประมาณ 15 นาทีก็จะถึงบริเวณที่เป็นบ่อน้ำกำมะถันใช้สำหรับต้มไข่เท่านั้น

โดยในการเดินระหว่างทางเราก็จะได้กลิ่นของกำมะถันอยู่เรื่อยๆ น้ำที่ไหลลงมาเป็นเส้นทางจะเป็นสีขาวขุ่นหน่อยๆ เมื่อลองสัมผัสดูจะเป็นน้ำอุ่นพอประมาณ เหตุที่เป็นน้ำอุ่นไหลลงมาเช่นนี้ เป็นเพราะบริเวณนี้แต่ก่อนเคยเป็นเขตของภูเขาไฟเก่านั่นเอง จึงยังมีความร้อนจากใต้ดินดันขึ้นมา จึงทำให้น้ำร้อนในบริเวณนี้สามารถที่จะต้มไข่ให้สุกได้นั่นเอง (แต่ถ้าคิดว่าจะเอาไข่มาต้มเองนั้น ขอบอกเลยว่าที่นี่ไม่อนุญาตนะครับ)


โดยเค้าจะมีไข่ที่ต้มไว้สุกแล้วจำหน่ายเป็นแพ็คครับ ซึ่งใน1แพ็ค จะมี6ฟอง ราคาอยู่ที่ประมาณ 500 เยนครับ แต่ก็คุ้มครับเพราะเป็นไข่ไก่ใบใหญ่ครับ ชาวญี่ปุ่นเค้ามีความเชื่อกันว่าถ้าเรากินไข่ดำ1ฟองจะทำให้อายุยืนขึ้น 7 ปี ฮ่าๆๆเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตามจริงมั้ยครับ (งั้น 6ฟองก็42ปี อิอิ)



หลายคนคงนึกสงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมไข่ไก่ที่นำมาต้มจึงกลายเป็นสีดำ นั่นก็เพราะว่าเกิดจากน้ำที่ใช้ต้มมีส่วนผสมของกำมะถันอยู่ด้วยครับ ทำให้เวลาที่เรานำไข่ไปต้มจนสุกแล้วเปลือกไข่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำครับ แต่ก็ไม่ใช่จะดำไปถึงภายในนะครับ จะดำก็แค่เปลือกเท่านั้น ภายในยังเป็นสีขาวกับแดงปกติจ้า ส่วนรสชาตินั้นก็เหมือนไข่ต้มธรรมดาทั่วๆไป (แต่ที่ขายดีก็เพราะว่ากินแล้วจะอายุยืนขึ้นเนี่ยหล่ะ) แหม่ต้องยอมรับว่าการตลาดของเค้านั้นดีจริงๆครับ - ทัวร์ฮอกไกโด เที่ยวฮอกไกโด


Cr.pic for google

ทัวร์โอซาก้า เรียนรู้ยุคสมัยอันรุ่งเรืองและร่วงโรย

ทัวร์โอซาก้า เรียนรู้ยุคสมัยอันรุ่งเรืองและร่วงโรย



ยุคก่อนประวัติศาสตร์ยุคโคะฟุง

หลักฐานอย่างดีในการมาตั้งถิ่นฐานที่โอซาก้า คือแหล่งประวัติศาสตร์โมริโนมิยะ (Morinomiya iseki) ซึ่งมีการค้นพบสุสานของหอยนางรมรวมถึงโครงกระดูกของมนุษย์ในสมัย 600 ปีก่อน เป็นที่เชื่อกันว่าบริเวณที่ชื่ออุเอฮงมิยะที่ทุกวันนี้กลายเป็นคาบสมุทรและมีทะเลทางแผ่นดินตะวันออก ในสมัยยาโยอิได้มีการค้นพบการตั้งรกรากเป็นครั้งแรก ในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มของโอซาก้า โดยยึดการปลูกข้าวโพดเป็นอาขีพ




ในยุคโคฟุง จังหวัดโอซาก้าได้เริ่มพัฒนาทางท่าเรือเพื่อให้เป็นที่เชื่อมต่อกับทางด้านตะวันตกของญี่ปุ่น ในบริเวณที่ราบแห่งนี้ก็มีการขุดพบสุสานโครงกระดูกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นหลักฐานในการนำไปสู่การสร้างประเทศในเวลาต่อมา



ยุคอาซึกะและยุคนาระ

ในปี 1188 ได้มีการสร้างพระราชวังนานิวะนางาระ โทโยะซางิ ขึ้นที่โอซาก้าโดยการนำขององค์จักรพรรดิโคโตกุ และในเวลาต่อมาก็ได้กลายมาเป็นเมืองหลวงขึ้นชื่อกรุงนิวะ ที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นเมืองแบบใหม่และเรียกกันว่านานิวะและใช้มาจนถึงในปัจจุบัน ชื่อนี้ใช้เรียกกันเฉพาะส่วนกลางของจังหวัดโอซาก้า และก็เพี้ยนมาเป็นนับบะ ปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าจะมีการย้ายเมืองหลวงไปที่อาซึกะในจังหวัดนาระแล้ว ในปี 1198 นานิวะก็ยังเคยเป็นศูนย์กลางทั้งทางบกและทางน้ำระหว่างยามาโตะไปเกาหลีและจีน



ต่อมาในปี 1287 นานิวะก็กลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งด้วยคำสั่งของจักรพรรดิโชมุ แต่ก็เมืองหลวงได้แค่ปีเดียวก็ได้ย้ายเมืองหลวงกลับไปที่เฮโจ(นาระ) อีกครั้งโดยทางราชสำนัก ปลายยุคนาระท่าเรือต่างๆค่อยๆกลายมาเป็นที่พักอาศัยของชาวเรือ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความคึกคักกันเลยซะทีเดียว ยังคงบรรยากาศที่คึกคักทั้งริมสองฝั่งแม่น้ำลำคลอง และการคมนาคมทางบกไปยังกรุงฮัน ซึ่งปัจจุบันคือเมืองเคียวโต และเมืองอื่นๆ



ยุคเฮอันและยุคเอโดะ

ในปี 2039 ได้มีการก่อตั้งศาสนาพุทธ เป็นนิกายโจโดะชินชู มีศูนย์กลางอยู่ที่อิชิยะมาฮงกันจิในพื้นที่ของพระราชวังนิวะ โดยไดเมียวโอดะ โนบุนางะ เป็นหนึ่งในสามผู้รวบรวมประเทศญี่ปุ่นในปี 2113 จานั้นสิบปีให้หลัง พระในวัดที่โดนล้อมก็ยอมจำนน และตัววัดก็ถูกทำลายลงไม่เหลือแม้แต่ซาก หลังจากนั้นไดเมียวทั้งสองคน (ไดเมียวโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ และไดเมียวโอดะ โนบุนางะ) จึงได้สร้างปราสาทโอซาก้าขึ้นมาแทนที่วัดแห่งนี้ ทัวร์โอซาก้า เที่ยวโอซาก้า






Cr.ภาพ leesdynasty และ djsandkp

อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ - ทัวร์ฮอกไกโด

อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ - ทัวร์ฮอกไกโด


อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko Kokuritsu Koen) ตั้งอยู่ที่เกาะฮอกไกโด พื้นที่โดยส่วนใหญ่ของอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะอยู่ทางปลายสุดของคาบสมุทรชิเรโตโกะทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น "ชิเรโตโกะ" มีความหมายว่า "สุดขอบโลก"


โดยที่คาบสมุทรแห่งนี้อยู่ไกลจากเขตเมืองของฮอกไกโดมากและยังมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นอีกด้วย ทำให้มีพื้นที่หลายๆส่วนเข้าถึงได้โดยการเดินทางจากทางเรือเท่านั้น



อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นแหล่งที่สามารถพบหมีอาศัยอยู่เป็นประชากรมากที่สุดของญี่ปุ่น



ปีพ.ศ. 2548 ที่อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ และมีการเสนอให้ประเทศญี่ปุ่นพัฒนาพื้นที่ร่วมกับเกาะคูริลของประเทศรัสเซียให้เป็น อุทยานสันติภาพมรดกโลก



ที่ชิเรโตโกะนั้นก็ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในครั้งที่ 29 ในปี พ.ศ. 2548 ที่เมืองเดอบันประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งมีข้อกำหนดและหลักในการพิจารณาดังต่อไปนี้
1. เป็นแหล่งที่เกิดจากทางธรรมชาติอันมีเอกลักษณ์หายากหรือมีความสวยงามเป็นพิเศษ อาทิ แม่น้ำ น้ำตก ภูเขา
2. เป็นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์พันธุ์พืชที่หาได้ยาก แต่ยังคงสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งรวมไปถึงระบบนิเวศที่เป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ทัวร์ฮอกไกโด เที่ยวฮอกไกโด

ไปเที่ยวฮอกไกโดกันเถอะ

ไปเที่ยวฮอกไกโดกันเถอะ

ฮอกไกโด

ฮอกไกโด (Hokkaido) หรือเอโซะ ชื่อแต่เดิม ฮอกไกโดเป็นชื่อจังหวัดและเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศญี่ปุ่นรองจากเกาะฮอนชู เกาะฮอกไกโดนั้นมีอุโมงค์ที่เขื่อมถึงกันได้ชื่อว่า "อุโมงค์ใต้ทะเลเซคัง" จังหวัดฮอกไกโดเป็นเขตการปกครองเป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่รวมอยู่ โดยมีฮอกไกโดเป็นศูนย์กลาง และยังเป็นเมืองหลวงของซับโปโรอีกด้วย