โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ญี่ปุ่น แสดงบทความทั้งหมด

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในสวนอุเอโนะ

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในสวนอุเอโนะ


1.พิพิธภัณฑ์

  • Tokyo National Museum พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว ที่ใหญที่สุดในญี่ปุ่น
  • Nationlal Science Museum พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
  • National Museum of Western Art พิพิธภัณฑ์ศิลปะตะวันตก
  • Tokyo Metropolitan Art Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว
  • Ueno Royal Museum พิพิธภัณฑ์อุเอโนะ
  • Shitamachi Museum พิพิธภัณฑ์ชิตามาชิ จัดแสดงวิถีของสมัยเอโดะ
  • Orient Museum พิพิธภัณฑ์ตะวันออก จัดแสดงศิลปะประเพณีของชาวตะวันออกก

2.สวนสัตว์อุเอโนะ (Ueno Zoo)

3.ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)

4.วัดเบนเทนโด (Bentendou)

5.วัดเคนเนจิ (Kaneji Temple)

6.อนุสาวรีย์ท่านไซโก้ ทากาโมริ (Saigo Takamori) รูปปั้นจูงสุนัข ตั้งโดดเด่นอยู่ตรงทางเข้าใกล้สถานี JR Ueno ท่านไซโก ได้รับฉายาว่า "The Last Samurai" ผู้นำในการต่อสู้ของชาวซามูไรญี่ปุ่นผู้ยิ่งใหญ่ จะเห็นว่ามีนักศึกษาสาวๆมาทัศนศึกษาประวัติของท่านอยู่เป็นกลุ่มๆ และถ้าหากมาที่แห่งนี้ในช่วงเช้าๆ ม้านั่งอนุสาวรีย์จะกลายเป็นบ้านพอให้ได้หลับนอนของคนพเนจรอยู่ให้เห็นกันบ่อยๆไม่ต่างจากเมืองอื่นๆเท่าไหร่ บุคคลเหล่านี้หาเลี้ยงชีพตนด้วยการเร่ขายของภายในสวนสาธารณะนั่นเอง

วัดคิโยมิสึ ญี่ปุ่น

วัดคิโยมิสึ ญี่ปุ่น


วัดคิโยมิสึ
ที่ตั้ง : เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR เกียวโต ลงที่ป้าย คิโยมิสึ แล้วเดินต่ออีก 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : วัด "คิโยมิสึ" เป็นสัญลักษณ์ของ "เกียวโต" เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีก่อนปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในฤดูชมซากุระกลีบดอกจากต้นซากุระที่มีอยู่กว่า 1,000 ต้น ในวัดแห่งนี้จะโปรยปรายลงมาอย่างสวยงาม ในช่วงที่ดอกซากุระบานทางวัดจะประดับไฟยามค่ำคืนเป็นเวลา 1 เดือน ท่านสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงาม ของ "ลานคิโยมิสึบุโด" และ "หอ 3 ชั้น" ที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกซากุระ

Cr. เที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัดกับWonderfulpackage

สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซะกะ

สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซะกะ

ญี่ปุ่น

สวนนิชิดนะมะรุเทเอ็ง ภายในสวนสาธารณะ ปราสาทโอซะกะ
ที่ตั้ง : เมืองโอซะกะ จังหวัดโอซะกะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน ทานิมาจิยนโจเมะ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนนี้ตั้งอยู่ภายในอาณาเขตของปราสาทโอซะกะ ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว ภายในสวนมีซากุระกว่า 600 ต้น เมื่อเข้าสู่ฤดูชมดอกซากุระ ที่นี่จะคับคั่งไปด้วยบรรดาคุณพ่อคุณแม่ที่หอบลูกจูงหลานมาเที่ยว เฉพาะในช่วงฤดูชมซากุระเท่านั้น ที่จะมีการประดับโคมไฟกระดาษกว่า 200 อัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมปราสาทโอซะกะ และดอกซากุระในยามค่ำคืนได้


Cr.ข้อมูลทัวร์ญี่ปุ่นง่ายๆกับ wonderfulpackage.com

วัดเองงะคุจิ วัดที่ขึ้นชื่อในโยโกฮาม่า - ญี่ปุ่น

วัดเองงะคุจิ วัดที่ขึ้นชื่อในโยโกฮาม่า

ทัวร์ญี่ปุ่น

  สำหรับการเดินทางที่สะดวกที่สุดก็คือให้เดินจากสถานี Ishikawacho ในโยโกฮาม่าด้วยรถไฟ JR Yokosuka Line มาลงที่สถานี Kita-Kamakura เดินลงมาทางใต้ไม่ถึงนาทีก็จะมองเห็นทางเข้าวัดเองงะคุจิอยู่ทางด้านซ้ายมือเมื่อเดินขึ้นบันไดหินไปก็จะเห็นศาลาไม้เก่าหลังใหญ่ตั้งอยู่สูงเด่น

  วัดเองงะคุจิ (Engakuji Temple) เป็นหนึ่งในห้าวัดใหญ่ของวัดพุทธในนิกายเซนที่ยังเหลืออยู่ในคามาคุระ สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1825 (หลังปีที่ถูกกองทัพมองโกเลียรุกรานในครั้งที่ 2 เพียง 1 ปี) เพื่ออุทิศให้กับผู้ที่เสียชีวิตในช่วงที่ทัพมองโกลเข้ามารุกรานนั่นเอง

  ภายในบริเวณของหอซาริเด็น (Shariden)  มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ รวมทั้งพระพุทธรูปหินที่ตั้งอยู่กลางแจ้งมากมายหลายองค์นั้น ก็ผุกร่อนกันไปตามเวลา บนตัวพระและองค์ฐานพระนั้นมีเงินเหรียญวางบริจาคไว้อยู่เต็มไปหมด ถ้าลองเดินไปหลังวัดก็จะเจอระฆังสูง 2.5 เมตร ใบใหญ่ที่สุดของเมืองคามาคุระตั้งอยู่

เที่ยวญี่ปุ่น

ภายในบริเวณวัดดูร่มรื่น ถ้าเดินไปถึงด้านหลังจะมีสวนญี่ปุ่นสวยๆ ให้เดินชมโดยมีฉากหลังเป็นภูเขา ขอแนะนำให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงดอกซากุระกำลังเบ่งบานพอดีจึงสวยมากค่ะ

การเดินทางไปวัด Engakuji
- เดินจากสถานี Kita-Kamakura ราวๆ 1 นาที
ค่าเข้าชม 300 เยน
เวลาเปิดให้เข้าชม ทุกวัน 09.00 - 18.00 น.

Red Brick Warehouse ที่โยโกฮาม่า

Red Brick Warehouse ที่โยโกฮาม่า


   อาคารสีแดงที่ก่อสร้างด้วยอิฐแดงสองหลังตั้งอยู่ริมทะเลของอ่าวโยโกฮาม่านั้น สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2454 - 2546 ใช้เป็นด่านศุลกากรและเป็นโกดังในการเก็บสินค้าของท่าเรือโยโกฮาม่า แต่ในปัจจุบันนี้ได้กลายมาเป็นร้านค้า ร้านอาหารที่มีดนตรีเล่นสดทุกค่ำคืน ในบรรยากาศที่แสนสบายไม่พลุกพล่าน เพราะตั้งอยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชน ทั้งนี้สถานที่แห่งนี้ได้มีการปรับปรุงอีกครั้งในเมื่อปีพ.ศ.2545 และระหว่างอาคารทั้งสองหลังก็จะมีสวนดอกไม้เล็กๆตกแต่งไว้อย่างสวยงามอีกด้วย

   *ใครที่อยากหลบหนาวหลบลมที่กรรโชกแรงก็สามารถเข้ามาพักในอาคารนี้ได้เนื่องจากภายในอาคารนั้นติดฮีทเตอร์เอาไว้ด้วย

สวนสาธารณะยามาชิตะ (Yamashita Prak)
สวนริมทะเลแฟห่งนี้มีพื้นที่ๆยาวไปตามแนวชายฝั่ง ช่วงเย็นๆจะมีคนเดินพลุกพล่าน ใกล้ๆกันจะมีเรือ "ฮิคาวะมารุ (Hikawamaru)" ที่เคยเป็นเรือโดยสารและโรงพยาบาลเคลื่นที่ได้ และก็ได้ปลดระวางไปเมื่อปี พ.ศ.2503 หลังจากใช้งานมานานกว่า 30 ปี *สามารถขึ้นชมได้ในช่วงเวลา 09.30 - 19.00น. ค่าเข้าชม 800 เยน

มองออกไปจะเห็นสะพานแขวน Yokohama Bay Bridge ความยาว 860 เมตร ใต้ทางด่วน 3 เลนของสะพานสามารถขึ้นไปเดินชมทิวทัศน์ได้
ถัดไปอีกนิดจะมีหอคอย Marine Tower ประภาคารบนบกที่สูงสุดในดลก 106 เมตร สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2504 ในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปี ท่าเรือโยโกฮาม่า สามารถขึ้นไปชมวิวได้ระหว่างเวลา 09.30 - 21.00น. ค่าเข้าชม 700 เยน



ขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่น และทัวร์ญี่ปุ่นจาก WonderfulPackage.com

Yokohama Chinatown ไชน่าทาวน์ในญี่ปุ่น

Yokohama Chinatown ไชน่าทาวน์ในญี่ปุ่น


   ในจังหวัดโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีย่านที่คนจีนอาศัยอยู่ นั่นก็คือย่าน โยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์ (Yokohama Chinatown)  ที่ตุ้งอยู่คู่กันมาตั้งแต่มีท่าเรือโยโกฮาม่าเลยทีเดียว มีซุ้มประตูทางเข้าแบบจีนที่สวยงามแตกต่างกันตั้งอยู่บนถนนถึง 10 แห่ง เช่นประตูเก็นบุ(Genbu-mon) ด้านฝั่งโยโกฮาม่าสเตเดี้ยมคือประตูโชวโยะ (Choyo-mon) ทางด้านทิศเหนือที่จะพบเปป็นแห่งแรกถ้าเดินมาจากสวนยามาชิตะประเอ็นเปอิ (Enpei-mon) และทางทิศใต้ ถ้าเรามาทางสถานีรถไฟอิชิคาวะโจ (Ishikawacho) เมื่อเดินออกจากสถานีก็จะเจอประตูเซย์โย (Seiyo-mon) เป็นต้นฯ

ไชน่าทาวน์

   ประตูแต่ละแห่งสร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยที่มีมานาน ซึ่งเป็นศาสตร์ของคนจีนมาเนิ่นนานจนถึงในปัจจุบัน ขึ้นชื่อว่าไชน่าทาวน์แล้วหล่ะก็คงหนีไม่พ้นเรื่องร้านค้า ร้านอาหาร ภัตรคารที่มารวมกันอยู่ที่นี่ไม่ต่ำกว่า 500 ร้าน ทำให้เลือกชิมเลือกซื้อได้อย่างหลากหลาย มีร้านขายสินค้าจากจีนมากมายทั้งร้านขายยาจีน สมุนไพรที่นำเข้าจากจีนเป็นต้นฯ

ไชน่าทาวน์ญี่ปุ่น

   แล้ววันไหนเกิดมีการแข่งขันเบสบอลที่สนาม Yokohama Stadium ที่มีพื้นที่อยู่ใกล้ๆกันกับไชน่าทาวน์ เพราะบรรดาแฟนเบสบอลก็จะมาฉลองชัยให้ทีมตัวเองกันมากที่ย่านนี้นับหมื่นคนเลยทีเดียว

ญี่ปุ่น



*การเดินทางไปย่านไชน่าทาวน์ (Yokohama Chinatown)
-เริ่มต้นจากสถานีโยโกฮาม่า นั่ง JR Negishi Line ลงที่สถานี Ishikawa-cho ใช้เวลาประมาณ 7 นาที
-เริ่มต้นจากสถานีโยโกฮาม่า นั่ง Subway สาย Minato Mirai ลงสถานี Nihon Odori หรือ Motomachi ใช้เวลา 7-10 นาที

ท่องเที่ยวญี่ปุ่นชิมราเมนต้นตำหรับ

ท่องเที่ยวญี่ปุ่นชิมราเมนต้นตำหรับ

เที่ยวญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะเพื่อนๆในคราวที่แล้วเราก็ได้รู้จักกับพิพิธภัณฑ์ราเมนแสนอร่อยที่เมืองโยโกฮาม่าประเทศญี่ปุ่น (Shin Yokohama Ramen Museum) ซึ่งทางเราก็มีโอกาศได้ไปทัวร์ญี่ปุ่นขอพยายามที่จะหาเรื่องราวสนุกๆแปลกใหม่ตอนที่ได้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาฝากกันค่ะ ในวันนี้จะเล่าถึงประวัติของราเมนกันสักเล็กน้อย เพื่อเวลาท่านได้ไปรับประทานจะได้เข้าใจและอิ่มอร่อยได้ยิ่งขึ้้นค่ะ

"ราเมน" หรือ "ราเม็ง" (Raumen,Ramen) มีความหมายว่าเส้นบะหมี่ที่นำมาต้มแล้วใส่น้ำแกงลงไป มีการตั้งข้อสันนิฐานกันว่าราเมนนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน และก็ได้แพร่หลายในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จนคิดได้ว่าเป็นราเมนสูตรเฉพาะของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อด้วยความอร่อยและความพิถีพิถันในการทำอย่างมาก จึงไม่แปลกเลยที่จะกลายมาเป็นอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างนึงของญี่ปุ่นค่ะ 

ทัวร์ญี่ปุ่น

ปัจจุบันนั้นมีราเมนที่เป็นแบบกึ่งสำเร็จรูปเหมือนกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไป มีขายทั้งเครื่องหยอดเหรียญ และตามร้านสะดวกซื้อมากมายค่ะ

*การเดินทางไปยังพิพธภัณฑ์ราเมน (Shin Yokohama Ramen Museum) สามารถเดินทางได้ดังนี้
- จากสถานี Shin Yokohama เดินขึ้นมาจากสถานีประมาณ 5 นาทีก็จะพบพิพิธภัณฑ์แล้วค่ะ
ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 300 เยน
- เด็ก 100 เยน
เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00น. - 23.00 น. (กรุณาเข้าก่อน 22.00น.)



ขอขอบคุณข้อมูลทัวร์ญี่ปุ่นและสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นจาก wonderfulpackage.com ค่ะ

ชิมราเมนแสนอร่อยที่ yokohama raumen museum

ชิมราเมนแสนอร่อยที่ yokohama raumen museum


     ถ้านั่งรถไฟจากสถานีชิน โยโกฮามา (Shin Yokohama) เดินตรงขึ้นไปทางเหนือไม่ไกลนักก็จะเห็นพิพิธภัณฑ์ราเมน (Shin Yokohama Ramen Museum) ซึ่งจัดแสดงถึงความเป็นมาของราเมนแสนอร่อย เมนูยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่น แต่รู้หรือไม่ว่าราเมนจริงๆนั้นมีต้นกำเนิดมาจากบะหมี่ของประเทศจีนนะ


     เมื่อเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ราเมน(ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย) บอกได้เลยว่าไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์ที่เราเคยเห็นๆกันมาก่อนแน่ๆ เพราะส่วนแรกที่ได้เห็นคือร้านขายของฝากซึ่งมีราเมนสำเร็จรูปรวมอยู่ด้วยหลายชนิด รวมทั้งถ้วยชามที่ไว้สำหรับใส่ราเมนอีกด้วย

     และถ้าเราเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน ก็จะพบร้านขายราเมนอยู่เต็มไปหมด มีการตกแต่งทั้งหน้าร้านและภายในให้เป็นบรรยากาศย้อนยุคราวๆปี พ.ศ. 2500 ให้ได้เลือกสั่งราเมนอร่อยๆทาน ทั้งจากตู้อัตโนมัติ ซึ่งแต่ละตู้ก็จะมีราคา และราเมนหลายแบบให้เลือกกัน หรือจะกินในร้านก็มีบริการ แต่จะต้องต่อแถวยาวเหยียดรอคิว(ต้องแลกคูปองก่อนต่อแถวนะคะ) ถึงจะมีอยู่หลายร้านก็เถอะ แต่คนก็แน่นเต็มทุกร้านเลย


     แต่ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหน เมื่อได้ชิมราเมนร้อนๆแสนอร่อยแล้วจะต้องลืมเมื่อยกันไปเลยค่ะ เพราะที่นี่จะเป็นราเมนในสูตรต้นตำหรับของแท้เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ได้ชิมถึงรสชาติดั้งเดิมที่มีมานาน หลังจากที่อิ่มอร่อยกับราเมนแล้ว ร้านข้างๆก็มีสินค้าพวกย้อนยุคมากมาย เช่นชนม ของฝากน่ารักๆอยู่หลายร้านค่ะ แล้วเมื่อเราขึ้นบันไดไปก็จะเห็นส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของราเมน ทั้งวัสดุที่ใช้ทำ เครื่องมือในการผลิตเส้นราเมนเป็นต้นฯ 


*ข้อแนะนำนะคะ หากท่าใดที่มาพิพิธภัณฑ์ราเมนที่โยโกฮาม่าแล้วก็อย่าเพิ่งรีบเข้ามาทานราเมนก่อนนะคะ เพราะที่นี่มีร้านราเมนอยู่ถึง 8 ร้านให้ได้เลือกชิมกันเลยทีเดียว ให้ลองหยิบเอกสารที่เค้าแจกด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าร้านไหนมีราเมนแบบไหนขายอยู่บ้าง...


ไว้คราวหน้าจะพาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ใดนั้นคอยติดตามชมกันนะคะ




ขอขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่นดีๆจาก Wonderfulpackage.com

ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ twitter.com/wonderfulweb

โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า

โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า

ญี่ปุ่น

โรงกษาปณ์ เมืองโอซาก้า
ที่ตั้ง : เมืองโอซะกะ จังหวัดโอซะกะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินเทมมาบาชิ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน (เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเพียงหนึ่งสัปดาห์)
ข้อมูลน่ารู้ : เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาในโรงกษาปณ์ เพื่อชื่นชมความงามของดอกซากุระตามทางเดินริมน้ำ ที่มีชื่อว่า "ซากุระโนะโทโอรินุเคะ" ได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีเท่านั้น จึงทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาถึงปีละล้านกว่าคน ที่พลาดไม่ได้คือ การเดินผ่านถนนที่มีดอกซากุระปกคลุมอยู่ด้านบนเต็มไปหมด คล้ายกับกำลังเดินผ่านอุโมงค์ดอกซากุระ ในยามค่ำคืนก็จะมีการประดับไฟอย่างงดงาม ท่านสามารถเข้าชมได้จนถึงเวลา 3 ทุ่ม ทัวร์ญี่ปุ่น

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

ญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางง่ายๆจากกรุงโตเกียวไปยังโยโกฮาม่า มีหลากหลายเส้นทางแต่ในวันนี้จะขอแนะนำวิธีที่สะดวกที่สุดอีกหนึ่งเส้นทางดังนี้
1.จากสถานีโตเกียว ให้นั่งJR Keihin-Tohoku Line หรือ JR Yokosuka Line มาถึงสถานีโยโกฮาม่าโดยใช้เวลาประมาณ 25-40 นาทีค่าโดยสาร 450 เยน ให้เลือกนั่งขบวน Rapid หรือ Limited Express ค่ะ ซึ่งจะมีรถออกทุกๆ 5-10 นาที
2.จากสถานีชินจูกุ นั่งJR Shonan Shinjuku Line ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 540 เยน มีรถออกทุก 20-30 นาที
3.จากสถานีชิบูย่า นั่ง Tokyo Toyoko Line/Minato Line ถึงสถานีโยโกฮาม่าใช้เวลา 25-40 นาที ค่าโดยสาร 260 เยนรถออกทุก 10 นาที
4.จากสถานีโตเกียวนั่ง JR Tokaido Shinkansen ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลาประมาณ20นาที มีรถออกทุกๆ 20-40 นาที
5.จากสถานี Shin-Yokohama สามารถเดินทางไปยังสถานีโยโกฮาม่าได้โดยนั่ง Yokohama Subway ใช้เวลาประมาณ 12 นาที

ขอบคุณข้อมูลจาก facebook.com/wonderfulfanpage

ปราสาทปราสาทฮิเมหยิฮิเมหยิ ญี่ปุ่น

ปราสาทฮิเมหยิ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

ปราสาท ฮิเมหยิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิเมหยิ จังหวัดเฮียวโงะ
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR ฮิเมจิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : วัด "โฮริวหยิ" ที่นาระและปราสาท "ฮิเมจิ" แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.1993 ภายในตัวปราสาทนอกจากจะมีทรัพย์สมบัติของชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าเก็บรักษาอยู่แล้ว ยังมีตำนานและเรื่องเล่าหลงเหลืออยู่อีกมากมาย ปราสาท "ฮิเมหยิ" ถูกขนานนามว่า เป็นปราสาทมีความงดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดงานชมซากุระ มีการบรรเลงเครื่องดนตรีโกโตะ (จะเข้ญี่ปุ่น) และกลองไทโคะด้วย
ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น


สวนสาธารณะ ชิโรยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองมะทจึยะมะ จังหวัดเอฮิเมะ
การเดินทาง : ลงรถไฟสาย อิโยะเท็ตสึโด ที่สถานีไคโคโต แล้วต่อรถกระเช้าขึ้นไปอีก 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : นอกจากจังหวัดเอฮิเมะจะเป็นที่รู้จักในเรื่อง บ่อน้ำพุร้อน "โดโงะ" แล้ว ดอกซากุระของปราสาท "มะทจึยะมะ" มีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามด้วย ในงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิของมะทจึยะมะนอกจากท่านจะได้ชมดอกซากุระแล้ว ยังจะได้ชมการจำลองจัดขบวนทัพของเหล่านักรบ ที่มีชื่อว่า "ไดเมียวเกียวเร็ตทจึ" และการแข่งขันเล่น "ยาคิวเค็ง" ระดับประเทศด้วย ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทจึยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาท "ทจึยะมะ" ปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของญี่ปุ่นในแต่ละปีเมื่อถึงฤดู ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

สะพานคินไตเคียว ญี่ปุ่น

สะพานคินไตเคียว ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

สะพานคินไตเคียว
ที่ตั้ง : เมืองอิวะคุนิ จังหวัดยะมะงุจิ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR อิวาคุนิ หรือสถานีรถไฟ JR ชินอิวาคุนิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สะพาน "คินไตเคียว" เป็นสะพานที่มีรูปร่างแตกต่างจากสะพานทั่วไป ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามสะพานที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อย่างเข้าเดือนเมษายนบริเวณรอบๆสะพานแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ งานเทศกาลชมดอกซากุระแห่งสะพาน "คินไตเคียว" จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงฤดูชมดอกซากุระยามค่ำคืนจะมีการประดับแสงไฟด้วย กิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับที่นี่คือ การล่องเรือชมสะพาน "คินไตเคียว" และดอกซากุระที่บานสะพรั่ง

ปราสาทคุมะโมโตะ ญี่ปุ่น

ปราสาทคุมะโมโตะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

บริเวณรอบๆปราสาทคุมะโมโตะ
ที่ตั้ง : เมืองคุมะโมโตะ จังหวัดคุมะโมโตะ
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจําทางจากสถานีรถไฟ JR คุมะโมโตะ 15 นาที ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ปราสาทคุมะโมโตะสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน เป็นหนึ่งใน สามปราสาทที่มีแนวรั้วกำแพงหินที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อถึงฤดูชมดอกซากุระ จะเปิดให้เข้าชมในเวลากลางคืนด้วย จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรี หากท่านได้เดินชมตัวปราสาทที่ฉาบแสงไฟ และดอกซากุระยามราตรี ไปตามถนนที่ประดับด้วยโคมไฟแล้ว ท่านจะได้ลิ้มรสกับความสุขที่ยากจะหา ใดเปรียบเชิญรับชมภาพของ "ปราสาทคุมะโมโตะ" ได้ทางเว็ปไซต์ ที่นี่

คามาคุระ อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น

คามาคุระ อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

เมืองคามะคุระ หรือคามาคุระ ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีวัดวาอาราม ศาลเจ้าและประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมต้นตำหรับญี่ปุ่น จึงไม่แปลกใจนักถ้าเมืองแห่งนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายังที่นี่...

ฮาโกเน่ เปรียบเสมือนเมืองหน้าด่านสู่ภูเขาไฟฟูจิ อุดมไปด้วยแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติจากภูเขาไฟ จึงมีออนเซ็นตั้งอยู่ตามป่าเขามากมาย ทะเลสาปฮาโกเน่เป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเป็นที่ๆนักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปกัน และยังเป็นที่สำคัญของเมืองนี้ด้วย

ในปัจจุบันจังหวัดคานากาว่ามีประชากรมากเป็นอันดับ2 รองจากโตเกียว ทั้งสี่เมืองนี้ (โยโกฮาม่า,คาวาซากิ,คามาคุระ,ฮาโกเน่) สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวจากกรุงโตเกียวไป-กลับภายในวันเดียว (วันละเมือง) ถ้าไม่อยากพักที่โตเกียวแล้วหล่ะก็ ที่โยโกฮาม่าก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก www.wonderfulpackage.com
และ FB : facebook.com/wonderfulfanpage

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมและศูนย์กลางขนส่งทางทะเล

โยโกฮาม่าเมืองอุตสาหกรรมและศูนย์กลางขนส่งทางทะเล

ญี่ปุ่น

โยโกฮาม่านั้นมีเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งด้วยกันไม่ว่าจะเป็น มินาโตะมิไร แลนด์มาร์คทาวเวอร์ เรือนิปปอนมารุุ ชิงช้าสวรรค์คอสโม โยโกฮาม่าไชน่าทาวน์ พิพิธภัณฑ์ราเมน และอื่นๆอีกมากมาย 

เราคงเคยคุ้นกับเมืองโยโกฮาม่าในญี่ปุ่นกันเป็นอย่างดี มีคนไทยเข้าไปอยู่อาศัยและทำงานกันหลายหมื่นคน เมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโตเกียว ในเขตจังหวัดคานากาว่า โดยมีเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่เรารู้จักกันอยู่ได้แก่ เมืองคาวาซากิ คามาคุระ และฮาโกเน่

โยโกฮาม่า เป็นเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เมืองศูนย์กลางการค้า อุตสาหกรรมแฟชั่นและการคมนาคมไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ

คาวาซากิ เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่รู้จักกันดีที่สุดก็คือโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Kawasaki และมีโรงงานผลิตรถไฟชินคันเซ็นที่วิ่งทั่วประเทศญี่ปุ่นก็ถูกผลิตขึ้นที่เมืองแห่งนี้ด้วย ดังนั้นเราจึงมองเห็นปล่องควันจากโรงงานต่างๆหลายแห่งยาวตลอดเส้นทางที่เราจะไปเมืองโยโกฮาม่า



ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก WonderfulPackage.com
และ FB : facebook.com/wonderfulfanpage

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น


การเมืองการปกครอง 

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะประเทศญี่ปุ่นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิทรงเป็นประมุข แต่พระจักรพรรดิไม่มีพระราชอำนาจในการบริหารประเทศ โดยมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ อำนาจการปกครองส่วนใหญ่ตกอยู่กับนายกรัฐมนตรีและสมาชิกอื่น ๆ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนอำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของชาวญี่ปุ่น พระจักรพรรดิทรงทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐในพิธีการทางการทูต พระองค์ปัจจุบันคือจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ส่วนรัชทายาทคือมกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลสูงสุดของญี่ปุ่นองค์กรนิติบัญญัติของญี่ปุ่น คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ญี่ปุ่น: 国会 Kokkai ?) หรือที่เรียก "ไดเอ็ต" เป็นระบบสองสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (ญี่ปุ่น: 衆議院 Shugi-in ?) เป็นสภาล่าง มีสมาชิกสี่ร้อยแปดสิบคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งสี่ปี และมนตรีสภา (ญี่ปุ่น: 参議院 Sangi-in ?) เป็นสภาสูง มีสมาชิกสองร้อยสี่สิบสองคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งหกปี โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกมนตรีสภาจำนวนครึ่งหนึ่งสลับกันไปทุกสามปี สมาชิกของสภาทั้งสองมาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์เป็นต้นไปพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นพรรครัฐบาลมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งพรรคใน พ.ศ. 2498จนในปี พ.ศ. 2552 พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้ง จึงทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียตำแหน่งพรรครัฐบาลซึ่งครองมายาวนานกว่า 54 ปี ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

หัวหน้ารัฐบาล นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีและให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายนะโอะโตะ คัง หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น ระบบกฎหมายของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทางประวัติศาสตร์จากกฎหมายของจีน และมีพัฒนาการเฉพาะตัวในยุคเอโดะผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ประมวลกฎหมายคุจิกะตะโอะซะดะเมะงากิ (ญี่ปุ่น: 公事方御定書) ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษ 2400 เป็นต้นมา ได้มีการวางรากฐานระบบตุลาการในญี่ปุ่นขนานใหญ่โดยใช้ระบบซีวิลลอว์ของยุโรปโดยเฉพาะของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นต้นแบบ เช่นใน พ.ศ. 2439 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งของตน เรียก "มินโป" (ญี่ปุ่น: 民法) โดยมีประมวลกฎหมายแพ่งของเยอรมันเป็นต้นแบบ และคงมีผลใช้บังคับอยู่นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบัน และบรรดากฎหมายแม่บทของญี่ปุ่นมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้ตรา พระจักรพรรดิเป็นผู้ทรงประกาศใช้โดยต้องทรงประทับพระราชลัญจกรเป็นการประกาศใช้ ทั้งนี้ โดยนิตินัยแล้วพระจักรพรรดิไม่ทรงมีพระราชอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ส่วนศาลของญี่ปุ่นนั้นแบ่งเป็นสามชั้นจากต่ำขึ้นไป ดังนี้ ศาลชั้นต้น ประกอบด้วย ศาลชั้นต้นทั่วไป ศาลแขวง "รปโป" (ญี่ปุ่น: 六法) มีสภาพเป็นประมวลกฎหมายที่สำคัญหกฉบับ เรื่องสนุกๆรออยู่ที่wonderfulpackage

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่ 



แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485 ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตกและทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลินเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประณามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941

ระเบิดนิวเคลียร์แฟทแมนที่ถูกทิ้งลงนะงะซะกิในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ 


ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 , 9 และ  15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี 1956 หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตกเศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551 ข้อมูลมากมายที่นี่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา


วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมากเที่ยวญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จทัวร์ญี่ปุ่น

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้นความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลงที่นี่