โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน4

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน4"

จะอยุ่ติดกับสถานีรถไฟที่เข้ามาจากด่านฮ่องกง 


มีอยู่ประมาณ 4-5 ขั้น มีร้านค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อของ เรานัดเวลาเจอกันตอน บ่าย 3 โมง เนื่องจากเราต้องเดินทางไปยัง หมู่บ้านวัฒนธรรม เพื่อชมวิถีชีวิตของชนเผ่าต่างๆ ที่อยุ่ในประเทศจีน สามารถเดินถ่ายรูปได้ หรือจะขึ้นรถบริการก็ได้ ในหมู่บ้านจะมี Splendid Of China หรือเมืองจำลองสถานที่ท่องเที่ยวดังๆประเทศจีน เช่น พระราชวังกู้กง กำแพงเมืองจีน ฯลฯ
เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ทุกคนกลับมายังจุดนัดพบเพื่อที่จะชมโชว์ของหมู่บ้านวัฒนธรรม เป็นโชว์ของชนเผ่าต่างๆ ที่มีอยูในประเทศจีน หลังจากโชว์เดินทางสู่ร้านอาหารทานอาหารอันลือชื่อของเซิ่นเจิ้นเป็น เบบี้ ดัก เป็นเป็ดอายุน้อยที่ต้องผ่านการทำอย่างพิถีพิถัน ให้สำหรับทุกท่านท่านละ 1 ตัว และยังมีอาหารแบบซีฟู๊ดอีกมากมาย เราก็ได้กลับโรงแรมมาพักผ่อน แต่ว่ามีหลายคนต้องการที่จะซื่อของฝากเพิ่มก็สามารถเดินไปซื้อของยัง LOWUได้แต่ว่าเรา ได้ไปที่ซ้อปปิ่งอีกที่หนึ่งเรียกว่าตลาด ตงเหมิน ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็ประมาณสยามสแคว์ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วจะมีพวกวัยรุ่นของเซิ่นเจิ้นมาเดินซื้อของกัน เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯ เดินกันจนเพลิดเพลินดูเวลาอีกทีก็จะ 4 ทุ่มแล้วเราเลยกลับกัน เพราะว่าส่วนใหญ่ร้านค้าก็จะปิดแล้วด้วยเที่ยวฮ่องกง


เช้าวันสุดท้าย ของการเดินทางทุกคนพร้อมหน้ากันที่ห้องอาหารเวลาประมาณ 8 โมงเช้าหัวหน้าทัวร์ก็จัดการทำเรื่อง เดินทางกลับวันนี้หลายคนมีกระเป๋าเพิ่มเพราะว่าซื้อของฝากกันเยอะ
การข้ามกลับฮ่องกงก็กลับทางเดิมคือทางรถไฟ พอมาถึงฮ่องกงก็มีฝนตกเล็กน้อย เรานำกระเ่ป๋าสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมเพื่อสะดวกต่อการช๊อปปิ้ง เพราะว่าเป็นวันสุดท้ายของการอยู่ฮ่องกง ผมได้นั่งรถใต้ดินไปแถว MONG KOK ไปซื่อของราคาถูกที่เค้าเรียกว่าย่าน เรดี้ มาเก็ต เที่ยวฮ่องกง
เราก็ซื้อของกันจนถึงเวลาประมาณ 4 โมงเย็น ก็ขึ้นรถเดินทางไปยังสนามบิน เพราะว่าเที่ยวบินที่เราเดินทางเป็นเที่ยวบินเหมาลำ ดังนั้นคนจะเยอะมาก ทางหัวหน้าทัวร์จึงแนะนำว่าเราไปเร็วๆจะดีกว่า จะได้มีเวลาไปพักผ่อนที่สนามบิน แล้วก็เยอะจริงเวลาประมาณ 1 ทุ่มทุกคนมาพร้อมกันที่สนามบินมันเยอะมากจริงๆทัวร์ฮ่องกง

หลังจากที่คณะของเราโหลสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้าไปเดินดูของ และทานอาหารอยู่ด้านใน รอเวลาเครื่องออก ขากลับล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดประมาณ 20 นาที
เนื่องจากคนเยอะมาก แต่ทุกคนก็ได้ขึ้นเครื่องบิน บินกลับสู่กรุงเทพโดยปลอดภัย แต่ขากลับคณะเราจะดูพิเศษกว่าคณะอื่นๆ
เพราะว่าสนิทกันจึงเล่นและคุยกันเสียดังไปนิด
แต่ก็อยู่ในมารยาทที่งดงาม
หลังจากเครื่องลงที่สุวรณภูมิทุกคนก็ได้ร่ำลากัน และแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน

ประสบการณ์ในการเดินทางนี้ผมอยากจะบอกทุกท่านที่ได้อ่านมาตั้งแต่แรกจบจบว่า
ผมประทับใจมากกับการเดินทางตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้เจอเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน ทัวร์ฮ่องกง
เพราะว่าเจ้าหน้าที่สามารถทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นกับการเดินทางต่างประเทศครั้งแรก
และทุกคนในคณะเดินทางก็มีน้ำใจไมตรีเหมาะสมกับคำว่าสยามเมืองยิ้ม สยามเมืองพุทธ


เรื่องทัวร์ฮ่องกง เที่ยวฮ่องกงถามเราซิคะ

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน3

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน3"

ถ้าเดินออกจากหน้าโรงแรมไปทางขวามือจะมี 


เซเว่น ด้วย และถ้าไม่เกิน 3 ทุ่ม ถึง 3 ทุ่มครึ่งเดินเลย เซเว่นไปนิดเดียว เราก็จะเห็นร้าน บะหมีเกี้ยว ผมอยากจะบอกให้ท่านทราบว่า เกี้ยวกุ้งที่ฮ่องกง อร่อยมากครับเพราะว่ากุ้งตัวใหญ่ม๊ากมาก... 

เนื่องจากกุ้งตัวใหญ่มากเลยครับ ใช้กุ้งทั้งตัว (ถ้าต้องการกลับสามารถติดต่อซื้อที่ร้านได้เลย ราคาประมาณ 30 – 45 เหรียญฮ่องกง ประมาณ 10 ชิ้น) ทัวร์ฮ่องกง
วันที่ 2 ของการเดินทาง ตื่นตอน 7 โมงเช้า ออกจากโรงแรมไปรับทานอาหารแบบติ่มซำ ที่ภัตราคาร ใกล้ๆ โรงแรม ROYAL GARDEN ย่านจิมซานจุ่ย สิ่งที่ผมสังเกตุภัตราคารที่ฮ่องกงคือ จะตกแต่งสวยงาม สีจะเน้นโทนสีชมพู ขาว ครีม เนื่องจากว่าต้องรองรับงานเลี้ยง งานแต่ง เพราะว่าฮ่องกงพื้นที่จำกัดไม่เหมือน ประเทศไทยที่อาจจะจัดกันที่โรงแรมหรือที่บ้าน อาหารเช้าน่าทานมาก และก็รสชาติไม่จัด เหมือนกับการรับทานตอนเช้า
ทานอาการเสร็จแล้วเราก็เดินทางไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ อ่าวน้ำตื้น ลอดอุโมงค์ ที่ไกด์บอกว่าเป็นอุโมงค์ที่ทำลอดใต้ทะเล มีรถใช้ประการอุโมงค์นี้ประมาณ 4-5 พันคันต่อวัน เที่ยวฮ่องกง

ถึงวัดเจ้าแม่กวนอิมก็ได้ฟังประวัติ และได้ไหว้สักการะเจ้าแม่กวนอิม ข้ามสะพานอายุยืน เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เนื่องจากที่เราย้ำมาเสมอว่าคนฮ่องกงมีความเชื่อเรื่อง “ฮวงจุ้ย” เป็นอย่างมาก ดังนั้นคนฮ่องจึงชอบที่จะมาพักผ่อนที่อ่าวน้ำตื้น และมาไหว้พระขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่นี้กันมาก
หลังจากได้รับพรเต็มที่แล้วเราก็เดินทางไปยังจุดชมเมื่อฮ่องกงที่สวยทีสุดของฮ่องกงที่เรียกกันว่า วิคตอเรียพีค “VITORIA PEAK”

เดินทางกลับสู่เมืองฮ่องกงเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ระหว่างทางเราได้แวะชมโรงงาน จิวเวอร์รี่ มีหลายคนในทริปนี้สนใจเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ว่ากังหันจะช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายออกจากตัวเรา และนำสิ่งดีๆมาให้ตัวเรา ผลิตภัณฑ์มีหลายแบบทั้ง จี้ สร้อย แหวน ต่างหู และเครืองประดับอื่นๆ เดินดูกันจนลืมหิวไปเลย ได้เวลาพอมควร เราก็เดินทางไปร้านอาหารรับประทานอาหารกลางวัน มื้อนี้เป็นเป็ดย่าง ซีโคร่งน้ำแดง ปลานึง ฯลฯ เที่ยวฮ่องกง

หลังจากที่เราอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศเราก็พากันเดินทางไปสู้เกาะลันตา เพื่อนมัสการพระใหญ่ที่วัดโป่หลิน นั่งกระเช้า 360 องศา กระเช้ามี 2 แบบ คือกระเช้ากระจกธรรมดา และกระเช้าคลิสตัล คณะทัวร์ส่วนใหญ่นั่งกระเช้าธรรมดา แต่ว่ากระเช้าคลิสตัลถ้าโดนแสงแดดแล้วจะสวยงามมากๆ เราเพราะจะมีแสงระยิบระยับ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที 
ในระหว่างที่กระเช้ากำลังพาเราไปถึงยอดเราจะมองเห็นองค์พระสำริดที่มีขนาดใหญ่ สูงสุดแล้ว เราก็ต้องเดินไปอีกประมาณ 500 เมตร แต่ในระหว่างทางที่เดินไปขึ้นไหว้พระจะมีพิพิธภัณฑ์ ต่างๆให้เราได้ชม (ต้องจ่ายค่าเข้าชมเอง) หลังจากที่เราไหว้พระเรียบร้อย เรานัดพบกันที่ CITY GRATE เพราะเราจะเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟไปยังเซิ่นเจิ้น ทัวร์ฮ่งกง
ได้เวลาทุกคนพร้อมขึ้นรถกลับเข้าในเมืองประมาณ 25 นาทีเราก็ถึงสถานีรถไฟ (ฮอง ฮัม HUNG HOM) ประมาณหัวลำโพงบ้านเรา ถึงสถานีทุกคนเตรียมแพ็คของให้กระเป๋าเหลือน้อยที่สุด เพราะว่าต้องขึ้นรถไฟและต้องลากกระเป๋าเอง
ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึงด่านเซิ่นเจิ้นการข้ามด่านไปเซิ่นเจิ้นต้องให้เอกสารการเข้า-ออกเมือง หรือ ตม. ออกฮ่องกง และเข้าเซิ่นเจิ้น เจ้าหน้าที่ทางบริษัทได้เขียนให้เราแล้ว ลากกระเป๋าเดินตามหัวหน้าทัวร์ ใช้เวลารอที่หน้าด่านประมาณ 20-30 นาทีก็ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

หลังจากนั้นทุกคนหิวมากเพราะว่าเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว เราก็เดินทางไปยังร้านอาหารก่อนเข้าโรงแรม หลังจากนั้นเดินทางไปยังโรงแรม DAY’S HOTEL 
เป็นโรงแรม 4 ดาว ถ้าอยู่ชั้น 5 ของตึก จากโรงแรมสามารถมองเห็น ตลาด LOWU สามารถเดินไปได้ประมาณ 300 เมตร แต่เนื่องจากถนนมีอุโมงค์ จึงต้องเดินอ้อมนิดหน่อย 
โรงแรมนี้สามารถเดินหาของรับทานได้ง่ายเพราะว่าข้างโรงแรมทางด้านซ้ายมือจะมี มินิมาร์ท หรือถ้าท่านเมื่อยล้า จากการเดิน ชั้น 4 ของโรงแรม จะมีบริการ สปา นวดตัว นวดเท้า อัตราค่าบริการก็ไม่แพง เริ่มต้นที่ 40 หยวด สถานที่สะอาดดี 

หลังจากที่เราพักผ่อน เจอกันช่วงเช้า หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเป็นแบบ American breakfast. ห้องอาหารอยู่ชั้นเดียวกับแผนกต้อนรับของโรงแรม (Reception) 
หลังจากอาหารเ้ช้า เราก็เริ่มเดินทางท่องเที่ยวในตัวเซิ่นเจิ้น เนื่องจากเซิ่นเจิ้นเป็นเมืองที่ประวัติศาสตร์ยังไม่ยาวนานนัก ดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น โบราณสถาน โบราณวัตถุจะไม่ค่อยมี แต่ว่าส่วนใหญ่จะมา shopping ของมากกว่า เนื่องจาก การออกแบบของที่นี้ จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับของที่มียี่ห้อดังๆ แต่ว่าเราก็ได้ไปชม โรงงาน หยก เพราะว่า ราคาหยกที่เซิ่นเจิ้นจะราคาไม่แพง หลายคนในคณะซื้อเรือสำเภาหยก กลับมาเพราะว่ามีความเชื่อเรื่องการค้าขาย เนื่องจากเรือสำเภาเป็นพาหนะในการออกธุระกิจของชาวจีน และยังมีผีชิว หรือ ผีซิ่ว บางคนเรียก ผีเซี้ย เป็นสัตว์นตำนานเป็นสัตว์์ที่ผสมกันหลายชนิด หลังจากทุกคนซื้อของฝากกันเรียบร้อย เราทุกคนก็เดินทางไปยังจุดหมาย ที่หลายๆคนตั้งใจ คือ ตลาด LOWU เป็นอาคารที่ขายของเหมือนจริง หรือของ COPPY 

เรื่องทัวร์ฮ่องกง เที่ยวฮ่องกงถามเราซิคะ

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน2

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน2"

แล้วเค้าก็เดินนำตามทางไปเรื่อยๆ 


หลายท่านมีแวะเข้าห้องน้ำ เดินไปจนถึงทางแยกที่จะต้องไปขึ้นรถของสนามบิน เพราะว่า สนามบิน “เช็คลับก๊อก” เป็นสนามบินที่ใหญ่มากติดอันดับต้นๆ จึงต้องนั่งรถไฟไปอาคารใหญ่
(บางท่านไม่กล้าขึ้นเพราะว่ากลัวว่าจะไม่ได้ไปที่เดียวกัน แต่ว่ารถไฟ วิ่งไปแล้วก็วิ่งกลับเท่านั้น )
นั่งรถไฟไปถึงที่อาคารใหญ่เราก็ตามทาง เห็นตรงหน้าจอบอกว่า OX2316 ต้องไปรับกระเป๋าที่สายพาน 5 ก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วทุกคนก็ไปรอรับกระเป๋า แล้วก็เดินตามกันออกไปแล้วก็เจอ ไกด์ท้องถิ่นชื่อ “คุณทอม” ที่ประตู EXIT B ทัวร์ฮ่องกง
คุณทอมพาเราทุกคนไปที่รถใช้เวลาประมาณ 20 นาที เราเอากระเป๋าขึ้นรถและเลือกที่นั่งกันเสร็จ เราเดินทางไปตามเส้นทางที่เข้าสู่เมืองฮ่องกง 
เรามารู้จัก เกาะฮ่องกง กันคร่าวๆ ฮ่องกงแบบออกเป็นเกาะเล็กใหญ่มากมาย แต่ว่าเกาะที่สำคัญของฮ่องกง มีทั้งทั้งหมด 3 เกาะหลักๆ คือ 
1.เกาะลันตา หรือ เกาะลันเตา เกาะนี้เป็นเหมือนประตูเข้า ฮ่องกงเพราะว่ามีสนามบิน สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ โอเชี่ยนปาร์ค และพระใหญ่ ที่คนไทยเรียกกันว่าพระใหญ่เกาะลันตา 
2.เกาะเกาลูน เกาะนี้เป็นที่ชื่นชอบมากของคนทั่วไปเพราะเป็นเกาะแห่งแฟชั่น เนื่องจากมีถนนแห่งการ ช้อปปิ้ง เช่น จิมซานจุ่ย เรดี้มาเก็ต ถนนดารา Avenues of Star ฯลฯ 
3.เกาะฮ่องกง เกาะนี้เปรียบเสมือนเมืองธุระกิจ เพราะว่าอาคารสำนักงานต่างๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เกาะนี้รวมทั้ง วิคตอเรียพีค อ่าวน้ำตื่น มาเที่ยวฮ่องกง

หลังจากที่เรารู้จักฮ่องกงกันเรียนร้อยแล้ว ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ วัดหวังต้าเซียน เป็นวัดที่ชาวฮ่องกงให้ความนับถือเป็นอันมากเพราะว่าทุกคนเชื่อว่า “วัดหวังต้าเซียน” หรือเทพต้าเซียนเป็นเทพเจ้าแห่งหมอรักษาโรคภัยต่างๆ 


หลังจากขอพรเรียบร้อยแล้วเราก็ไปทานอาหารกลางวัน แบบกวางตุ้ง 
อาหารแบบกวางตุ้ง จะมีรสชาติไม่จัดเหมือนอาหารไทย แต่คนไทยส่วนใหญ่จะทานไม่ได้เยอะ แต่ว่าบริษัททัวร์ก็มีน้ำจิ้ม แจ่ว และซีฟู๊ดมาให้ด้วย ทุกอย่างบนโต๊ะเราไม่เหลือเลย เพราะว่าทุกคนหิวมาก จากนั้นก็ถึงเวลาที่หลายๆท่านรอคอยเพราะว่าหลงจากทานอาหารเราก็ได้ไปที่ถนนจิมซานจุ่ย 
จิมซานจุ่ยเป็นถนนช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง เราเดินจับจ่ายกันจนเพลินก็ได้เวลาดูแสงสีเสียงพอดี ประมาณ 2 ทุ่มของทุกวันยืนดูความตระกาลตาของแสง สี เสียง “ Symphony of Lights” มีการยิงแสง เรซอร์ จากเกาะเกาลูน ไปยังตึกของฝั่งฮ่องกง ที่เปรียบเสมือน ฉากหลังที่อลังกาล 

และไม่ไกลจากที่เรายืนก็เป็นถนนดารา “Avenue Of Star” จะมีรอยประทับฝ่ามือของดาราดังๆ หลายคน หลังจากที่โชว์จบเราก็ได้เดินไปพบหัวหน้าทัวร์ยังจุดนัดหมาย หน้าศูนย์ช้อปปิ้ง SOGO PLAZA ไปยังโรงแรม  HERBOUR PLAZA 8 DEGREE HOTEL โรงแรมนี้เป็นโรงแรมใหม่ และมีลักษณะแปลก เนื่องจากเลข 8 เป็นเลขที่ถือเป็นมงคลของคนจีน และคนฮ่องกง เพราะว่าเป็นเลขที่ไม่มีจุดขาดของเส้น โรงแรมจึงมีสัญลักษณ์ต่างที่เป็น การเสริมฮ่วงจุ้ย แต่ว่าโรงแรมนี้ห้องจะไม่กว้างมากนักเนื่องจากเป็นโรงแรมที่อยู่ในเมือง แต่ว่าผมว่าห้องเค้าก็น่าอยู่สะอาด และหน้าโรงแรมยังมีตลาดเล็กๆ มีผลไม้สดๆให้เราได้เลือกซื้อ 

เที่ยวฮ่องกง ทัวร์ฮ่องกงด้วยกันซิคะ

ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน1

"ตะวันทอแสงที่ ฮ่องกง Sunny Days in Hongkong ตอน1"

เป็นประสบการณ์ที่หลายๆท่านอาจจะต้องอิจฉาเลยที่เดียว 


เพราะว่า ผมเดินทาง 4 วันเต็มๆเลย ใช้ชีวิตอยู่ ฮ่องกง และเซินเจิ้น อย่างคุ้มค่ามากๆ เพราะว่าผมบินโดยสายการบิน โอเรี้ยนไทย (ORIENT THAI) OX 2316 เป็นเที่ยวบินเหมาลำ ทั้งเครื่องมีแต่คนไทยทั้งหมด ประมาณ 500 กว่าที่นั่ง ตอนแรกที่มาถึงสนามบินผมเห็นคนเยอะมาก คิดว่าวันนี้อย่างไงก็ต้องตกเครื่องกันบ้างล่ะ (คิดในใจ) แต่ว่าเจ้าหน้าที่ของ ทาง บริษัททัวร์ ต่างๆ ก็ช่วยกันอย่าง ขะมักเขม้น จนทุกคนได้ขึ้นเครื่องตามเวลา

หลังจากที่ทุกคนได้บัตรโดยสาร แล้ว เราก็ต้องเซ็นชื่อตามที่เจ้าหน้าที่ของ บริษัท ได้ให้มา รู้สึกถึงความสะดวกสบายมาก 
ไม่ต้องกรอกเอง คณะเรา ก็พากันเดินไปที่ ตรวจคนเข้าเมือง (INMIGATION) คนเยอะมากเลยต่อแถวกันพักใหญ่ แต่ว่าจะ 
แยกระหว่างช่องคนไทย (คนไทยช่วงสีเขียว เขียนว่า “THAI PASSENGER”) กับชาวต่างชาติ เสร็จจากตรงนี้เดินผ่านเจ้าหน้าที่ 
ที่ทำหน้านิ่งๆไปแล้ว เราก็ต้อง X-RAY กระเป๋าที่เราถือขึ้นเครื่อง ตรงนี้สำคัญเพราะว่าเจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ย้ำเรื่องของเหลวที่ห้ามนำขึ้นเครื่อง เที่ยวฮ่องกง

1.ของเหลวต่างๆ ที่มีปริมาณไม่เกิน 100 มิลลิลิตร (ML.) เช่น น้ำเปล่า นม แยม น้ำผึ้ง ซอส น้ำหอม โยเกิร์ต เจลใส่ผม ยาสีฝัน 

2.ของมีคมต่างๆ เช่น กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ มีดพก ตะกุด ลูกปืน 

ผมต้องถอดเข็มขัดด้วยครับ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ให้ถอด อายมากๆ บางคนต้องถอดรองเท้าด้วย “ไม่รู้ว่ากลิ่นจะไหวไหมอ่ะ” บางคนไม่เข้าใจต้องเอาทิ้งเลยเพราะว่าเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำ น้ำ, นม,หรือน้ำผลไม้ เข้า แต่ว่าเราสามารถ ซื้อด้านในได้ ทัวร์ฮ่องกง
ผมก็ งง อยู่เหมือนกัน 555 เสร็จจากตรงนี้แล้ว ก็ได้เดิน ช้อปปิ้ง สินค้าปลอดภาษีด้วย เพราะว่ายังมีเวลาอยู่เล็กน้อย 
เดินดูไปเรื่อยๆจึงเจอกับผู้เดินทางที่อยู่ในคณะเดียวกัน เห็นเค้ากำลัง รับของที่ไปซื้อที่ KING POWER ซอยรางน้ำอยู่จึงเดินไป
ที่ GATE พร้อมกัน สนามบินสุวรรณภูมิ บ้านเรากว้างมากๆ ดังนั้นการเดินไปที่ GATE ต้องใช้เวลา จึงต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย 
มองเห็น GATE แต่ไกลๆ อยู่คนละชั้นกับที่เราอยู่ต้องเดินลงบันไดลงไปรอด้านล่าง


พอถึงเวลาเจ้าหน้าที่ของสายการบินก็เรียกทั้งหมดเข้าไปยังตัวเครื่อง ตรงนี้น่าสนใจเพราะว่า ตอนที่เราได้บัตรที่นั่งมานั้น บัตรจะแบ่งเป็น 2 ส่วน เจ้าหน้าที่จะดึงส่วนที่ ยาวๆไว้ แล้วคืนส่วนสั้นๆ ให้เราไปเพื่อให้เราไปที่เครื่อง 

เราก็เดินตามช่องทางเข้าไปยังตัวเครื่อง จะมีเจ้าหน้าที่ของสายการบิน คอยบอกว่าที่นั่งของเราต้องเดินไปทางไหน เพราะว่าที่นั่งบนเครื่องจะมีทางเดิน 2 ทาง เนื่องจากเป็น BOEING 747 จึงเป็นเครื่องลำใหญ่ ที่นั่งเป็น 3 / 4 / 3 ผมได้นั่งกลางๆเครื่อง ไม่ได้นั่งตรงปีก น่าเสียดายมากที่ ไม่เห็นด้านนอก แต่อย่างไงก็ มืดอยู่ดี ^^" เพราะว่าเครื่องเราออกจาก กรุงเทพตอน ตี 5 นั่งซักพัก เจ้าหน้าที่บริการบนเครื่อง หรือที่เราเรียกว่า แอร์โฮสเตด (Airhostess) และสจ๊วต (Steward) 
ก็เหมือนว่าจะเช็คผู้โดยสาร ประมาณ 5 นาทีก็มีเสียประกาศจากกัปตัน ต้อนรับเราแล้วก็แจ้งว่าเรากำลัง จะไปไหนกันจะถึงกี่โมง เครื่องเริ่มมีการเคลื่อนตัวเจ้าหน้าที่จะมาสาธิตการระบบความปลอดภัยให้ชม เนื่องจากสายการบินนี้เป็นสายการบินกึ่ง Low Cross ไม่มีจอให้เราชม แต่ว่าผมว่าแบบนี้ก็ดีนะครับ เพราะว่าพนักงาน น่ารักดี ^0^ หลังจากเครื่องไต่ระดับจนเครื่องนิ่งๆ แอร์ จะเดินมาถามว่าใครต้องการ อะไรเพิ่มเติม เช่น ผ้าห่ม,หูฟัง ฯ เครื่องเดินทางไปได้ซักครู่หนึ่ง ผมก็หลับเนื่องจากว่าวันนี้ผมตื่นเช้ามาก หลับตาไปพักใหญ่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะว่าได้กลิ่นอาหารหอมๆ ลืมตามาเห็นแอร์กำลังเสริฟ

เทอริยากิ” ของโออิชิ “Oishi” เป็นอาหารแบบญี่ปุ่นมี 2 แบบให้เลือกคือ หมู่ และไก่ และน้ำบริการ เช่น น้ำส้ม, น้ำเปล่า, น้ำอัดลม, น้ำชาฯลฯ หลังจากที่ทุกคนกำลังทานอาหารกันอย่างมีความสุขก็มองเห็นเกาะฮ่องกงแล้ว

พอลงเครื่องที่สนามบินทุกคน เริ่มตื่นเต้น เพราะว่าหลายๆคนเดินทางมาฮ่องกงครั้งแรก เครื่องจอดสนิทคนเริ่มออก จากเครื่อง เนื่องจากว่าเราอยู่กลางเครื่องเราก็ออกไม่เร็วเท่าไหร่ แต่ว่าออกมาจากเครื่องแล้วก็เจอะหัวหน้าทัวร์ คุณเมย์ และคุณดา เป็นหัวหน้าทัวร์ของเราที่เดินทางมาพร้อมกัน เค้าก็เรียกรวมอธิบายเรื่องการใช้ใบ ตม. เข้าฮ่องกง 

เที่ยวฮ่องกง ทัวร์ฮ่องกงกับเราซิคะ

ข้อมูลเบื้องต้นประเทศจีน

ข้อมูลเบื้องต้นประเทศจีน


ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของภาคพื้นทวีปยุโรป หรือทางฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ภูมิประเทศของจีนโดยทั่วไป จะเป็นที่ราบสูงทางทิศตะวันตก แล้วค่อย ๆ ลดต่ำลงมาทางทิศตะวันออก ลักษณะภูมิประเทศจะมีลักษณะต่าง ๆ กัน ตั้งแต่เป็นเทือกเขาสูงเสียดเมฆ จนถึงมาเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีขนาดและรูปร่างต่าง ๆ กัน อันได้แก่ที่ราบสูงเนินเขา และที่ราบอันกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ ทะเลทรายและทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่จะแผ่ปกคลุมแผ่นดินจีนทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขณะที่แม่น้ำลำคลองและปากแม่น้ำฉางเจีย-แยงซี อยู่ทางตะวันออก ถ้ามองจากเบื้องบนลงมา ลักษณะเส้นขอบของภูมิประเทศจีนจะมีลักษณะเหมือนขั้นบันไดสูงจากตะวันตกแล้วลดเป็นขั้น ๆ มาทางตะวันออกตามลำดับ คือจากที่ราบสูงซิงไฮ-ทิเบต มายังตะวันออกและฝั่งทะเล ขั้นสูงที่สุดของ ภูมิประเทศ ได้แก่ ที่ราบสูงชิงไฮ-ทิเบต สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 4,000 เมตร นับว่าเป็นที่ราบสูงที่สูงที่สุดของโลกจนรู้จักกันทั่วไปว่าเป็น "หลังคาของโลก"

พื้นที่ถัดมาทางตะวันออกจะลดระดับความสูงเหลือเพียง 2,000-1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งประกอบด้วยที่ราบลุ่มแม่น้ำจุงกา ตาริม และซือฉวน ตลอดจนที่ราบสูงมองโกเลียใน และที่ราบสูงยูนนาน-ไกวเจา เที่ยวจีน ทัวร์จีน

เมื่อข้ามแนวยาวของเทือกเขาต่าง ๆ ทางตะวันออกของบันไดขั้นที่สองอันได้แก่เทือกเขาใหญ่ฮิงกัน ไทหาง อู่ชาน อู่หลิง และซุยเฟง มายังฝั่งทะเลระดับความสูงของพื้นดินจะลดลงเหลือน้อยกว่าระดับ 500 เมตรที่สูงจากระดับน้ำทะเลโดยทั่ว ๆ ไป ทำให้กลายเป็นบันไดขั้นที่สามซึ่งประกอบด้วยดินแดนจากทางเหนือมาใต้คือ ที่ราบจีนตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ราบจีนเหนือ ที่ราบแยงซีเกียงหรือฉางเจียงตอนกลาง และดินดอนสามเหลี่ยมชูเจียง (แม่น้ำเพิร์ล) ขอบเขตของที่ราบทั้งหลายดังกล่านี้จะเป็นเชิงเขาและชนบทที่มีลักษณะเป็นเนินเขา ไม่เกิน 200 เมตร เป็นที่ซึ่งแม่น้ำพัดพาทรายและโคลนลงไปยังทะเล บริเวณนี้นับเป็นบันไดขั้นสุดท้าย ดูข้อมูลจีนได้ที่นี่

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น


การเมืองการปกครอง 

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะประเทศญี่ปุ่นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิทรงเป็นประมุข แต่พระจักรพรรดิไม่มีพระราชอำนาจในการบริหารประเทศ โดยมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ อำนาจการปกครองส่วนใหญ่ตกอยู่กับนายกรัฐมนตรีและสมาชิกอื่น ๆ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนอำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของชาวญี่ปุ่น พระจักรพรรดิทรงทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐในพิธีการทางการทูต พระองค์ปัจจุบันคือจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ส่วนรัชทายาทคือมกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลสูงสุดของญี่ปุ่นองค์กรนิติบัญญัติของญี่ปุ่น คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ญี่ปุ่น: 国会 Kokkai ?) หรือที่เรียก "ไดเอ็ต" เป็นระบบสองสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (ญี่ปุ่น: 衆議院 Shugi-in ?) เป็นสภาล่าง มีสมาชิกสี่ร้อยแปดสิบคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งสี่ปี และมนตรีสภา (ญี่ปุ่น: 参議院 Sangi-in ?) เป็นสภาสูง มีสมาชิกสองร้อยสี่สิบสองคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งหกปี โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกมนตรีสภาจำนวนครึ่งหนึ่งสลับกันไปทุกสามปี สมาชิกของสภาทั้งสองมาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์เป็นต้นไปพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นพรรครัฐบาลมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งพรรคใน พ.ศ. 2498จนในปี พ.ศ. 2552 พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้ง จึงทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียตำแหน่งพรรครัฐบาลซึ่งครองมายาวนานกว่า 54 ปี ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

หัวหน้ารัฐบาล นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีและให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายนะโอะโตะ คัง หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น ระบบกฎหมายของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทางประวัติศาสตร์จากกฎหมายของจีน และมีพัฒนาการเฉพาะตัวในยุคเอโดะผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ประมวลกฎหมายคุจิกะตะโอะซะดะเมะงากิ (ญี่ปุ่น: 公事方御定書) ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษ 2400 เป็นต้นมา ได้มีการวางรากฐานระบบตุลาการในญี่ปุ่นขนานใหญ่โดยใช้ระบบซีวิลลอว์ของยุโรปโดยเฉพาะของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นต้นแบบ เช่นใน พ.ศ. 2439 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งของตน เรียก "มินโป" (ญี่ปุ่น: 民法) โดยมีประมวลกฎหมายแพ่งของเยอรมันเป็นต้นแบบ และคงมีผลใช้บังคับอยู่นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบัน และบรรดากฎหมายแม่บทของญี่ปุ่นมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้ตรา พระจักรพรรดิเป็นผู้ทรงประกาศใช้โดยต้องทรงประทับพระราชลัญจกรเป็นการประกาศใช้ ทั้งนี้ โดยนิตินัยแล้วพระจักรพรรดิไม่ทรงมีพระราชอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ส่วนศาลของญี่ปุ่นนั้นแบ่งเป็นสามชั้นจากต่ำขึ้นไป ดังนี้ ศาลชั้นต้น ประกอบด้วย ศาลชั้นต้นทั่วไป ศาลแขวง "รปโป" (ญี่ปุ่น: 六法) มีสภาพเป็นประมวลกฎหมายที่สำคัญหกฉบับ เรื่องสนุกๆรออยู่ที่wonderfulpackage

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่ 



แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485 ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตกและทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลินเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประณามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941

ระเบิดนิวเคลียร์แฟทแมนที่ถูกทิ้งลงนะงะซะกิในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ 


ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 , 9 และ  15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี 1956 หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตกเศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551 ข้อมูลมากมายที่นี่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา


วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมากเที่ยวญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จทัวร์ญี่ปุ่น

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้นความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลงที่นี่