ใครๆก็อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น EP.6
สวัสดีครับเพื่อน ๆทุกท่าน คราวที่แล้วใน(ตอนที่ 5)นั้น เราได้รู้จักรถไฟสายต่า่ง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นกันแล้วนะครับ มาในวันนี้ก็จะเป็นการเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นกันสักที โดยเราจะเริ่มต้นกันที่กรุงโตเกียวเป็นที่แรกเลยครับ จะเป็นอย่างไร จะสนุกสนานมากน้อยแค่ไหนเราไปด้วยกันเลยดีกว่าครับ
กรุงโตเกียว |
มหานครแห่งความตื่นตาตื่นใจ
โตเกียวในสมัยก่อนนั้นมีชื่อเรียกว่า "เอโดะ" เป็นเมืองหลวงแห่งปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2146 โดยโชกุนอิเอยาสุ โทกุกาว่า (Ieyasu Tokugawa) ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระจักรพรรดิที่ทรงประทับในพระราชวังโตเกียว ตั้งอยู่ทางตะวันตก
เมืองเอโดะนั้นเป็นศูนย์กลางทางการค้าขาย เป็นแหล่งเศรฐกิจที่สำคัญมากสำหรับญี่ปุ่น อีกทั้งยังรวมไปถึงเมืองแห่งวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เป็นเวลาร่วมกว่า 263 ปีของสมัยเอโดะ
เมื่อระบบของโชกุนนั้นได้เสื่อมอำนาจลง ประเทศญี่ปุ่นจึงได้เข้าสู่ยุคปฎิรูป "เมจิ" และพระจักรพรรดิก็ทรงกลับมามีอำนาจอีกครั้ง และทรงเปลี่ยนชื่อจากเอโดะมาเป็นโตเกียวจนถึงทุกวันนี้ โดยคำว่าโตเกียวนั้น มีความหมายว่า "มหานครทางตะวันออก" และทรงย้ายพระราชวังจากโตเกียวมาอยู่ที่ปราสาทเอโด ซึ่งก็คือ "พระราชวังอิมพีเรียล" ในปัจจุบันนี้เองครับ
กรุงโตเกียวนั้นผ่านความทุกข์ยากลำบากมานักต่อนัก ทั้งแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปีพ.ศ. 2466 และเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกทิ้งระเบิดจากฝ่ายสัมพันธมิตรกว่า 100 ครั้ง ไม่เหมือนเมืองเกียวโตหรือนาระซึ่งยังคงโบราณสถานไว้อยู่บางส่วน ทัวร์ญี่ปุ่นตื่นตาตื่นใจเที่ยวสุดคุ้มทั้งไปและกลับ
ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรฐกิจ จึงทำให้ขาดการจัดวางระเบียบของผังเมืองที่ดี อาคาร บ้าน ตึกต่าง ๆเติบโตขึ้นอย่างมากในระยะเวลาสั้น ๆที่ดินจึงมีราคาสูงตามไปด้วย โตเกียวในปัจจุบันจึงอาศัยกันอยู่ด้วยความคับแคบ เมื่อปีพ.ศ 2546 กรุงโตเกียวทั้ง 23 เขต มีประชากรทั้งสิ้นราว 12 ล้านคนยังไม่ได้นับคนที่เข้ามาทำงานจากต่างจังหวัดอีก แต่ถึงยังไงโตเกียวก็ยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ยังสามารถดึงดูุดนักท่องเที่ยวให้มาได้อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากกรุงโตเกียวนั้นมีแหล่งที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆอยู่มากมาย จึงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วันก็น่าจะเที่ยวได้เกือบครบทุกที่ครับ และแน่นอนวิธีที่สะดวกรวดเร็วที่สุดในการเดินทางก็คือ การใช้บริการของรถไฟ (JR หรือ Subway) อย่างแน่นอน โดยใช้บัตร JR Rail Pass ในการเดินทางทั่วโตเกียวครับ ส่วนราคาค่าตั๋วก็ไม่แพงจนเกินไปครับ อย่างเช่นตั๋วเดินทางแบบ 1 วัน ก็ตกอยู่ที่ประมาณ 730 เยน (ถ้าเด็ก 6- 11 ปีอยู่ที่ 360 เยน) แต่อย่าคิดนะครับว่า ซื้อแค่ตั๋ววันเดียวแล้วจะเที่ยวได้รอบโตเกียว ถึงแม้ว่าในหนึ่งวันจะไปเที่ยวได้ไม่กี่ที่แต่ก็นับว่าคุ้มค่าหล่ะครับ นอกจากนี้ยังมีบริการของรถไฟเอกชนอีกด้วยนะครับ แต่ผมไม่ขอพูดถึง เพราะว่าไม่ได้ลองนั่งครับ
เริ่มตันกันที่ย่านวัฒนธรรมยอดฮิต นั่นก็คือย่าน "อาซากุสะ (Asakusa)" นั่นเองครับ เมื่อได้เดินชมบรรยากาศทั้งสองข้างทางที่อาซากุสะ ที่นี่กว้างขวาง ดูสะอาดตาไปหมดเลยครับ มีการจัดทางเท้าเป็นระเบียบมาก เรากำลังจะเดินไปกันที่วัดอาซากุสะครับ เพื่อไปนมัสการองค์เจ้าแม่กวนอิมครับ
Asakusa |
วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple)
หรือวัดเจ้าแม่กวนอิมแห่งย่านอาซากุสะ
วัดเซ็นโซจิแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมองค์เล็ก เพียง 5 นิ้ว โดยตามตำนานมีการเล่าขานกันว่ามีชาวประมงสองพี่น้อง ได้ทอดแหติดมาที่แม่น้ำซูมิดะ แม้จะทิ้งลงแม่น้ำสักกี่ครั้ง ก็จะทอดแหของพวกเขาติดขึ้นมาทุกครั้ง จึงได้สร้างวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมเอาไว้ วัดเซ็นโซจิเป็นวัดที่เก่าแก่ อยู่คู่กับกรุงโตเกียวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1171 และในปัจจุบันก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่รู็จักกันอย่างดี นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นจึงไม่พลาดมาขอพระสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมที่นี่อย่างแน่นอนครับ
สิ่งแรกเลยที่ได้เข้ามายังวัดแห่งนี้ก็คือประตูทางเข้าวัดครับซึ่งมีโคมสีแดงขนาดใหญ่แขวนเอาไว้อยู่ ชื่อว่าประตูสายฟ้า (Kaminarimon Gate) ที่ด้านซ้ายของประตูจะมีรูปปั้นของเทพเจ้าสายฟ้า (God of Thunder) ไม่ใช่ธอร์นะ -*-" ส่วนด้านขวาจะเป็นรูปปั้นของเทพเจ้าแห่งสายลม (God of Wind) และจะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันอย่างไม่ขาดสาย โดยโคมสีแดงนี้มีน้ำหนักถึง 670 กิโลกรัมแหน่ะ
เทพเจ้าสายฟ้า |
เทพเจ้าแห่งสายลม |
อย่าลืมเข้าไปขอเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่นของเขต Taito ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนตรงข้ามกับรูปปั้นเทพเจ้าสายฟ้าเลยครับ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลยังแหล่งท่องเที่ยวสถานที่อื่น ๆอีกด้วย แต่ต้องไปขอเอกสารกับเจ้าหน้าที่นะครับ เค้าถึงจะหยิบเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษมาให้เรา ถ้าไปหยิบตรงข้างหน้าที่เค้าวางเอาไว้จะเป็นภาษาญี่ปุ่น รับรองว่าอ่านไม่ออกแน่ ๆครับ
ขอขอบคุณข้อมูลการท่องเที่ยว
WonderfulPackage
ภาพจาก Google
0 ความคิดเห็น: