รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง
ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น ต้องดิ้นรนต่อสู้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวกสบาย ชื่อเสียง และแน่นอน "เงิน" คนไทยกว่า 70 ล้านคนนั้นต้องแข่งขันกันมากมาย บางคนก็อยากมีชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้าง จะเรียกว่าถีบตัวเองก็คงไม่ผิดอะไรนัก มนุษย์เงินเดือน ข้าราชการ ชนชั้นแรงงาน แม้แต่เพื่อนบ้านที่เข้ามาหางานทำในบ้านเรา (ต่างด้าวนั่นแหล่ะ) ทุกคนล้วนเป็นคนทำมาหากินดิวยกันทั้งนั้น เมื่อหลายๆปีก่อน อาจจะเคยได้ยินคำว่า "ปัจจัยสี่" ได้แก่ ยา เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และอาหาร แต่เดี๋ยวนี้แค่ 4 อย่างเห็นจะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันเสียแล้ว เงิน คำนี้ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของมวลมนุษย์ชาติก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่าอัตราการใช้จ่าย หรือค่าครองชีพของเรานั้นสูงขึ้น มีการแข่งขันกันมากขึ้น ทั้งภายในและภายนอก ระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บางประเทศอาจจะสวนทางกับสิ่งที่พูดมา
แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เงิน นั้นมีอิทธิพลกับเรามากเพียงใด แต่บางคนอาจจะค้านว่า เงินมันไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างในชีวิต มันก็อาจจะจริงก็ได้ครับไม่ว่ากัน แต่ลองคิดดูง่ายๆนะครับ แค่เวลาที่คุณหิวคุณก็ต้องกินข้าว แล้วคุณจะกินข้าวคุณก็ต้องมีเงินเพื่อที่จะไปซื้อข้าวเพื่อเอามาประทังชีวิตใช่ไหมครับ ถึงคุณจะบอกว่าคุณทำกับข้าวกินเอง คุณก็ต้องเสียเงินในการซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารของคุณอยู่ดี แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือเราต้องรู้จักวิธีใช้เงินครับ ใช้ให้ประหยัดอย่างไร ออมเงิน แบบไหนถึงเรียกว่าคุ้มค่า มีช่องทางในการลงทุนได้ทางใดบ้าง ผมขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าตัวของผมนั้นไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนใดๆทั้งสิ้น
อย่างแรกครับ เมื่อเราได้เงินเดือนมาเงินเดือนออกนั่นแหล่ะ เราลองบวกลบดูครับว่า ถ้าเราวางแผนการใช้เงินแล้วเราจะเหลือเงินที่เป็นเงินเก็บจริงๆเท่าไหร่ และเงินที่เหลือเก็บนี่แหล่ะครับที่จะเอามาลงทุนหรืออดออมต่อไปได้ ผมสมมุติให้ง่ายๆนะครับ สมมุติว่า ผมมีเงินเดือนๆละ 15,000 บาท วิธีของผมคือ หักค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงคำนวนค่าใช้จ่ายเพื่อใหัอยู่รอดยุงเดือนถัดไปครับ เช่น หักค่าเดินทางไปกลับที่ทำงาน 3,000 บาท ค่ากิน เช้าถึงเย็น 5,000 บาท ค่าหัอง 3,000 บาท ค่าน้ำไฟค่าอินเตอเน็ตรวม 3,500 บาท สรุป เดือนนึงผมใช้ไป 14,500 บาท ผมเหลือเก็บ 500 บาท ถ้าคูณ 1ปี ผมมีเงินเก็บ 6,000 บาท ถือว่าน้อยมากครับในยุคปัจจุบันนี้ และจะทำอย่างไรดีมันมีวิธีครับ
ลองหาอาชีพเสริมดู เช่น ขายพวกอุปกรณ์โทรศัพท์ครับ หรือบางคนเก่งทางด้านไอที ก็ลองหาของขายบนเว็ป โซเชียลที่เราเล่นกันอยู่ทั้งวันนั่นแหล่ะครับ สร้างเพจขายของเราขึ้นมาแล้วก็บอกไปว่าของที่เราขายมันมีจุดเด่นอะไรบ้าง หรือ คิดอะไรไม่ออกไม่อยากขายของ นี่เลยครับเล่นหุ้น หรือฝากเงินกับธนาคาร กินดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ วิธีนี้ไดิเงินดูเหมือนจะไม่มาก แต่มีความเสี่ยงน้อยสุดครับ และยังได้กำไรหรือที่เรียกว่าเงินปันผล หรือบ้านๆก็ดอกเบี้ยแน่นอนครับ แต่คุณจะเลือกแบบไหนนั้นก็อยู่ที่ตัวของคุณเองแล้วครับ และที่สำคัญต่อใหิคุณหาเงินมาได้มาก แต่คุณก็ใช้จ่ายออกไปมาก มันก็คงไม่เป็นผลดีในระยะยาวแน่นอนครับ
จากที่เหมือนว่าผมจะพูดข้ามไปหน่อยนึง(มั้ง) ผมจะบอกต่อครับว่า ถ้าคุณคิดว่า 1ปีคุณเก็บได้แค่ 6,000 มันไม่พอครับ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตของคุณด้วยครับ บางคนอาจจะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่าเดินทางอาจจะลดลงกว่านั้นก็ได้ ค่าใช้จ่ายของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ มาต่อกันครับตอนนี้คุณอาจจะมีคำถามขึ้นว่า " แล้วผมใช้วิธีไหนในการเพิ่มรายได้หล่ะ? " ผมบอกเลยครับว่า ผมเองไม่ค่อยถนัดในการขายของ ผมไม่มีความรู้ในเรื่อฝการลงทุนกับธนาคาร แต่ผมมีความรู้ในเรื่องการหารายได้จากการทำเว็ปไซต์ ง่ายๆก็ที่กำลังเขียนใน blog เนี่ยล่ะครับ
ผมเชื่อว่าหลายท่านที่ใช้มือถือหรือเลืนเน็ตเข้าเฟสคุยไลน์ ส่องนู่นนี่นั่น มีเยอะกว่า 50 ล้านคนทั้วประเทศแน่นอนครับ แล้วใยจึงไม่เอาเวลาตรงนี้มาหาเงินเข้ากระเป๋าของเราให้มันโตๆกันหล่ะครับ เดี๋ยในี้มันเป็นยุคของเทคโนโลยีอย่างแท้จริงครับ เราก็แค่อาศัยตรงจุดนี้มาแปลงเป็นเงินเข้ากระเป๋าเราครับ ช่องทางในการโฆษณาออนไลน์มีเยอะมาก วันๆคุณค้นหาข้อมูลในอากู๋กี่ครั้ง เราก็สามารถทำเงินจากเค้าได้ด้วยครับ อย่าง Adsense ที่ทำให้เราได้เงินจากค่าคลิ้ก เรียกว่า Pay per click (PPC) หรือถ้าอยากให้เว็ปของเรามีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจมากๆ อย่างเว็ปใหญ่ๆ ก็ Adword ซึ่งเป็นการโฆษณาหรือโปรโมทของเว็ปไซต์เราครับ ซึ่งผมจะค่อยอธิบายในรายละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้หลายคนคงเริ่มสนใจกันขึ้นมาบ้างแลัวใช่ไหมครับไว้ครั้งหน้าผมจะมาเล่าถึงขั้นตอนในการหารายได้เบื้องต้นจากกูเกิ้ลกันครับ....บ๊าย บาย
ลองหาอาชีพเสริมดู เช่น ขายพวกอุปกรณ์โทรศัพท์ครับ หรือบางคนเก่งทางด้านไอที ก็ลองหาของขายบนเว็ป โซเชียลที่เราเล่นกันอยู่ทั้งวันนั่นแหล่ะครับ สร้างเพจขายของเราขึ้นมาแล้วก็บอกไปว่าของที่เราขายมันมีจุดเด่นอะไรบ้าง หรือ คิดอะไรไม่ออกไม่อยากขายของ นี่เลยครับเล่นหุ้น หรือฝากเงินกับธนาคาร กินดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ วิธีนี้ไดิเงินดูเหมือนจะไม่มาก แต่มีความเสี่ยงน้อยสุดครับ และยังได้กำไรหรือที่เรียกว่าเงินปันผล หรือบ้านๆก็ดอกเบี้ยแน่นอนครับ แต่คุณจะเลือกแบบไหนนั้นก็อยู่ที่ตัวของคุณเองแล้วครับ และที่สำคัญต่อใหิคุณหาเงินมาได้มาก แต่คุณก็ใช้จ่ายออกไปมาก มันก็คงไม่เป็นผลดีในระยะยาวแน่นอนครับ
จากที่เหมือนว่าผมจะพูดข้ามไปหน่อยนึง(มั้ง) ผมจะบอกต่อครับว่า ถ้าคุณคิดว่า 1ปีคุณเก็บได้แค่ 6,000 มันไม่พอครับ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตของคุณด้วยครับ บางคนอาจจะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่าเดินทางอาจจะลดลงกว่านั้นก็ได้ ค่าใช้จ่ายของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ มาต่อกันครับตอนนี้คุณอาจจะมีคำถามขึ้นว่า " แล้วผมใช้วิธีไหนในการเพิ่มรายได้หล่ะ? " ผมบอกเลยครับว่า ผมเองไม่ค่อยถนัดในการขายของ ผมไม่มีความรู้ในเรื่อฝการลงทุนกับธนาคาร แต่ผมมีความรู้ในเรื่องการหารายได้จากการทำเว็ปไซต์ ง่ายๆก็ที่กำลังเขียนใน blog เนี่ยล่ะครับ
ผมเชื่อว่าหลายท่านที่ใช้มือถือหรือเลืนเน็ตเข้าเฟสคุยไลน์ ส่องนู่นนี่นั่น มีเยอะกว่า 50 ล้านคนทั้วประเทศแน่นอนครับ แล้วใยจึงไม่เอาเวลาตรงนี้มาหาเงินเข้ากระเป๋าของเราให้มันโตๆกันหล่ะครับ เดี๋ยในี้มันเป็นยุคของเทคโนโลยีอย่างแท้จริงครับ เราก็แค่อาศัยตรงจุดนี้มาแปลงเป็นเงินเข้ากระเป๋าเราครับ ช่องทางในการโฆษณาออนไลน์มีเยอะมาก วันๆคุณค้นหาข้อมูลในอากู๋กี่ครั้ง เราก็สามารถทำเงินจากเค้าได้ด้วยครับ อย่าง Adsense ที่ทำให้เราได้เงินจากค่าคลิ้ก เรียกว่า Pay per click (PPC) หรือถ้าอยากให้เว็ปของเรามีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจมากๆ อย่างเว็ปใหญ่ๆ ก็ Adword ซึ่งเป็นการโฆษณาหรือโปรโมทของเว็ปไซต์เราครับ ซึ่งผมจะค่อยอธิบายในรายละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้หลายคนคงเริ่มสนใจกันขึ้นมาบ้างแลัวใช่ไหมครับไว้ครั้งหน้าผมจะมาเล่าถึงขั้นตอนในการหารายได้เบื้องต้นจากกูเกิ้ลกันครับ....บ๊าย บาย