โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

หวงซาน เขาที่เป็นมรดกโลกของประเทศจีน

หวงซาน เขาที่เป็นมรดกโลกของประเทศจีน


เขาหวงซานเป็นเทือกเขาที่อยู่ทางตอนใต้ของมณฑลอันฮุย อยู่ทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เขาหวงซานนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องทิวทัศน์อันงดงามของยอดเขาที่เกิดขึ้นจากหินแกรนิต รวมทั้งต้นสนหวงซานที่มีรูปร่างดูแปลกตาประกอบกับภาพของก้นเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้าใกล้ๆกับภูเขา ใกล้ๆกับเขาหวงซานยังมีน้ำพุร้อนและบ่อน้ำธรรมชาติมากมาย

เพราะความงดงามที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจึงมักจะมีงานศิลปะภาพวาดเป็นรูปสถานที่ของเขาหวงซานอย่างมากมาย และเคยมีอยู่ในวรรณกรรมจีนหลายเรื่องอีกด้วย ต่อมาในปัจจุบันองค์การยูเนสโกก็ได้จัดให้เขาหวงซานขึ้นเป็นมรดกโลก และจัดให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติและชาวจีนมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกด้วย


เขาหวงซานนั้นประกอบด้วยยอดเขาเป็นจำนวนมาก มียอดเขาที่นับได้อยู่ที่ 72 ยอด และมี 77 ยอดเขาที่มีความสูงกว่า 1,000 เมตร มียอกเขาที่สูง 3 อันดับแรกคือ
1.ยอดเขาเหลียนหัว หรือยอดเขาดอกบัว มีความสูงถึง 1,867 เมตร
2.ยอดเขากวงหมิง หรือยอดเขาสว่าง มีความสูงถึง 1,840 เมตร
3.ยอดเขาเทียนตู่ ยอดเขาเมืองหลวงแห่งสวรรค์ มีความสุงถึง 1,829 เมตร


เขาหวงซานมีเขตที่เป็นมรดกโลกมีพื้นที่ 154 ตารางกิโลเมตร รอบเทือกเขาอีก 142 ตารางกิโลเมตร เขาหวงซานนั้นถูกค้นพบในยุคเมโซโซอีกเมื่อ 100 ล้านปีก่อนซึ่งเกิดจากการที่พื้นใต้ทะเลนั้นยกตัวขึ้น ต่อมายุควอเทอร์นารี พื้นผิวของภูเขาที่ถูกน้ำแข็งกัดเซาะมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดเป็นเสาหินขึ้น ภายหลังเกิดป่าขึ้นบนเสาหินเหล่านั้น


ในราชวงศ์จีน เทือกเขาหวงซานเรียกว่า "ยี่ซาน" เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่แล้วใช้จนถึงในปัจจุบันจากการค้นพบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบทกวีของลิโป้ (Li Po) ซึ่งได้กล่าวเอาไว้ว่าเทือกเขาหวงซานคือชื่อยี่ซานในปัจจุบันนั่นเอง ที่ความสูงต่ำกว่า 1,100 เมตรจะเป็นลักษณะของป่าชื้น ความสูงระหว่าง 1,100-1,800 เมตร จะเป็นป่าผลัดใบ และระดับความสูง 1,800 เมตรขึ้นไปจะเป็นทุ่งหญ้าลักษณะสูงที่ขึ้นตามบริเวณเทือกเขา


ยอดเขาต่างๆมักจะอยู่เหนือระดับเมฆ ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวอันสวยงามได้จากบนยอดเขาจึงทำให้เกิดปรากฏแสงทั้ง "ทะเลเมฆ"และ"แสงพระพุทธ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากันมากมาย แล้วโดยเฉลี่ยปรากฏการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น


Cr. ข้อมูลเที่ยวต่างประเทศ ทัวร์จีน เที่ยวจีน
http://wonderfulpackagetravel.blogspot.com/

ทัวร์ญี่ปุ่น โอกินาวาจังหวัดตอนใต้ของญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น โอกินาวาจังหวัดตอนใต้ของญี่ปุ่น


จังหวัดโอกินาวา (Okinawa) เป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้ของประเทศญี่ปุ่นคือหมู่เกาะริวกิวกว่าร้อยเกาะ เรียงกันยาวกว่าพันกิโลเมตรตั้งแต่ตะวันเฉียงใต้ของเกาะคิวชูไปจนถึงเกาะไต้หวัน เมืองหลักของจังหวัดโอกินาวาคือเมืองนาฮา (Naha) อยู่ทางตอนใต้ของโอกินาวาเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงและใหญ่มากที่สุดของโอกินาวา เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะคิวชูกับเกาะไต้หวัน เกาะเซ็นคาคุเป็นข้อพิพาทระหว่างญี่ปุ่นและสาธารณรัฐจีน ก็ถูกญี่ปุ่นจัดอยู่ในจังหวัดโอกินาวาด้วย


จังหวัดโอกินาวานั้นแต่เดิมเคยใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือของสหรัฐอเมริกา ในสมัยสงครามโลก เมืองนาฮาที่เป็นเมืองเอกในปัจจุบันนี้ สมัยก่อนเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรริวกิว แต่ก็ถูกญี่ปุ่นยึดรวมเข้าด้วยกัน ในปัจจุบันกลายเป็นเมืองไว้สำหรับมาพักตากอากาศกันซะมากกว่า


โอกินาวา เป็นเมืองที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดศิลปะการต่อสู้อันมีชื่อเสียงนั่นคือ "คาราเต้" เมืองนาฮานั้นอยู่ติดกับทะเลมีหาดทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าครามและมีปะการังที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหน้าร้อนของชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ



เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2515 เมืองโอกินาวาได้กลับคืนสู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น หลังจากการถูกปกครองโดยกองทัพจากสหรัฐอเมริกาตั้งแต่หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2



ที่จังหวัดโอกินาวามีสัดส่วนของผู้สูงอายุที่มีมากกว่า 100 ปี และโดยเฉลี่ยผู้ชายจะมีอายุถึง 90 ปี และผู้หญิงจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 93.2 ปีซึ่งมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยมีสาเหตุมีการคาดการกันว่าทำไมคนที่นี่จึงมีอายุเฉลี่ยที่สูงมาก อาจเป็นเพราะว่าสภาพของสังคมและอาหารที่ถูกสุขลักษณะ มลพิษที่น้อย


Cr. ข้อมูลเที่ยวต่างประเทศ ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง - ลงมือทำกันเถอะ

รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง - ลงมือทำกันเถอะ



จากในเรื่องราวตอนที่แล้ว (พูดอย่างกับบรรยายภาพยนต์ ฮา) ในครั้งที่แล้วนั้นผมก็ติดเรื่องวิธีหารายได้เสริมครับว่าที่เราเห็นๆกันในปัจจุบันนั้นส่วนมากเค้ามีวิธีอย่างไรกันบ้าง เพื่อนๆสามารถเข้าไปดูบทความได้ที่นี่ครับ

รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง

 รายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตทำได้จริง



   ในชีวิตประจำวันของคนเรานั้น ต้องดิ้นรนต่อสู้พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสะดวกสบาย ชื่อเสียง และแน่นอน "เงิน" คนไทยกว่า 70 ล้านคนนั้นต้องแข่งขันกันมากมาย บางคนก็อยากมีชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้าง จะเรียกว่าถีบตัวเองก็คงไม่ผิดอะไรนัก มนุษย์เงินเดือน ข้าราชการ ชนชั้นแรงงาน แม้แต่เพื่อนบ้านที่เข้ามาหางานทำในบ้านเรา (ต่างด้าวนั่นแหล่ะ) ทุกคนล้วนเป็นคนทำมาหากินดิวยกันทั้งนั้น เมื่อหลายๆปีก่อน อาจจะเคยได้ยินคำว่า "ปัจจัยสี่" ได้แก่ ยา เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และอาหาร แต่เดี๋ยวนี้แค่ 4 อย่างเห็นจะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบันเสียแล้ว เงิน คำนี้ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของมวลมนุษย์ชาติก็ว่าได้  จะเห็นได้ว่าอัตราการใช้จ่าย หรือค่าครองชีพของเรานั้นสูงขึ้น มีการแข่งขันกันมากขึ้น ทั้งภายในและภายนอก ระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง บางประเทศอาจจะสวนทางกับสิ่งที่พูดมา


แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เงิน นั้นมีอิทธิพลกับเรามากเพียงใด แต่บางคนอาจจะค้านว่า เงินมันไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างในชีวิต มันก็อาจจะจริงก็ได้ครับไม่ว่ากัน แต่ลองคิดดูง่ายๆนะครับ แค่เวลาที่คุณหิวคุณก็ต้องกินข้าว แล้วคุณจะกินข้าวคุณก็ต้องมีเงินเพื่อที่จะไปซื้อข้าวเพื่อเอามาประทังชีวิตใช่ไหมครับ ถึงคุณจะบอกว่าคุณทำกับข้าวกินเอง คุณก็ต้องเสียเงินในการซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารของคุณอยู่ดี แต่สิ่งที่ผมจะบอกก็คือเราต้องรู้จักวิธีใช้เงินครับ ใช้ให้ประหยัดอย่างไร ออมเงิน แบบไหนถึงเรียกว่าคุ้มค่า มีช่องทางในการลงทุนได้ทางใดบ้าง ผมขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าตัวของผมนั้นไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนใดๆทั้งสิ้น


อย่างแรกครับ เมื่อเราได้เงินเดือนมาเงินเดือนออกนั่นแหล่ะ เราลองบวกลบดูครับว่า ถ้าเราวางแผนการใช้เงินแล้วเราจะเหลือเงินที่เป็นเงินเก็บจริงๆเท่าไหร่ และเงินที่เหลือเก็บนี่แหล่ะครับที่จะเอามาลงทุนหรืออดออมต่อไปได้ ผมสมมุติให้ง่ายๆนะครับ สมมุติว่า ผมมีเงินเดือนๆละ 15,000 บาท  วิธีของผมคือ หักค่าใช้จ่ายในบ้านรวมถึงคำนวนค่าใช้จ่ายเพื่อใหัอยู่รอดยุงเดือนถัดไปครับ เช่น หักค่าเดินทางไปกลับที่ทำงาน 3,000 บาท ค่ากิน เช้าถึงเย็น 5,000 บาท ค่าหัอง 3,000 บาท ค่าน้ำไฟค่าอินเตอเน็ตรวม 3,500 บาท สรุป เดือนนึงผมใช้ไป 14,500 บาท ผมเหลือเก็บ 500 บาท ถ้าคูณ 1ปี  ผมมีเงินเก็บ 6,000 บาท ถือว่าน้อยมากครับในยุคปัจจุบันนี้  และจะทำอย่างไรดีมันมีวิธีครับ


ลองหาอาชีพเสริมดู เช่น ขายพวกอุปกรณ์โทรศัพท์ครับ หรือบางคนเก่งทางด้านไอที ก็ลองหาของขายบนเว็ป โซเชียลที่เราเล่นกันอยู่ทั้งวันนั่นแหล่ะครับ สร้างเพจขายของเราขึ้นมาแล้วก็บอกไปว่าของที่เราขายมันมีจุดเด่นอะไรบ้าง หรือ คิดอะไรไม่ออกไม่อยากขายของ นี่เลยครับเล่นหุ้น หรือฝากเงินกับธนาคาร กินดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ วิธีนี้ไดิเงินดูเหมือนจะไม่มาก แต่มีความเสี่ยงน้อยสุดครับ และยังได้กำไรหรือที่เรียกว่าเงินปันผล หรือบ้านๆก็ดอกเบี้ยแน่นอนครับ แต่คุณจะเลือกแบบไหนนั้นก็อยู่ที่ตัวของคุณเองแล้วครับ และที่สำคัญต่อใหิคุณหาเงินมาได้มาก แต่คุณก็ใช้จ่ายออกไปมาก มันก็คงไม่เป็นผลดีในระยะยาวแน่นอนครับ


จากที่เหมือนว่าผมจะพูดข้ามไปหน่อยนึง(มั้ง) ผมจะบอกต่อครับว่า ถ้าคุณคิดว่า 1ปีคุณเก็บได้แค่ 6,000 มันไม่พอครับ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตของคุณด้วยครับ บางคนอาจจะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ค่าเดินทางอาจจะลดลงกว่านั้นก็ได้ ค่าใช้จ่ายของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ มาต่อกันครับตอนนี้คุณอาจจะมีคำถามขึ้นว่า " แล้วผมใช้วิธีไหนในการเพิ่มรายได้หล่ะ? " ผมบอกเลยครับว่า ผมเองไม่ค่อยถนัดในการขายของ ผมไม่มีความรู้ในเรื่อฝการลงทุนกับธนาคาร แต่ผมมีความรู้ในเรื่องการหารายได้จากการทำเว็ปไซต์ ง่ายๆก็ที่กำลังเขียนใน blog เนี่ยล่ะครับ



ผมเชื่อว่าหลายท่านที่ใช้มือถือหรือเลืนเน็ตเข้าเฟสคุยไลน์ ส่องนู่นนี่นั่น มีเยอะกว่า 50 ล้านคนทั้วประเทศแน่นอนครับ แล้วใยจึงไม่เอาเวลาตรงนี้มาหาเงินเข้ากระเป๋าของเราให้มันโตๆกันหล่ะครับ เดี๋ยในี้มันเป็นยุคของเทคโนโลยีอย่างแท้จริงครับ เราก็แค่อาศัยตรงจุดนี้มาแปลงเป็นเงินเข้ากระเป๋าเราครับ ช่องทางในการโฆษณาออนไลน์มีเยอะมาก วันๆคุณค้นหาข้อมูลในอากู๋กี่ครั้ง เราก็สามารถทำเงินจากเค้าได้ด้วยครับ อย่าง Adsense ที่ทำให้เราได้เงินจากค่าคลิ้ก เรียกว่า Pay per click (PPC) หรือถ้าอยากให้เว็ปของเรามีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจมากๆ อย่างเว็ปใหญ่ๆ ก็ Adword ซึ่งเป็นการโฆษณาหรือโปรโมทของเว็ปไซต์เราครับ ซึ่งผมจะค่อยอธิบายในรายละเอียดอีกครั้ง ตอนนี้หลายคนคงเริ่มสนใจกันขึ้นมาบ้างแลัวใช่ไหมครับไว้ครั้งหน้าผมจะมาเล่าถึงขั้นตอนในการหารายได้เบื้องต้นจากกูเกิ้ลกันครับ....บ๊าย บาย

ทัวร์บูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี

ทัวร์บูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี



  ยังจำหนังไทยเรื่องที่ครองใจวัยรุ่นในสมัยก่อนได้มั้ย ดาราวัยรุ่นที่มาแรงมากในตอนนั้น และหนึ่งในตัวเอกก็ได้พูดถึงเกี่ยวกับการไปเรียนต่อที่เมือง "บูดาเปสต์" หลายคน(รวมถึงตัวผม)ในตอนนั้นก็ ฮะ! เค้าพูดว่าอะไรนะ! อะไรเปสต์ๆนะ จึงได้ลองไปหาข้อมูล แล้ะก็ถึงบางอ้อเลยครับว่ามันคือชื่อเมืองหลวงของ "ฮังการี" นั่นเอง แล้ว ฮังการีเค้ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอะไรบ้างหล่ะ ว่าแล้วก็เลยหาข้อมูลกันสักหน่อย ลองมาเที่ยวไปพร้อมๆกันเลยครับโผมมมมม...

ทัวร์ญี่ปุ่น ชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง

ทัวร์ญี่ปุ่น ชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง




พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง หรือเรียกอีกอย่างว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า ไคยูกัง (Aquarium Kaiyukan, Osaka) ชาวญี่ปุ่นเรียกสั้นๆว่า ไคยูกัง สถานที่ที่รวบรวมสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นและในทวีปเอเชีย ตั้งอยู่ที่เท็มโปซังอาเบอวิลเลจ (Tempozan Harbor Village) อยู่ที่เมืองโอซาก้า ซึ่งเป็นอาคารสุง 8 ชั้น


พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกัง เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม 1990 ด้านหน้าทางเข้ามีโครงเหล็กดัดเป็รตัวปลาฉลามวาฬตัวใหญ่ มีปลาโลมาล้อมรอบอยู่ ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูกังแห่งนี้มีจุดที่น่าสนใจอยู่มากมายอย่างเช่น


ถ้ำทะเล
เป็นอุโมงค์ใต้น้ำซึ่งมีระยะทางกว่า 11 เมตรภายในนั้นก็จะมีฝูงปลานานาชนิดจำพวกอาศัยอยู่ในเขตร้อนและใกล้เคียงเช่น ปลากระเบน, ปลาฉลาม และ ปลานกแก้ว ว่ายไปมา สามารถถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม


วงแหวนไฟ และ วงแหวนชีวิต
อยู่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์ ขึ้นไปสุดปลายอุโมงค์ของถ้ำทะเล ซึ่งวงแหวนไฟ (Ring of Fire) เหตุเป็นเช่นนี้เพราะว่าบริเวณโดยรอบของมหาสมุทรแปซิฟิกมีการเกิดแผ่นดินไหวรวมถึงภูเขาไฟระเบิดบ่อยๆ และบริเวณที่เกิดระเบิดจากภูเขาไฟนั้นมีสิ่งมีชีวิตอยู่มาก จึงเปรียบเสมือนกับวงแหวนแห่งชีวิต (Ring of Life) มีความคิดที่ว่าแผ่นดินไหวและภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อที่ส่งผลกระทบกับทกสิ่งมีชีวิตที่ต่างก็เอื้อซึ่งกันและกัน


มหาสมุทรแปซิฟิก
โซนตรงนี้จะมีบ่อน้ำกว่า 5,400 ตันที่ระดับความลึก 9 เมตร ซึ่งทำเป็นชั้นๆลดลงมาเรื่อยๆจากชั้นบนสุด ภายในมีปลาน้อยใหญ่อยู่มากมาย เช่นปลาฉลาม ปลาวาฬ อีกฝั่งหนึ่งของเส้นทางจะเป็นบ่อจำลองของสภาพสิ่งแวดล้อม 10 บริเวณที่ตั้งอยู่วงแหวนแห่งไฟที่ล้อมรอบมหาสมุทรแปซิฟิก นอกจากนั้นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีสัจว์หาดูได้ยากให้ชมกันอย่างเช่น นาก สิงโตทะเลแคลิฟอร์เนีย แมวน้ำ โลมาขาว นกเพนกวิน หมึกยักษ์ และปูแมงมุมเป็นต้นฯ รวมๆแล้วมีให้ชมกว่า 600 ชนิด กว่า 30,000 ตัว


Cr. ข้อมูลเที่ยวต่างประเทศ ทัวร์ญี่ปุ่น โอซาก้า
http://www.wonderfulpackage.com/p/Osaka/ทัวร์โอซาก้า-เที่ยวโอซาก้า

บรันเดนบูรก์ประตูเมืองเยอรมัน ทัวร์เยอรมัน

บรันเดนบูรก์ประตูเมืองเยอรมัน ทัวร์เยอรมัน


บรันเดนบูรก์ (Brandenburger Tor) เป็นประตูเมืองที่ถูกสร้างขึ้นในคริสต์วรรษที่ 18 ตอนปลาย ประตูแห่งนี้สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิก (Neoclassical) โดยปัจจุบันถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอย่างกรุงเบอร์ลิน ประตูชัยตั้งอยู่ในใจกลางของเบอรืลิน ถนนหลวงอุนเทอร์ เดน ลินเดน (Unter den Linden) และถนนอีบัทสทราสเซ่ (Ebertstraße) ห่างออกไปจากประตูชัยหนึ่งบล๊อกเป็นอาคารรัฐสภาไรซ์สตาค



ประตูชัยแห่งนี้เมื่อตรงขึ้นไปจะเข้าสู่พระราชวังเมืองของพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรปรัสเซีย (Prussia) พระเจ้าฟรีดิช วิลเฮล์มที่ 2 แห่งปรัสเซีย ทรงมีคำสั่งให้สร้างประตูแห่งนี้ขึ้นเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ โดยใช้เวลาสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ. 2331 - 2334 โดยนายพลคารืล ก็อทท์ฮาร์ด แลงฮานส์ แต่ก็ได้รับความเสียหายในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 และในเวลาต่อมาในปีพ.ศ.2543 - 2545 ประตูบรันเดนบูรก์ก็ได้รับการบูรณะเสร็จ โดยมูลนิธิอนุรักษ์อนุสาวรีย์เบอร์ลิน (Stiftung Denkmalschutz Berlin)


ในปีพ.ศ. 2231 สมัยของพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 หลังสงคราม 30 ปีก่อนที่จะเริ่มสร้างประตูบรันเดนบูรก์ไม่นานนัก กรุงเบอร์ลินนั้นเต็มไปด้วยเส้นทางเล็กๆ ซึ่งอยู่ภายในป้อมดาว (Star Fort) แต่ประตูบรันเดนบูรก์ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของป้อมปราการแห่งนี้ แต่ก็เป็น 1 ใน 18 ประตูของกำแพงเบอร์ลิน (Berlin Customs Wall) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1730 โดยได้สร้างป้อมทับซ้อนกับป้อมปราการเก่ายาวไปจนถึงชานเมือง


ประตูบรันเดนบูรก์ได้สร้างขึ้นในยุคของพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 2 เพื่อเป็นเสมือนตัวแทนแห่งสันติภาพ ประตูนี้ประกอบด้วยเสาแบบดอริก 12 ต้น มีด้านละ 6 ต้นมี 5 ช่องทางเดิน โดยประชาชนสามารถเดินผ่านได้เฉพาะข้างกำแพงทั้งสองด้านเท่านั้น ด้านบนสุดเป็นปฏิมากรรมรูปควอดริก้า คือรถม้าลาก 4 ตัว ซึ่งเป็นของวิคตอเรียเทพแห่งชัยชนะนั่นเอง - ทัวร์เยอรมัน ทัวร์เยอรมนี


Cr. Wonderfulpackage ข้อมูลเที่ยวต่างประเทศ

ฮิโกเนะปราสาทสมัยเอโดะที่ญี่ปุ่น ข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ฮิโกเนะปราสาทสมัยเอโดะที่ญี่ปุ่น ข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่น


ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle) เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นมาในสมัยเอโดะ(โตเกียวปัจจุบัน) โดยสร้างขึ้นที่เมืองอิโกเนะ ในจังหวัดชิบะ ญี่ปุ่น ปราสาทฮิโกเนะเป็นปราสาทที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ของเมืองชิบะ และในปัจจุบันยังเป็น 1 ใน 12 ปราสาทที่ยังคงอนุรักษ์สภาพเดิมเอาไว้ของประเทศญี่ปุ่น ที่สำคัญปราสาทฮิโกเนะยังเป็น 1 ใน 4 ของปราสาทมรดกแห่งชาติอีกด้วย


ปราสาทฮิโกเนะถูกสร้างขึ้นจริงๆในปีค.ศ. 1575 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทโอสึ ในปีค.ศ. 1603 อี นะโอคะสึ ซึ่งเป็นหลานชายของอดีตไดเมียวนามว่า "อี นาโอะมาสะ" ได้สั่งให้ทำการย้ายปราสาทไปไปสร้างยังฮิโกเนะ และก็ยังคงมีส่วนอื่นๆของปราสาทฮิโกเนะที่ได้ย้ายมาจากปราสาทนางะฮามะ


ปีค.ศ.1622 เป็นปีที่สร้างตัวปราสาทเสร็จ และมีตระกูลนาโอะคะสึเป็นผู้ครอบครองปราสาทแห่งนี้ (ตระกูลนาโอะคะสึนั้นขึ้นตรงต่อรัฐบาลโทกุกาวะ) ในเวลาต่อมาเมื่อนาโอะทาเกะได้เข้ามาปกครองมณฑลโอมิ จริงได้ทำการสร้างตัวปราสาทจนเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด (สร้างโดยนำหินมาจากปราสาทซาวายามะ)


ในยุคสมัยของการปฏิรูปเมจิในปีค.ศ. 1868 สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้สั่งให้มีการรื้อถอนปราสาทมากมายหลายแห่ง ยกเว้นปราสาทฮิโกเนะที่ไม่ต้องรื้อถอน นั่นจึงทำให้ปราสาทนั้นมีอยู่จนถึงทุกวันนี้


ปราสาทฮิโกเนะเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งที่ยังคงสภาพดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน และในเวลาต่อมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้มีการจัดการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติในปีค.ศ. 1952


*ปราสาทฮิโกเนะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทุกวันในเวลา 8.30 - 17.00น. ยกเว้นวันหยุดราชการ


Cr.ข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่น
http://www.wonderfulpackage.com/tour/ญี่ปุ่น

รู้จักฮอกไกโดให้มากขึ้น