โตเกียว แผนที่ญี่ปุ่น ฮอกไกโด เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง pantip เกียวโต ฟุกุโอกะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ชิราคาวาโกะ ชินจูกุ เที่ยวฮอกไกโด ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาทโอซาก้า เที่ยวโตเกียว pantip ที่เที่ยวโตเกียว นาโกย่า ทัวร์ญี่ปุ่น pantip ไปเที่ยวญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น เที่ยวเกียวโต เที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ทาคายาม่า

Website Traffic

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เที่ยวญี่ปุ่น แสดงบทความทั้งหมด

เที่ยวญี่ปุ่นชม 10 อันดับเมืองน่าอยู่ของญี่ปุ่นกันเถอะ

เที่ยวญี่ปุ่นชม 10 อันดับเมืองน่าอยู่ของญี่ปุ่นกันเถอะ


ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่ใครๆก็อยากจะลองไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต หรือบางคนอาจจะไปหางานทำหรือย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นก็มี ในวันนี้ทาง Wonderfulpackagetravel จะขอพาไปดูกันว่า 10 อันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีที่ไหนกันบ้างไปดูพร้อมกันเลยค่ะ

8สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปทัวร์ญี่ปุ่น

8สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปทัวร์ญี่ปุ่น

เพื่อนๆอยากไปญี่ปุ่นกันหรือเปล่า? เพื่อนๆอาจจะอยากเดินทางไปด้วยตนเอง backpacker หรือเคยไปเองมาแล้ว หรือมีเพื่อนๆ ญาติพี่น้องอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น บางท่านอาจจะบอกว่ามีความรู้ทางภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย อาจสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่ถ้าเพื่อนๆไม่เคยเดินทางไปญี่ปุ่นหรือต่างประเทศมาก่อนก็อาจจะกังวลเกี่ยวกับการต้องเตรียมเอกสาร การยื่นขอวีซ่า และอีกมากมายเป็นต้นฯ

ขอแนะนำให้ลองใช้บริการกับทัวร์ญี่ปุ่นชั้นนำของไทยที่ไว้วางใจได้ดูก่อนค่ะ (อย่างน้อยๆก็เป็นไกด์ไลน์เผื่อเราจะลองเดินทางด้วยตนเองวันหน้าได้) บริษัททัวร์ญี่ปุ่นในบ้านเราก็มีให้เลือกให้ตัดสินใจอยู่มากมายด้วยกัน หลักๆนอกจากเรื่องราคาทัวร์แล้วนั้นต้องดูรายละเอียดของโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นที่เราสนใจให้ละเอียดก่อนค่ะ แต่จะมีอะไรบ้างนั้นตามมากันเลยค่ะ

10 อาหารจานแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น

10 อาหารจานแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น


ขึ้นชื่อว่าอาหารญี่ปุ่นแล้วใครหลายคนคงไม่ปฏิเสธถึงเรื่องรสชาติ หรือความสดใหม่ของวัตถุดิบอย่างแน่นอน แต่เพื่อนๆอยากรู้หรือไม่ว่า อาหารน่าตาแปลกๆแต่ดันกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่านั้นที่ประเทศญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ

ไปเที่ยวญี่ปุ่นรู้จักกับปลาแซลมอนอันโด่งดัง

ไปเที่ยวญี่ปุ่นรู้จักกับปลาแซลมอนอันโด่งดัง

aquabestnyc.com

ขึ้นชื่อว่าปลาแซลมอนแล้วเพื่อนๆหลายคนคงนึกถึงเนื้อปลาที่มีรสหวานไม่เลี่ยนและไข่ปลาอันเลื่องชื่อในญี่ปุ่นและทั่วโลก แล้วเพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าปลาแซลมอนนั้นมีถิ่นกำเนิดมาจากที่ไหน และกว่าจะมาเป็นเมนูชื่อดังมากมายให้เพื่อนๆได้ลิ้มลองกันนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้างตามมาด้วยกันเถอะค่ะ

ทัวร์โอซาก้า เที่ยวเท็นโนจิกันดีกว่า

ทัวร์โอซาก้า เที่ยวเท็นโนจิกันดีกว่า


หากเพื่อนๆได้มีโอกาศไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือไปทัวร์ญี่ปุ่นแบบใดก็ตาม เพื่อนๆลองมายังที่เมืองโอซาก้ากันดูนะคะ ในวันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับย่านเท็นโนจิ (Tennoji) ย่านแหล่งช้อปปิ้งดังของโอซาก้าค่ะ

7 สถานที่เที่ยวในกรุงโตเกียวที่ต้องไปให้ได้

7 สถานที่เที่ยวในกรุงโตเกียวที่ต้องไปให้ได้


โตเกียว นั้นเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นที่มีความโดดเด่นและเอกลักษณ์อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณี สังคมเมือง ด้านคมนาคมและในอีกหลายๆอย่าง เชื่อว่าถ้าได้มาทัวร์โตเกียวสักครั้งหนึ่งก็ควรที่จะหาข้อมูลหรือศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวก่อนที่จะเดินทาง เพราะเราจะได้วางแผนถูกไม่เสียเวลาโดยไม่จำเป็นค่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นทั้งทีถ้ามาถึงแล้วเราจะพาไปยัง 7 สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อนั้นมีที่ใดบ้างตามมาด้วยกันเลยค่ะ

5สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ต้องไปให้ได้

5สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่ต้องไปให้ได้

สวัสดีครับเพื่อนๆชาว wonderfulpackagetravel นี่ก็ใกล้จะเข้าสู่เทศกาลปีใหม่กันแล้วนะครับ หลายคนก็คงวางแผนไปท่องเที่ยวกันบ้างแล้ว แต่ใครที่ยังไม่รู้จะเดินทางไปเค้าดาวน์ที่ไหนดีนั้น ในวันนี้จะขอพาทุกคนไปยัง 5 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่เป็นจุดเด่นๆ จะมีที่ไหนบ้างติดตามชมได้เลยครับ

เกียวโต เมืองหลวงเก่าเสน่ห์แบบญี่ปุ่นขนานแท้

เกียวโต เมืองหลวงเก่าเสน่ห์แบบญี่ปุ่นขนานแท้

ทัวร์เกียวโต

เมืองเกียวโต (Kyoto) เป็นจังหวัดหนึ่งที่ตุ้งอยู่ในเขตคันไซ และแน่นอนว่าสมัยก่อนนั้นเมืองเกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน (ในช่วงปี พ.ศ. 1337 - 2412) โดยแต่เดิมนั้นเกียวโตเคยมีชื่อว่า "เฮอันเกียว" มาก่อน ซึ่งมีความหายว่า "เมืองแห่งความสวยงาม" เฮอันเคียวหรือเกียวโตนี้ในสมัยก่อนเป็นที่ประทับขององค์พระจักรพรรดิญี่ปุ่นมาก่อน จนมาถึงสมัยยุคการปฏิรูปเมจิ (ปี พ.ศ. 2411) จึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตไปยังเอโดะ (โตเกียวปัจจุบัน)

เที่ยวเกียวโต

เนื่องด้วยที่แต่เดิมนั้นเมืองเกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน จึงไม่แปลกที่เมืองแห่งนี้จะมีความเจริญครบแทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ และที่เด่นๆเลยก็เห็นจะเป็นวัดหรือศาลเจ้าที่มีมากกว่า 1,650 แห่งทั่วเมือง นอกนี้ยังมีศาลเจ้าลัทธิชินโตราวๆ 400 แห่ง รวมถึงปราสาท พระราชวังที่พระจักรพรรดิเคยประทับอยู่

เที่ยวเกียวโต

ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะทำสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ตาม เมืองต่างๆหลายเมืองก็ถูกทำลาย เสียหายจากการทิ้งระเบิดหลายเมืองไม่ว่าจะเป็น โตเกียว ฮิโรชิมา นางาซากิต่างก็เสียหายมากมาย แต่เมืองเกียวโตและเมืองนารากลับไม่ถูกโจมตีจากฝ่ายสัมพันธมิตร นั่นจึงทำให้คนรุ่นหลังยังคงได้เห็นความเป็นอยู่ วัฒนธรรมศิลปะและสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามคงเหลือไว้จนถึงปัจจุบัน


การที่จะเดินทางไปเที่ยวเกียวโตนั้นควรใช้เวลาอย่างน้อยๆซัก 2 วันเพื่อชมวัดวาอาราม ศาลเจ้าทั่วเกียวโตเพราะแต่ละแห่งนั้นมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ประจำสถานที่นั้นๆ เกียวโตนั้นเป็นเมืองที่มีสเน่ห์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ๆ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี


ในปัจจุบันนั้นเมืองเกียวโตเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของญี่ปุ่น ดดยมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคน เกียวโตมีพื้นที่ราวๆ 610 ตารางกิโลเมตร (ข้อมูลจาก wiki) เมืองเกียวโตเป็นเมืองที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆในเรื่องของการท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรมและโบราณสถาน นั่งจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่น จึงมาเที่ยวชมเมืองนี้เป็นอันดับต้นๆก็ว่าได้....


การเดินทางจากโอซาก้าไปยังเกียวโต มีวิธีดังต่อไปนี้


  1. JR Tokyo Line จากสถานีโอซาก้าไปลงที่สถานีเกียวโต ใช้เวลาเดินทาง 25 นาทีโดยประมาณ (ค่าโดยสาร 540 เยน)
  2. JR Tokaido Shinkansen จากสถานีชินโอซาก้า (Shin-Osaka) ลงที่สถานีเกียวโต ใช้เวลาเดินทาง 16 นาที (ค่าโดยสาร 1,380 เยน)
  3. JR Haraku Airport Express ขึ้นจากสนามบินคันไซ จะมีสถานีให้เลือกหลายสายได้แก่ สถานี Tennoji, Nishikujo, Shin-Osaka ไปลงยังสถานีเกียวโต
  4. Keihan Railway จากสถานีโยโดบาชิ (Yodobashi) ไปลงที่สถานี Sanjo Station ในเกียวโต ใช้เวลาประมาณ 50 นาที (ค่าโดยสาร 400 เยน)
  5. Hankyu Railway จากสถานีอูเมดะ (Umeda) ไปลงที่สถานี Karasuma ในเกียวโต ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที (ค่าโดยสาร 390 เยน) ทัวร์เกียวโต



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.wonderfulpackage.com
http://th.wikipedia.org

ขอคุณรูปภาพจาก
Google.in.th
wallpoper.com
unforbiddingcity.files.wordpress.com
jmjtravels.com

ไปเที่ยวฮอกไกโดกันเถอะ

ไปเที่ยวฮอกไกโดกันเถอะ

ฮอกไกโด

ฮอกไกโด (Hokkaido) หรือเอโซะ ชื่อแต่เดิม ฮอกไกโดเป็นชื่อจังหวัดและเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองของประเทศญี่ปุ่นรองจากเกาะฮอนชู เกาะฮอกไกโดนั้นมีอุโมงค์ที่เขื่อมถึงกันได้ชื่อว่า "อุโมงค์ใต้ทะเลเซคัง" จังหวัดฮอกไกโดเป็นเขตการปกครองเป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่รวมอยู่ โดยมีฮอกไกโดเป็นศูนย์กลาง และยังเป็นเมืองหลวงของซับโปโรอีกด้วย

Hakone เมืองท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

Hakone เมืองท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น

Hakone Kora Park

เที่ยวญี่ปุ่น

เมื่อลองเดินตามถนนเลียบทางขึ้นรถไฟไปราวๆ 10 นาทีก่อนที่จะถึงสถานีโกร่า จะสังเกตุเห็นป้ายบอกทางไปยังสวนโกร่าปาร์ค (Gora Park) ที่ชี้ขึ้นไปบนเนินเขาสูงชัน ทำเอาเกือบจะถอดใจไปเหมือนกัน แต่ไหนๆก็อุส่าเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว จะถอยกลับก็คงไม่ได้ เอาเว๊ย ต้องลองสักครั้ง!! กว่าจะเดินถึงและกว่าจะหาทางเข้าเจอ ทำเอาท้อเหมือนกัน ภายในสวนโกร่าแห่งนี้เป็นสวนหินขนาดใหญ่ มีทั้งต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธ์ุ แล้วยังมีสระน้ำพุยักษ์ (Gigantic Fountain Pond)

Sounzan Cable Car

  หลังกจากที่เดินชมสวนโกร่าเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาลงเขาเพื่อไปขึ้นรถรางเคเบิ้ลคาร์ (Sounzan Cable Car) ซึ่งอยู่ที่สถานีโกร่า (Gora) เพื่อขึ้นไปยังสถานี Sounzan บนยอดเขาที่มีระดับความสูง 761 เมตรโดยประมาณ ตัวรถเคเลิ้ลนั้นจะมีเพียงแค่ 2 ตู้ ออกทุกๆ 15-30 นาที แล้วจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 นาที และจะแวะจอดตามสถานีเล็กๆตามรายทางที่ค่อยๆสูงขึ้นไปด้วย (ประมาณ 3-4 สถานีได้) ส่วนค่าโดยสารนั้นอยู่ที่คนละ 410 เยน ด้วยรถที่มีบริการจำกัดและนานๆก็จะออกที จัดทำให้บนรถอัดแน่นด้วยผู้โดยสารเหมือนปลากระป๋อง - -"




กระเช้าไฟฟ้า Hakone Ropeway


  จากสถานี Sounzan นั่งกระเช้าไฟฟ้า (Rope way) ต่อไปอีก 7 นาทีก็จะมาถึงสถานีโอวาคุดานิ (Owakudani) ในระหว่างทางมองลงไปข้างล่างจะเห็นควันออกจากบ่อกำมะถันที่พวยพุ่งขึ้นมาจากภูเขา ที่โอวาคุดานิมีอาหารที่ขึ้นชื่อและเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ "ไขดำโอวาคุดานิ" แวะชิมไปด้วยในขณะที่นั่งกระเช้า กระเช้าสามารถรับผู้โดยสารได้ครั้งละ 8 คน


  หลังจากแวะชิมไข่ดำแล้วเปลี่ยนกระเช้า ในครั้งนี้จะเป็นกระเช้าที่จุได้ 4 คนเท่านั้น ผ่านสถานีอูบาโกะ (Ubako) ซึ่งไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 18 นาทีก็จะมาถึงสถานีโทเดนได (Todendai) เพื่อเตรียมจะลงเรือล่องในทะเลสาปอาชิต่อไป ประเทศญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น









ระหว่างทางบนกระเช้าและที่สถานีโอวาคุดานิ ท่องเที่ยวญี่ปุ่น จะอยู่ที่ระดับความสูงถึง 1,044 เมตร แล้วในวันที่อากาศแจ่มใสปรอดโปร่งก็สามารถที่จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนอีกด้วย สำหรับค่าโดยสารกระเช้าไฟฟ้าทั้งสองช่วงแบ่งเป็น เที่ยวเดียวราคาอยู่ที่ 1,330 เยน และแบบไป-กลับ อยู่ที่ 2,340 เยน

ขอบคุณข้อมูลจาก Wonderfulpackage.com
Cr.รูปภาพจาก Google

เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่วัดฮาเสะเดระ - ญี่ปุ่น

เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่วัดฮาเสะเดระ - ญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น

จากวัดพระใหญ่เดินลงมาไม่ไกล มีเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ที่วัดฮาเสะ (Hasedera Temple) เห็นโคมไฟสีแดงใบใหญ่แขวนอยู่ตรงประตูทางเข้าวัด

เข้าไปด้านในวัดดูสวยงามด้วยการจัดสวนแบบญี่ปุ่น สระน้ำที่มีปลาคาร์ฟสวยๆว่ายอยู่ในบ่อ ต้นซากุระที่นี่กำลังออกดอกห้อยระย้าไม่เหมือนที่อื่น ก่อนที่จะขึ้นไปนมัสการองค์เจ้าแม่กวนอิมจะต้องแวะชมรูปปั้นหินเทวรูปหิน "จิโสะ" กันก่อนมีจำนวนกว่าพันองค์เลทีเดียว เทวรูหินเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่ออุทศให้แด่เด็กทารกที่เสียชีวิตจากการทำแท้ง เราจึงเห็นผ้าเอี๊ยมกับหมวกไหมพรมสีแดงสดใส่บนองค์เทวรูป

เดินขึ้นบันไดไปจึงจะถึงวิหารที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้หุ้มด้วยทององค์ใหญ่ปาง 11 พักตร์ สูงถึง 9.18 เมตร ใหญ่สุดในญี่ปุ่นรวมทั้งพระพุทธรูปปางต่างๆประทับอยู่กลางแจ้งอีกหลายองค์


ที่มุมด้านหน้าของวิหารใหญ่เป็นจุดชมวิวสามารถมองเห็นชายฝั่งทะเลอ่าวซากะมิของเมืองคามาคุระจากตรงนี้ได้อย่างชัดเจน

ก่อนออกมาอย่าลืมไปมุดเข้าถ้ำ ภายในมีพุทธรูปเล็กๆองค์สีเหลืองตั้งเรียงรายอยู่หลายร้ององค์ บรรยากาศภายในดูร่มรื่นมาก ก่อนออกมามีแม่ชีคอยยืนส่งทางให้ด้วยเช่นกัน บริเวณด้านหน้าทางเข้าวัดมีร้านขายสินค้าที่ระลึกอยู่หลายร้านเลือกซื้อกันได้ตามสะดวก จากนั้นเดินไปขึ้นรถไฟสาย Enoden ที่สถานีฮาเสะที่อยู่ใกล้ๆกลับไปยังสถานีคามาคุระ

เที่ยวญี่ปุ่น

ค่าเข้าชมวัดฮาเสะ ผูใหญ่ 300 เยน เด็กอายุ 6-11 ปี 100 เยน
เวลาเปิดปิดให้เข้าชม ทุกวันเวลา 08.00-17.30น. (ในเดือนจุลาคม-กุมภาพันธ์ เปิดถึง 16.30น.)

ตั๋วโปรโมชั่นสำหรับเที่ยวชมเมืองคามาคุระ
1.Kamakura Enoshima Free Kippu สามารถใช้ขึ้นรถไฟของ JR,Enoden Line และ Shonan Monorail สามารถใช้เดินทางได้ไม่จำกัดในเมืองคามาคุระ รวมทั้งใช้เดินทางไป-กลับจากสถานีรถไฟ JR Yamanote สถานีไหนก็ได้ในโตเกียว ตั๋วมีอายุใช้งานได้ 2 วัน สามารถหาซื้อได้ตามตู้ขายตั๋วอัตโนมัติในสถานีรถไฟ JR ทุกแห่ง

*สำหรับผู้ที่มีบัตรโดยสาร JR Rail Pass สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่คามาคุระได้ เพียงแต่ต้องจ่ายค่าโดยสารรถไฟสาย Enoden หรือรถเมล์เพิ่มอีกหน่อย - เที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

วัดเองงะคุจิ วัดที่ขึ้นชื่อในโยโกฮาม่า - ญี่ปุ่น

วัดเองงะคุจิ วัดที่ขึ้นชื่อในโยโกฮาม่า

ทัวร์ญี่ปุ่น

  สำหรับการเดินทางที่สะดวกที่สุดก็คือให้เดินจากสถานี Ishikawacho ในโยโกฮาม่าด้วยรถไฟ JR Yokosuka Line มาลงที่สถานี Kita-Kamakura เดินลงมาทางใต้ไม่ถึงนาทีก็จะมองเห็นทางเข้าวัดเองงะคุจิอยู่ทางด้านซ้ายมือเมื่อเดินขึ้นบันไดหินไปก็จะเห็นศาลาไม้เก่าหลังใหญ่ตั้งอยู่สูงเด่น

  วัดเองงะคุจิ (Engakuji Temple) เป็นหนึ่งในห้าวัดใหญ่ของวัดพุทธในนิกายเซนที่ยังเหลืออยู่ในคามาคุระ สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1825 (หลังปีที่ถูกกองทัพมองโกเลียรุกรานในครั้งที่ 2 เพียง 1 ปี) เพื่ออุทิศให้กับผู้ที่เสียชีวิตในช่วงที่ทัพมองโกลเข้ามารุกรานนั่นเอง

  ภายในบริเวณของหอซาริเด็น (Shariden)  มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ รวมทั้งพระพุทธรูปหินที่ตั้งอยู่กลางแจ้งมากมายหลายองค์นั้น ก็ผุกร่อนกันไปตามเวลา บนตัวพระและองค์ฐานพระนั้นมีเงินเหรียญวางบริจาคไว้อยู่เต็มไปหมด ถ้าลองเดินไปหลังวัดก็จะเจอระฆังสูง 2.5 เมตร ใบใหญ่ที่สุดของเมืองคามาคุระตั้งอยู่

เที่ยวญี่ปุ่น

ภายในบริเวณวัดดูร่มรื่น ถ้าเดินไปถึงด้านหลังจะมีสวนญี่ปุ่นสวยๆ ให้เดินชมโดยมีฉากหลังเป็นภูเขา ขอแนะนำให้ไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงดอกซากุระกำลังเบ่งบานพอดีจึงสวยมากค่ะ

การเดินทางไปวัด Engakuji
- เดินจากสถานี Kita-Kamakura ราวๆ 1 นาที
ค่าเข้าชม 300 เยน
เวลาเปิดให้เข้าชม ทุกวัน 09.00 - 18.00 น.

ขึ้นรถไฟญี่ปุ่นใครว่ายาก

ขึ้นรถไฟญี่ปุ่นใครว่ายาก


   หลายคนคงอยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นซักครั้งในชีวิตกันใช่มั้ยคะ แต่ถ้าไปกับทัวร์ญี่ปุ่นเองก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าใครที่อยากไปผจญภัยด้วยตัวเอง แค่พูดฟังภาษาอังกฤษก็ยังดำน้ำ แล้วจะไปพูดไปฟัง หรือไปอ่านภาษาญี่ปุ่นเนี่ยนะ ตายดีกว่าาาา หยุดก่อนค่ะ ของให้หยุดความคิดเหล่านั้นไว้เลย วันนี้เรามีเทคนิคเล็กๆน้อยในการขึ้นรถไฟญี่ปุ่นกันค่ะ รับรองพออ่านบทความนี้จบแล้วไม่กลัวหลงอีกต่อไป

สิ่งแรกสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราหลังจากที่ลงเครื่องบินมาแล้วนั้นก็คงต้องอยากขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายที่ต้องการกันใช่ไหมคะ แต่เราไม่สามารถอ่านภาษาญี่ปุ่นออกเลยนะ? จะทำยังไงดี? ข้อแนะนำในการดูป้ายสัญลักษณ์ต่างๆของรถไฟชินคันเซ็น โดยหลักๆแล้วจะมีทั้งหมด 3 ป้ายดังนี้

1.ป้ายขบวน Nozomi


ป้ายนี้เป็นป้ายที่ติดอยู่ข้างขบวนรถไฟค่ะ เป็นป้ายสีเหลือง เริ่มต้นที่สถานี Nozomi ปลายทางอยู่ที่ Shin-Osaka ค่ะ

2.ป้ายขบวน Hiraki - Okayama


ป้ายนี้เป็นป้ายสีแดง ซึ่งเริ่มที่สถานี Hikari ปลายทางที่ Okayama

3.ป้ายขบวน Kodama - Nagoya


ป้ายสุดท้ายเป็นสีฟ้าหรือ/น้ำเงิน สถานีเริ่มที่ Kodama และปลายทางสิ้นสุดที่ Nagoya ค่ะ

นอกจากป้ายที่อยู่ข้างขบวนรถไฟแล้วยังมีอีกป้ายที่เป็นจุดสังเกตุเห็นได้ง่ายเหมือนกันค่ะ นั่นคือ ป้ายแขวนบอกเวลาเดินรถไฟค่ะ โดยเ้จาป้ายนี้จะบอกว่า ขบวนรถไหนกำลังจะมา จะมาถึงกี่โมง ปลายทางต่อไปจะไปไหนค่ะ


ถ้ายังไม่แน่ใจยังมีป้ายอยู่ตรงพื้นบอกอีกด้วยค่ะ โดยตรงพื้นนั้นจะบอกว่าถ้าเรายืนรอตรงจุดนี้จะตรงกับขบวนอะไร ตู้ที่เท่าไหร่ (ละเอียดมากค่ะ) ......คราวนี้เพื่อนๆที่อยากจะลองขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นเองนั้นคงอุ่นใจขึ้นเยอะเลยใช่ไหมคะ ไว้คราวหน้ามีเรื่องเล่าอะไรแปลกๆสนุกๆนำมาฝากกันอีก คอยติดตามกันด้วยนะคะ ซาโยนาระ!!!


ขอขอบคุณเรื่องเล่าและข้อมูลดีๆจาก Wonderfulpackage.com
สามารถติดตามแฟนเพจได้ทาง facebook.com/wonderfulfanpage & twitter.com/wonderfulweb

ชิมราเมนแสนอร่อยที่ yokohama raumen museum

ชิมราเมนแสนอร่อยที่ yokohama raumen museum


     ถ้านั่งรถไฟจากสถานีชิน โยโกฮามา (Shin Yokohama) เดินตรงขึ้นไปทางเหนือไม่ไกลนักก็จะเห็นพิพิธภัณฑ์ราเมน (Shin Yokohama Ramen Museum) ซึ่งจัดแสดงถึงความเป็นมาของราเมนแสนอร่อย เมนูยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่น แต่รู้หรือไม่ว่าราเมนจริงๆนั้นมีต้นกำเนิดมาจากบะหมี่ของประเทศจีนนะ


     เมื่อเข้ามาภายในพิพิธภัณฑ์ราเมน(ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย) บอกได้เลยว่าไม่เหมือนพิพิธภัณฑ์ที่เราเคยเห็นๆกันมาก่อนแน่ๆ เพราะส่วนแรกที่ได้เห็นคือร้านขายของฝากซึ่งมีราเมนสำเร็จรูปรวมอยู่ด้วยหลายชนิด รวมทั้งถ้วยชามที่ไว้สำหรับใส่ราเมนอีกด้วย

     และถ้าเราเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน ก็จะพบร้านขายราเมนอยู่เต็มไปหมด มีการตกแต่งทั้งหน้าร้านและภายในให้เป็นบรรยากาศย้อนยุคราวๆปี พ.ศ. 2500 ให้ได้เลือกสั่งราเมนอร่อยๆทาน ทั้งจากตู้อัตโนมัติ ซึ่งแต่ละตู้ก็จะมีราคา และราเมนหลายแบบให้เลือกกัน หรือจะกินในร้านก็มีบริการ แต่จะต้องต่อแถวยาวเหยียดรอคิว(ต้องแลกคูปองก่อนต่อแถวนะคะ) ถึงจะมีอยู่หลายร้านก็เถอะ แต่คนก็แน่นเต็มทุกร้านเลย


     แต่ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหน เมื่อได้ชิมราเมนร้อนๆแสนอร่อยแล้วจะต้องลืมเมื่อยกันไปเลยค่ะ เพราะที่นี่จะเป็นราเมนในสูตรต้นตำหรับของแท้เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ได้ชิมถึงรสชาติดั้งเดิมที่มีมานาน หลังจากที่อิ่มอร่อยกับราเมนแล้ว ร้านข้างๆก็มีสินค้าพวกย้อนยุคมากมาย เช่นชนม ของฝากน่ารักๆอยู่หลายร้านค่ะ แล้วเมื่อเราขึ้นบันไดไปก็จะเห็นส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของราเมน ทั้งวัสดุที่ใช้ทำ เครื่องมือในการผลิตเส้นราเมนเป็นต้นฯ 


*ข้อแนะนำนะคะ หากท่าใดที่มาพิพิธภัณฑ์ราเมนที่โยโกฮาม่าแล้วก็อย่าเพิ่งรีบเข้ามาทานราเมนก่อนนะคะ เพราะที่นี่มีร้านราเมนอยู่ถึง 8 ร้านให้ได้เลือกชิมกันเลยทีเดียว ให้ลองหยิบเอกสารที่เค้าแจกด้วยนะคะ จะได้รู้ว่าร้านไหนมีราเมนแบบไหนขายอยู่บ้าง...


ไว้คราวหน้าจะพาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ใดนั้นคอยติดตามชมกันนะคะ




ขอขอบคุณข้อมูลท่องเที่ยวญี่ปุ่นดีๆจาก Wonderfulpackage.com

ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ twitter.com/wonderfulweb

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

วิธีเดินทางจากโตเกียวสู่โยโกฮาม่า

ญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางง่ายๆจากกรุงโตเกียวไปยังโยโกฮาม่า มีหลากหลายเส้นทางแต่ในวันนี้จะขอแนะนำวิธีที่สะดวกที่สุดอีกหนึ่งเส้นทางดังนี้
1.จากสถานีโตเกียว ให้นั่งJR Keihin-Tohoku Line หรือ JR Yokosuka Line มาถึงสถานีโยโกฮาม่าโดยใช้เวลาประมาณ 25-40 นาทีค่าโดยสาร 450 เยน ให้เลือกนั่งขบวน Rapid หรือ Limited Express ค่ะ ซึ่งจะมีรถออกทุกๆ 5-10 นาที
2.จากสถานีชินจูกุ นั่งJR Shonan Shinjuku Line ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสาร 540 เยน มีรถออกทุก 20-30 นาที
3.จากสถานีชิบูย่า นั่ง Tokyo Toyoko Line/Minato Line ถึงสถานีโยโกฮาม่าใช้เวลา 25-40 นาที ค่าโดยสาร 260 เยนรถออกทุก 10 นาที
4.จากสถานีโตเกียวนั่ง JR Tokaido Shinkansen ถึงสถานีโยโกฮาม่า ใช้เวลาประมาณ20นาที มีรถออกทุกๆ 20-40 นาที
5.จากสถานี Shin-Yokohama สามารถเดินทางไปยังสถานีโยโกฮาม่าได้โดยนั่ง Yokohama Subway ใช้เวลาประมาณ 12 นาที

ขอบคุณข้อมูลจาก facebook.com/wonderfulfanpage

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น

สวนสาธารณะ ทจึรุยะมะ
ที่ตั้ง : เมืองทจึยะมะ จังหวัดโอคะยะมะ
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR ทสึยะมะ 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 210 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ในอดีตสวนสาธารณะแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ ปราสาท "ทจึยะมะ" ปัจจุบันยังคงเหลือแนวกำแพงหินที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม หลายคนกล่าวว่า ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุด ในแถบภาคตะวันตกของญี่ปุ่นในแต่ละปีเมื่อถึงฤดู ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น

การเมือง การปกครองญี่ปุ่น


การเมืองการปกครอง 

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะประเทศญี่ปุ่นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมีสมเด็จพระจักรพรรดิทรงเป็นประมุข แต่พระจักรพรรดิไม่มีพระราชอำนาจในการบริหารประเทศ โดยมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งญี่ปุ่นว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ อำนาจการปกครองส่วนใหญ่ตกอยู่กับนายกรัฐมนตรีและสมาชิกอื่น ๆ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ส่วนอำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของชาวญี่ปุ่น พระจักรพรรดิทรงทำหน้าที่เป็นประมุขแห่งรัฐในพิธีการทางการทูต พระองค์ปัจจุบันคือจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ส่วนรัชทายาทคือมกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลสูงสุดของญี่ปุ่นองค์กรนิติบัญญัติของญี่ปุ่น คือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ญี่ปุ่น: 国会 Kokkai ?) หรือที่เรียก "ไดเอ็ต" เป็นระบบสองสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร (ญี่ปุ่น: 衆議院 Shugi-in ?) เป็นสภาล่าง มีสมาชิกสี่ร้อยแปดสิบคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งสี่ปี และมนตรีสภา (ญี่ปุ่น: 参議院 Sangi-in ?) เป็นสภาสูง มีสมาชิกสองร้อยสี่สิบสองคนซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งหกปี โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกมนตรีสภาจำนวนครึ่งหนึ่งสลับกันไปทุกสามปี สมาชิกของสภาทั้งสองมาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์เป็นต้นไปพรรคเสรีประชาธิปไตยเป็นพรรครัฐบาลมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งพรรคใน พ.ศ. 2498จนในปี พ.ศ. 2552 พรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่นชนะการเลือกตั้ง จึงทำให้พรรคเสรีประชาธิปไตยเสียตำแหน่งพรรครัฐบาลซึ่งครองมายาวนานกว่า 54 ปี ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

หัวหน้ารัฐบาล นายกรัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรีและให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายนะโอะโตะ คัง หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น ระบบกฎหมายของญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทางประวัติศาสตร์จากกฎหมายของจีน และมีพัฒนาการเฉพาะตัวในยุคเอโดะผ่านทางเอกสารต่าง ๆ เช่น ประมวลกฎหมายคุจิกะตะโอะซะดะเมะงากิ (ญี่ปุ่น: 公事方御定書) ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษ 2400 เป็นต้นมา ได้มีการวางรากฐานระบบตุลาการในญี่ปุ่นขนานใหญ่โดยใช้ระบบซีวิลลอว์ของยุโรปโดยเฉพาะของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นต้นแบบ เช่นใน พ.ศ. 2439 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งของตน เรียก "มินโป" (ญี่ปุ่น: 民法) โดยมีประมวลกฎหมายแพ่งของเยอรมันเป็นต้นแบบ และคงมีผลใช้บังคับอยู่นับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบัน และบรรดากฎหมายแม่บทของญี่ปุ่นมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นผู้ตรา พระจักรพรรดิเป็นผู้ทรงประกาศใช้โดยต้องทรงประทับพระราชลัญจกรเป็นการประกาศใช้ ทั้งนี้ โดยนิตินัยแล้วพระจักรพรรดิไม่ทรงมีพระราชอำนาจในการยับยั้งกฎหมาย ส่วนศาลของญี่ปุ่นนั้นแบ่งเป็นสามชั้นจากต่ำขึ้นไป ดังนี้ ศาลชั้นต้น ประกอบด้วย ศาลชั้นต้นทั่วไป ศาลแขวง "รปโป" (ญี่ปุ่น: 六法) มีสภาพเป็นประมวลกฎหมายที่สำคัญหกฉบับ เรื่องสนุกๆรออยู่ที่wonderfulpackage

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคใหม่ 



แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485 ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตกและทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลินเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประณามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941

ระเบิดนิวเคลียร์แฟทแมนที่ถูกทิ้งลงนะงะซะกิในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ 


ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 , 9 และ  15 สิงหาคม ปีเดียวกัน สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกในปี 1956 หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตกเศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551 ข้อมูลมากมายที่นี่

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยุคศักดินา


วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมากเที่ยวญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จทัวร์ญี่ปุ่น

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้นความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลงที่นี่

10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ

"10สถานที่มีชื่อเสียงในการชมซากุระ ตอนจบ"

ทัวร์ญี่ปุ่น

11. สวนเค็นโรขุเอ็ง
ที่ตั้ง : เมืองคะนะซะวะ จังหวัดอิชิกะวะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR คานาซาว่า 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนเค็นโรกุเอนเป็นหนึ่งในสามสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่เที่ยวญี่ปุ่น ภายในมีต้นซากุระ 420 ต้น เมื่อถึงเวลาที่ดอกซากุระบานเต็มที่จะงดงามมาก นับว่าเป็นฤดูที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ดอกซากุระบาน จะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระขึ้น ซึ่งสามารถเข้าชมได้โดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ทั้งยังสามารถชมดอกซากุระยามราตรีได้อีกด้วยเค็นโรขุเอ็งคิขุซากุระซึ่งเป็นดอกซากุระหายาก ที่มีกลีบมากถึง 300 กลีบ ของที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

12. ชิระกะวะโก
ที่ตั้ง : โอโอโนะ – กุง จังหวัดกิฟุ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ทะคะยะมะ 90 นาที 
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : หมู่บ้านชิระกะวะโกตั้งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีสิ่งก่อสร้างที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่ชื่อว่ากัตโชทจึคุริซึ่งหมายถึง การสร้างหลังคาบ้านลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว แม้ว่าจะมีต้นซากุระอยู่ไม่มากนัก แต่ที่นี่ท่านจะได้ชมความงามของชิดาเระซากุระที่มีกิ่งย้อยลงด้านล่างและโอโอตะซากุระซึ่งเป็นซากุระที่มีกลีบซ้อนกันถึง 90 กลีบ และมีเกสรตัวเมียมากถึง 15-20 อัน

13. สวนผลไม้ โทโงขุชัง เมืองนาโงย่า
ที่ตั้ง : เมืองนาโงย่า จังหวัดไอจิ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR โคโชจิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่มีต้นชิดาเระซากุระอยู่ถึง 1,000 ต้น ในเดือนเมษายนของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกชิดาเระซากุระ แต่ไม่ใช่แค่ดอกซากุระเท่านั้น ที่นี่จะได้ชมต้นผลไม้นานาชนิด สมกับชื่อสวนในช่วงเวลาเดียวกับที่ซากุระผลิดอก ท่านจะได้เห็นดอกของแอปเปิ้ลสาลี่ และท้อที่บานในเวลาเดียวกัน 

14. คะวะซุซากุระ
ที่ตั้ง : คาโมะ – กุง จังหวัดชิสึโอกะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ คะวะซุ (รถไฟด่วนสายอิสึ) 6 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนกุมภาพันธ์ - ปลายเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลน่ารู้ : ซากุระของที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากผลิดอกเร็วที่สุดในเกาะฮอนชู ช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานยาวนานถึง 1 เดือน ซากุระที่นี่เริ่มผลิดอกตั้งแต ่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในเมืองคะวะซุจะมีการจัดเทศกาลชมดอกซากุระนานถึง 1 เดือน ซึ่งคะวะซุซากุระของที่นี่จะมีสีชมพูเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะเนื่องจากที่นี่มีน้ำพุร้อนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอยากแนะนำให้ไปเที่ยวน้ำพุร้อนควบคู่กันไปด้วย

15. ทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ด้านเมืองโยชิดะ
ที่ตั้ง : เมืองฟูจิโยชิดะ จังหวัดยะมะนะชิ 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากสถานีรถไฟ ฟูจิโยชิดะ (รถไฟด่วนสายฟูจิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : ท่านสามารถชมดอกซากุระบนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในการเที่ยวญี่ปุ่น ที่นี่มีซากุระพันธุ์ฟูจิซากุระปลูกอยู่ถึง 2 หมื่นต้นฟูจิซากุระมีอีกชื่อว่ามาเมะซากุระหรือโอโตเมะซากุระเป็นซากุระที่มีลำต้นและดอกขนาดเล็กดูน่ารัก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกฟูจิซากุระขึ้น 

16. สวนสาธารณะ ทากาโทโฮโจชิ
ที่ตั้ง : ทาคาโทโอะ – โจ จังหวัดนะงะโนะ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทาง จากสถานีรถไฟ JR อินะชิ 25 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 250 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน สวนสาธารณะแห่งนี้จะจัดงานเทศกาลชมดอกซากุระขึ้น ประมาณ 1 เดือน ในช่วงเวลาดังกล่าว ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกซากุระยามราตรีได้ถึงเวลา 5 ทุ่ม ซากุระที่ มีชื่อเสียงมากของที่นี่คือ ซากุระพันธ์หายากที่ชื่อว่าทาคาโทโอโคอิงังซากุระซึ่งมีอยู่ถึง 1,500 ต้น ดอกของซากุระพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็กและมีสีเข้มกว่าโชเมอิโยชิโนะหากมีโอกาสได้เดินทางมาที่นี่ ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปตรงสะพานโออุงเคียว

17. หุบเขา นะงะโทโระ
ที่ตั้ง : จิจิบุ – กุง จังหวัดไซตามะ 
การเดินทาง : ใกล้สถานีรถไฟ นะงะโทโระ (รถไฟจิจิบุเท็ตจึโด)
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ต้นเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : หุบเขานะงะโทโระอยู่ห่างจากโตเกียวทางรถยนต์ราว 2 ชั่วโมง ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติงดงามตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน เนื่องจากมีซากุระปลูกอยู่เต็มไปหมดเกือบ 3,000 ต้น บรรยากาศของเมืองทั้งเมืองจึงเหมือนกับงานเทศกาลชมดอกซากุระ แต่ที่แนะนำเป็นพิเศษคือ ช่วงระยะทาง 4 กิโลเมตร จากสถานีรถไฟ นะงะโทโระ เลียบริมแม่น้ำอะระงะวะไปจนถึงสะพานทากาชาโงะบาชิซึ่งมีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่สองข้างทางเป็นจำนวนถึง 600 ต้น จนดูเหมือนเป็นอุโมงค์ซากุระ

18. แม่น้ำ เมงุโระงะวะ
ที่ตั้ง : เขตเมงุโระ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ อิเคจิริโอโออาชิ (รถไฟสายโตคิวเต็นเอ็งโทชิ) 10 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : แม่น้ำเมงุโระงะวะเป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่อ่าวโตเกียว มีความยาวราว 8 กิโลเมตร ทางเดินเลียบริมแม่น้ำส่วนหนึ่งระยะทาง 3.8 กิโลเมตร มีต้นซากุระปลูกเรียงรายอยู่ถึง 830 ต้น เมื่อถึงฤดูที่ดอกซากุระผลิบาน บริเวณดังกล่าวมักจะกลายเป็นสถานที่นัดพบของคู่รัก ในยามค่ำคืนจะมีการประดับไฟ ทำให้สามารถเกินชมดอกซากุระยามราตรีได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ไดกังยะมะแหล่งแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากวัยรุ่นที่มาทัวร์ญี่ปุ่น ซึ่งคงจะเป็นที่ถูกใจผู้ชื่นชอบแฟชั่นแน่นอน 

19. สวนสาธารณะ อุเอะโนะ
ที่ตั้ง : เขตไทโต กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR อุเอะโนะ 1 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : สวนสาธารณะแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว และเป็นสถานที่เลื่องชื่อในการชมดอกซากุระมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เนื่องจากเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดที่ชาวโตเกียวสามารถมาชมซากุระได้ ปัจจุบัน
สวนสาธารณะแห่งนี้ จึงยังคงเป็นที่รักของชาวเมืองโตเกียวอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย เมื่อถึงเทศกาลชมดอกซากุระวันที่แน่นขนัดมากๆ มีคนมาชมซากุระถึง 2 แสน 4 หมื่นคน สวนสาธารณะแห่งนี้หาง่าย แม้แต่ชาวต่างชาติก็สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก

20. จิโดริงาฟูจิ
ที่ตั้ง : เขตจิโยดะ กรุงโตเกียว 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน คุดันชิตะ 3 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน
ข้อมูลน่ารู้ : อยู่ใกล้กับพระราชวังอิมพีเรียลและนิฮอนบุโดคันแม้จะมีต้นซากุระไม่มากนักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่ด้วยความสวยงามที่ไม่รองใคร วันที่แน่นขนัดมากๆจะมีคนมาชมถึง 6 หมื่นคน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระจะมีการประดับไฟ ภาพซากุระยามราตรีที่สะท้อนแสงไฟสีฟ้าขาว กระทบลงบนแผ่นน้ำหน้าพระราชวังอิมพีเรียล เป็นภาพที่น่าประทับใจไม่อาจลืม หากเช่าเรือล่องไปตามทางน้ำของพระราชวังชมดอกซากุระจะโรแมนติกไม่น้อย

21. หมู่บ้านซามูไร คะกุโนะดะเตะ
ที่ตั้ง : เมืองเช็มโบคุ จังหวัดอะกิตะ 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ JR คะคุโนดาเทะ 20 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : กลางเดือนเมษายน - ปลายเดือนเมษายน
ค่าผ่านประตู : ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 100 เยน
ข้อมูลน่ารู้ : ที่คะกุโนะดะเตะมีหมู่บ้านซามูไรอยู่ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี ซากุระที่เลื่องชื่อของที่นี่คือชิดะเระซากุระภาพของชิดะเระซากุระที่ผลิดอกอยู่ในหมู่บ้านซามูไรเก่าแก่ ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในฉากหนึ่งของภาพยนต์ ซึ่งที่นี่ก็ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนต์อยู่เรื่อยมา ต้นซากุระส่วนใหญ่ของที่นี่ปลูกมาตั้งแต่สมัยก่อน บางต้นมีอายุมากกว่า 300 ปีหากได้เดินอยู่ในหมู่บ้านซามูไร ท่ามกลางกลีบดอกซากุระที่โปรยปรายลงมา คงจะรู้สึกเหมือนได้เป็นซามูไรกับเขาด้วย

22. บริเวณรอบปราสาท ฮิโระซะกิ
ที่ตั้ง : เมืองฮิโระซะกิ จังหวัดอะโนะโมะริ 
การเดินทาง : ขึ้นรถโดยสารประจำทางจากสถานีรถไฟ JR ฮิโระซะกิ 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซะกุระ : ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : มีผู้คนเดินทางมาร่วมเทศกาลชมดอกซะกุระของปราสาทฮิโระซะกิ กันล้นหลามมากถึงปีละ 2 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2005 มีถึง 2,500,000 คน งานเทศกาลของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม สาเหตุที่ได้รับความนิยมมากป็นเพราะ ความงดงามของภาพดอกซากุระ ปราสาท และภูเขาอิวะกิ นอกจากโชเมอิโยชิโนะแล้วยังมีซากุระพันธุ์อื่นๆ เช่นชิดาเระซากุระ และยาเอะซากุระให้ได้ชมกันด้วย 

23. สวนสาธารณะ โกเรียวคะคุ
ที่ตั้ง : เมืองฮะโกะดะเตะ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟ โกเรียวคะคุโคเอ็งมาเอะ (รถไฟฮะโกะดะเตะชิเต็น) 15 นาที
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ: ปลายเดือนเมษายน - ต้นเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้: ที่นี่เป็นที่แรกในทัวร์ญี่ปุ่นที่มีการสร้างปราสาทสไตล์ยุโรป ทั้งยังเป็นสมรภูมิรบในสงครามฮะโกะดะเตะซึ่งเป็นสงครามภายในครั้งสุดท้าย ลักษณะเด่นของที่นี่คือ หากมองจากข้างบนลงมาจะเห็นเป็นรูปร่างคล้ายดวงดาว ภาพซากุระที่สะท้อนบนผิวน้ำในคูรอบโกเรียวคาคุนั้น มีความงดงามมากใกล้ๆยังมีหอคอยโกเรียวคาคุที่สามารถชื่นชมภาพทิวทัศน์ซากุระจากด้านบนได้ 

24. สวนสาธารณะ มะทสุมะเอะ
ที่ตั้ง : มะทสุมะโอะ – โจ ฮอกไกโด 
การเดินทาง : โดยรถยนต์จากตัวเมือง ฮะโกะดะเตะ 2 ชั่วโมง
ช่วงเวลาชมดอกซากุระ : ปลายเดือนเมษายน - ปลายเดือนพฤษภาคม
ข้อมูลน่ารู้ : ที่นี่มีซากุระมากถึง 250 พันธุ์ แต่ที่มีมากที่สุดคือยะเอะซากุร ซึ่งมีอยู่ถึง 10,000 ต้น ดอกซากุระแต่ละชนิดจะค่อยๆเบ่งบานตามลำดับ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนทำให้สามารถชมดอกซากุระได้ตลอด 1 เดือนเต็ม ยิ่งไปกว่านั้น ที่ฮอกไกโดดอกซากุระและดอกบ๊วยจะบานพร้อมกัน จึงสามารถเพลิดเพลินกับการชมดอกบ๊วยและดอกทสึบากิที่ศาลเจ้า มะทสุมะเอะภายในสวนได้ด้วย เทศกาลชมดอกซากุระของที่นี่เริ่มตั้งแต่ ปลายเดือนเมษายนที่ปราสาทมะทสุมะเอะจะมีการประดับไฟยามค่ำคืน ทำให้สามารถชื่นชมดอกซากุระยามราตรีได้ด้วย


ติดตามแฟนเพจได้ที่ facebook.com/wonderfulfanpage
และ wonderfulweb